หุ้น CFD คืออะไร? ทำความเข้าใจพื้นฐานสำหรับนักลงทุนไทย
สำหรับนักลงทุนชาวไทยที่กำลังมองหาโอกาสใหม่ในโลกการเงิน สัญญาซื้อขายส่วนต่าง หรือที่เรียกกันว่าหุ้น CFD กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่ามันคืออะไรและทำงานอย่างไรกันแน่ โดยสรุป CFD ถือเป็นเครื่องมือทางการเงินประเภทอนุพันธ์ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ หรือค่าเงินต่าง ๆ โดยไม่ต้องถือครองสินทรัพย์จริง ๆ ที่เป็นพื้นฐานของสัญญาเหล่านั้น

เมื่อเทรด CFD ผู้ซื้อกับผู้ขายจะตกลงกันเรื่องส่วนต่างของราคาสินทรัพย์ตั้งแต่เริ่มสัญญาจนถึงปิดสัญญา ถ้าราคาหุ้นที่คุณเลือกซื้อ CFD แล้วราคาขึ้น คุณก็จะได้กำไรจากส่วนต่างนั้น แต่ถ้าราคาตก คุณก็จะขาดทุนตามไปด้วย จุดเด่นหลักของ CFD คือการนำหลักการคันโยกทางการเงินมาใช้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนควบคุมการลงทุนที่มีมูลค่าสูงกว่าทุนที่ฝากจริง เพียงแค่วางเงินประกันบางส่วนจากมูลค่ารวมของการเทรด เช่น ถ้าคุณใช้คันโยกแบบ 1 ต่อ 100 คุณสามารถเทรดหุ้น CFD มูลค่า 100,000 บาทได้ด้วยเงินแค่ 1,000 บาท นี่ทำให้โอกาสทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ต้องแลกกับความเสี่ยงที่รุนแรงกว่าเดิม นอกจากนี้ CFD ยังให้คุณเทรดได้ทั้งสองทาง ไม่ว่าจะตลาดขึ้นหรือลง คุณก็มีช่องทางทำกำไร ซึ่งต่างจากหุ้นทั่วไปที่มักจำกัดอยู่แค่ตลาดขาขึ้นเท่านั้น ทำให้มันเป็นเครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่อยากปรับตัวเข้ากับสภาวะตลาดที่ผันผวน
ข้อดีและข้อควรระวังของการเทรด CFD หุ้น
การลงทุนในหุ้น CFD นำเสนอทั้งประโยชน์ที่ชวนให้ตื่นเต้นและจุดที่ต้องระมัดระวัง เพื่อให้นักลงทุนสามารถวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด

ข้อดีของการเทรด CFD หุ้น
- โอกาสทำกำไรในทุกทิศทางของตลาด: นี่คือจุดเด่นที่ชัดเจนที่สุด คุณสามารถเปิดตำแหน่งซื้อเมื่อคาดว่าราคาจะพุ่งขึ้น หรือเปิดขายเมื่อคิดว่าราคาจะร่วงลง ทำให้ไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร คุณก็ยังมีทางสร้างรายได้
- การนำคันโยกมาใช้: ด้วยทุนน้อย คุณสามารถจัดการกับตำแหน่งที่มีมูลค่าสูงได้ ซึ่งถ้าการวิเคราะห์ของคุณแม่นยำ ก็จะนำไปสู่กำไรที่รวดเร็วและมากมาย
- ความยืดหยุ่นในการเทรด: ตลาดเปิดเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ห้าวันต่อสัปดาห์ ช่วยให้คุณเข้าถึงโอกาสทั่วโลกได้ตามเวลาที่สะดวกของคุณเอง
- เข้าถึงสินทรัพย์หลากหลาย: ไม่ใช่แค่หุ้น แต่ยังรวมถึงดัชนีหุ้นใหญ่ ๆ สินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำหรือน้ำมัน ค่าเงินต่างประเทศ และแม้กระทั่งสกุลเงินดิจิทัล ทุกอย่างผ่านแพลตฟอร์มเดียว
- สภาพคล่องที่ยอดเยี่ยม: คุณสามารถเข้าและออกจากตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ติดขัดเรื่องปริมาณการเทรดขั้นต่ำที่ยุ่งยาก
ข้อควรระวังและความเสี่ยงของการเทรด CFD หุ้น
- ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากคันโยก: แม้จะช่วยขยายกำไร แต่ถ้าตลาดไปในทางตรงข้าม การขาดทุนก็จะพุ่งสูงเกินคาด อาจเกินทุนที่คุณมีด้วยซ้ำ
- การถูกเรียกเงินประกันเพิ่ม: ถ้าสมดุลบัญชีต่ำกว่าที่กำหนด โบรกเกอร์จะขอให้เติมเงิน ถ้าไม่ทำ พวกเขาจะปิดตำแหน่งของคุณเองเพื่อป้องกันความเสียหาย
- ขาดทุนที่อาจเกินทุนเริ่มต้น: ในช่วงตลาดผันผวนหนัก เช่น จากข่าวใหญ่หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ความสูญเสียอาจทะลุเงินที่ฝากไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมใจ
- ค่าธรรมเนียมเมื่อถือค้างคืน: ถ้าคุณไม่ปิดตำแหน่งภายในวันเดียว จะมีค่าธรรมเนียมที่อาจกินกำไร โดยเฉพาะถ้าเทรดยาวนาน
- ความผันผวนของตลาด: ราคาอาจแกว่งตัวรุนแรงและไม่คาดเดา ซึ่งอาจทำให้แผนของคุณพลิกผันได้ง่าย ๆ
การชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีกับความเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้กับสถานการณ์จริงในตลาด
CFD หุ้น กับ หุ้นสามัญ: ความแตกต่างที่นักลงทุนไทยควรรู้
นักลงทุนไทยที่คุ้นเคยกับตลาดหุ้นในประเทศควรทำความเข้าใจความต่างระหว่างหุ้น CFD กับหุ้นทั่วไปในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET เพื่อเลือกทางที่เหมาะกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

คุณสมบัติ | CFD หุ้น (Contracts for Difference) | หุ้นสามัญ (Common Stocks) |
---|---|---|
การเป็นเจ้าของสินทรัพย์ | ไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นจริง เพียงเก็งกำไรจากส่วนต่างราคา | เป็นเจ้าของหุ้นจริง |
สิทธิประโยชน์ | ไม่มีสิทธิออกเสียงหรือเงินปันผล (เว้นแต่โบรกเกอร์บางแห่งชดเชย) | มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น และรับเงินปันผล |
การใช้เลเวอเรจ | มีเลเวอเรจสูง ควบคุมตำแหน่งใหญ่ด้วยทุนน้อย | ไม่มีเลเวอเรจ ต้องจ่ายเต็มมูลค่า |
มาร์จิ้น (เงินประกัน) | ต้องวางมาร์จิ้นเพื่อเปิดตำแหน่ง | ไม่ต้องวางมาร์จิ้น (แต่มีค่าคอมมิชชั่น) |
การทำกำไร | ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง | หลัก ๆ ทำกำไรจากขาขึ้นและเงินปันผล การขายชอร์ตมีข้อจำกัด |
ค่าใช้จ่าย | ค่าสเปรด ค่าธรรมเนียมข้ามคืน | ค่าคอมมิชชั่น ค่าธรรมเนียมตลาด ภาษีขาย |
ความซับซ้อน | ผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศ อาจซับซ้อนสำหรับมือใหม่ | ผ่านโบรกเกอร์ไทย ใช้งานง่ายกว่า |
กฎระเบียบ | ยังไม่กำกับโดย ก.ล.ต. ไทย ใช้โบรกเกอร์ต่างประเทศ | กำกับโดย ก.ล.ต. และ SET |
สำหรับคนที่ชินกับการซื้อหุ้นผ่าน SET การเทรด CFD จะแตกต่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการถือครองจริง ซึ่ง CFD ไม่ให้สิทธิ์รับเงินปันผลหรือโหวตในที่ประชุม นอกจากนี้ คันโยกใน CFD ยังเพิ่มทั้งโอกาสและความเสี่ยงเมื่อเทียบกับหุ้นทั่วไปที่ต้องใช้เงินเต็มจำนวน การรู้จักความต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกกลยุทธ์ที่ตรงใจมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าคุณอยากขยายพอร์ตไปสู่ตลาดโลก
กฎหมายและภาษี CFD หุ้น ในประเทศไทย: สิ่งที่คุณต้องรู้
หลายนักลงทุนไทยยังกังวลเรื่องสถานะทางกฎหมายและภาษีเมื่อเทรดหุ้น CFD การเข้าใจเรื่องเหล่านี้จะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
CFD ผิดกฎหมายไหม? สถานะทางกฎหมายในประเทศไทย
ปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ของไทย ยังไม่มีกฎเฉพาะสำหรับการกำกับ CFD โดยตรง ดังนั้น มันจึงไม่ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้รับการคุ้มครองจากหน่วยงานในประเทศ
ผลที่ตามมาคือ นักลงทุนไทยต้องเทรดผ่านโบรกเกอร์ต่างชาติที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานระดับโลก เช่น FCA ในสหราชอาณาจักร ASIC ในออสเตรเลีย หรือ CySEC ในไซปรัส การเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือจึงสำคัญมาก เพื่อปกป้องเงินทุนและรับบริการที่ยุติธรรม ถ้ามีข้อขัดแย้ง คุณอาจไม่ได้รับความช่วยเหลือจากกฎหมายไทยโดยตรง
การเสียภาษี CFD หุ้น ในประเทศไทย
กำไรจากการเทรดหุ้น CFD มักถูกจัดเป็นรายได้จากต่างประเทศหรือรายได้จากการลงทุนนอกประเทศ ซึ่งต้องปฏิบัติตามประมวลรัษฎากรไทย
ตามกฎหมาย ถ้าคุณเป็นบุคคลธรรมดาและนำรายได้จากต่างประเทศกลับไทยในปีเดียวกับที่ได้รับ คุณต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้า
ข้อควรรู้เกี่ยวกับภาษี:
- การนำเงินกลับประเทศ: สำคัญคือการโอนเงินเข้ามา ถ้ากำไรยังอยู่ในบัญชีโบรกเกอร์ต่างชาติและไม่ถอน อาจยังไม่ต้องเสียภาษีทันที แต่พอถอนเข้ามาในปีนั้น ก็ต้องเสียภาษี
- การหักค่าใช้จ่าย: กำไรจากการเทรดสามารถหักค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าธรรมเนียมซื้อขายหรือสวอป
- การวางแผนภาษี: แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดการภาษีให้ถูกต้องและวางแผนล่วงหน้า
การรู้เรื่องกฎหมายและภาษีจะทำให้คุณเทรด CFD ด้วยความมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาทางกฎหมาย
เริ่มต้นเทรด CFD หุ้น: ขั้นตอนและกลยุทธ์เบื้องต้น
แม้การเริ่มเทรดหุ้น CFD อาจดูน่ากลัวสำหรับมือใหม่ แต่ถ้าตามขั้นตอนที่ถูกต้องและมีกลยุทธ์พื้นฐาน คุณก็สามารถก้าวเข้าสู่ตลาดนี้ได้อย่างมั่นใจ
1. การเลือกโบรกเกอร์ CFD ที่เหมาะสม
ขั้นตอนแรกที่สำคัญคือการหาโบรกเกอร์ดี ๆ เพราะพวกเขาจะเป็นผู้เชื่อมโยงคุณกับตลาดโลก พิจารณาปัจจัยเหล่านี้ให้ละเอียด
- การกำกับดูแล: เลือกที่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานน่าเชื่อถือระดับโลก เช่น FCA ASIC หรือ CySEC เพื่อความปลอดภัย โบรกเกอร์ยอดนิยมอย่าง Pepperstone XTB OANDA ATFX หรือ FXCM เป็นตัวอย่างที่ดี
- แพลตฟอร์ม: ต้องเสถียร ใช้งานง่าย และมีเครื่องมือวิเคราะห์ครบ เช่น MT4 หรือ MT5
- สเปรดและค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบต้นทุนเหล่านี้ให้เหมาะสมกับสไตล์เทรดของคุณ
- สินทรัพย์: ตรวจสอบว่ามีหุ้น CFD ที่คุณสนใจ รวมถึงตัวเลือกอื่น ๆ สำหรับอนาคต
- ฝากถอนเงิน: ต้องรองรับช่องทางสะดวกสำหรับคนไทย เช่น โอนธนาคารหรือ E-wallet
- บริการลูกค้า: ควรตอบเร็วและถ้าได้ภาษาไทยยิ่งดี
2. การเปิดบัญชีและฝากเงิน
หลังเลือกโบรกเกอร์แล้ว ให้เตรียมเอกสารยืนยันตัวตนอย่างบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต และหลักฐานที่อยู่ เช่น บิลค่าน้ำ เมื่ออนุมัติแล้ว ค่อยฝากเงินผ่านช่องทางที่รองรับ
3. การใช้แพลตฟอร์มเทรด (MT4/MT5)
ฝึกใช้แพลตฟอร์มยอดฮิตอย่าง MT4 หรือ MT5 เริ่มจากบัญชีทดลองเพื่อเรียนรู้การสั่งซื้อขาย ตั้งจุดหยุดขาดทุนและล็อกกำไร ดูกราฟ และใช้เครื่องมือวิเคราะห์เทคนิค ก่อนลงเงินจริง
4. กลยุทธ์การเทรดเบื้องต้น
- ตามแนวโน้ม: สังเกตทิศทางราคาและเทรดตามนั้น ไม่ว่าจะขึ้น ลง หรือเคลื่อนไหว sideways
- แนวรับแนวต้าน: หาจุดที่ราคามักเด้งหรือหยุด เพื่อเข้าเทรดหรือออก
- ตัวชี้วัดเทคนิค: ใช้อย่าง Moving Average RSI หรือ MACD ช่วยตัดสินใจ
กลยุทธ์เหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดยเฉพาะเมื่อผสมกับการวิเคราะห์ข่าวสารเพื่อเพิ่มความแม่นยำ
5. การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)
นี่คือหัวใจของการเทรด CFD ที่ขาดไม่ได้
- ตั้ง Stop Loss และ Take Profit: กำหนดจุดตัดขาดทุนและล็อกกำไรทุกเทรด
- ขนาดตำแหน่ง: เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของทุนทั้งหมดต่อครั้ง
- กระจายความเสี่ยง: อย่าลงทุนตัวเดียว ลองหุ้นหลายตัวหรือสินทรัพย์อื่น
- บัญชีทดลอง: ใช้ฝึกและทดสอบไอเดียโดยไม่เสียเงิน
สำหรับนักลงทุนไทย ลองพิจารณาหุ้นบริษัทไทยที่ลิสต์ในตลาดต่างชาติ เช่น ADR ในสหรัฐ หรือหุ้นต่างชาติที่กระทบเศรษฐกิจไทย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในประเทศ
เพิ่มเติม: เปรียบเทียบ CFD หุ้น กับตราสารอนุพันธ์อื่นๆ
ในตลาดอนุพันธ์มีเครื่องมือมากมาย การรู้ความต่างระหว่างหุ้น CFD กับตัวอื่น ๆ จะช่วยให้คุณเลือกถูกต้องตามเป้าหมาย
CFD หุ้น กับ Forex ต่างกันอย่างไร?
ทั้งสองเป็นอนุพันธ์ที่ใช้คันโยกและเทรดผ่านโบรกเกอร์ แต่ต่างกันตรงนี้
- สินทรัพย์อ้างอิง: CFD หุ้นอิงราคาหุ้นเฉพาะตัว เช่น Apple หรือ Google ส่วน Forex อิงคู่เงินอย่าง EUR/USD
- ตลาด: CFD หุ้นตามเวลาตลาดหุ้นแต่ละแห่ง ส่วน Forex เปิดเกือบ 24 ชั่วโมง สภาพคล่องสูงสุด
- ความผันผวน: CFD หุ้นขึ้นกับข่าวบริษัท ส่วน Forex ขึ้นกับเศรษฐกิจโลก การเมือง และนโยบายธนาคาร
ถ้าคุณชอบเทรดหุ้นเฉพาะ Forex อาจเหมาะสำหรับคนที่อยากเก็งค่าเงินมากกว่า
CFD หุ้น กับ Futures ต่างกันอย่างไร?
Futures คล้าย CFD แต่โครงสร้างต่างกัน
- มาตรฐานสัญญา: CFD เป็นแบบกำหนดเองระหว่างคุณกับโบรกเกอร์ ยืดหยุ่นเรื่องขนาด ส่วน Futures เป็นมาตรฐานจากตลาดแลกเปลี่ยน
- วันหมดอายุ: CFD ถือได้นานโดยไม่มีวันหมด แต่มีค่าค้างคืน ส่วน Futures มีวันสิ้นสุด ต้องปิดหรือส่งมอบ
- การชำระ: CFD ชำระเงินสดเท่านั้น ส่วน Futures อาจส่งมอบสินค้าจริง
เทรดทอง CFD คืออะไร?
คือการเทรด CFD ที่อิงราคาทองคำ โดยไม่ต้องซื้อทองจริง ประโยชน์คือสะดวก ไม่ต้องเก็บรักษา ใช้คันโยกได้ และทำกำไรทั้งขึ้นลง เหมาะสำหรับคนที่อยากเก็งราคาทองโดยไม่ยุ่งยาก
การเปรียบเทียบเหล่านี้ช่วยให้คุณเห็นภาพชัดขึ้น ว่าตัวไหนเหมาะกับสไตล์ของคุณ
สรุป: การเทรด CFD หุ้นอย่างชาญฉลาดและปลอดภัย
หุ้น CFD นำโอกาสใหม่มาสู่นักลงทุนไทย ด้วยการเก็งกำไรจากราคาหุ้นโลก ผ่านคันโยก การเทรดสองทาง และสินทรัพย์หลากหลาย แต่ความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะจากคันโยกที่อาจทำให้ขาดทุนเกินทุน
กุญแจสู่ความสำเร็จคือการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง เข้าใจกลไกและความเสี่ยง แล้วบริหารจัดการอย่างเข้มงวด เช่น ตั้งจุดหยุดขาดทุน ควบคุมขนาดเทรด และไม่เสี่ยงทั้งหมด การเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือภายใต้การกำกับสากลก็ขาดไม่ได้ เพราะ CFD ยังไม่ถูก ก.ล.ต. ไทยดูแล อย่าลืมเรื่องกฎหมายและภาษีเพื่อให้ทุกอย่างถูกต้อง
เริ่มจากบัญชีทดลองเพื่อฝึกฝน จะช่วยให้มือใหม่เข้าสู่ตลาด CFD ด้วยความมั่นใจ โดยไม่ต้องกลัวความผิดพลาดใหญ่
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ CFD หุ้น
1. CFD หุ้น คืออะไร และแตกต่างจากหุ้นสามัญอย่างไร?
CFD หุ้น (Contracts for Difference) คือสัญญาที่คุณเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของหุ้นจริง แตกต่างจากหุ้นสามัญที่คุณเป็นเจ้าของหุ้นและมีสิทธิออกเสียงหรือรับเงินปันผล CFD หุ้นใช้เลเวอเรจได้สูงกว่าและทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าเช่นกัน
2. การเทรด CFD หุ้นในประเทศไทยถูกกฎหมายหรือไม่?
การเทรด CFD หุ้นในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายหรือข้อบังคับที่ชัดเจนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่กำกับดูแลโดยตรง ซึ่งหมายความว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายไทยโดยตรง นักลงทุนจึงต้องเทรดผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ได้รับการกำกับดูแลในระดับสากล
3. กำไรจากการเทรด CFD หุ้นต้องเสียภาษีในประเทศไทยอย่างไร?
กำไรจากการเทรด CFD หุ้นถือเป็นเงินได้จากต่างประเทศ หากคุณนำเงินได้นั้นกลับเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีเดียวกันกับที่ได้รับเงินได้ คุณมีหน้าที่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้า ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
4. ควรเลือกโบรกเกอร์ CFD หุ้นอย่างไรให้ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ?
ควรเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียงระดับสากล (เช่น FCA, ASIC) มีแพลตฟอร์มที่เสถียร สเปรดและค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม มีสินทรัพย์ให้เลือกหลากหลาย และมีบริการลูกค้าที่ดี รวมถึงช่องทางการฝาก-ถอนเงินที่สะดวกสำหรับนักลงทุนไทย
5. ความเสี่ยงหลักของการเทรด CFD หุ้นคืออะไร และมีวิธีจัดการอย่างไร?
ความเสี่ยงหลักคือความเสี่ยงสูงจากเลเวอเรจที่อาจทำให้ขาดทุนเกินเงินลงทุนได้ รวมถึงการถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม (Margin Call) วิธีจัดการคือการตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit, ควบคุมขนาดการเทรด, กระจายความเสี่ยง, และใช้บัญชีทดลองเพื่อฝึกฝนก่อน
6. CFD หุ้น สามารถใช้เลเวอเรจได้เท่าไหร่ และมีผลต่อการลงทุนอย่างไร?
เลเวอเรจสำหรับ CFD หุ้นแตกต่างกันไปในแต่ละโบรกเกอร์และสินทรัพย์ โดยอาจสูงถึง 1:100 หรือมากกว่านั้น การใช้เลเวอเรจช่วยให้คุณควบคุมตำแหน่งการลงทุนที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินทุนจริง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างมหาศาลหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คุณคาดการณ์ไว้
7. นอกจากหุ้นแล้ว CFD สามารถเทรดสินทรัพย์ประเภทอื่นได้อีกไหม?
ได้ครับ นอกจากหุ้นแล้ว CFD ยังสามารถเทรดในสินทรัพย์อื่นๆ ได้อีกมากมาย เช่น ดัชนีหุ้นระดับโลก (เช่น S&P 500, Dow Jones), สินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ, น้ำมัน), คู่สกุลเงิน (Forex), และคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงและหาโอกาสในตลาดที่หลากหลาย
8. เทรดเดอร์มือใหม่ควรเริ่มต้นเทรด CFD หุ้นอย่างไร?
มือใหม่ควรเริ่มต้นด้วยการศึกษาหาความรู้พื้นฐานอย่างละเอียด เลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ เปิดบัญชีทดลองเพื่อฝึกฝนการใช้แพลตฟอร์มและทดสอบกลยุทธ์โดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงิน เมื่อมั่นใจแล้วจึงค่อยเริ่มเทรดด้วยเงินจริงในจำนวนที่น้อย และให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงเป็นอันดับแรก
9. CFD หุ้น กับ Forex มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
ทั้งคู่เป็นอนุพันธ์ที่ใช้เลเวอเรจได้ แต่แตกต่างกันที่สินทรัพย์อ้างอิง CFD หุ้นอ้างอิงราคาหุ้นรายตัว ส่วน Forex อ้างอิงราคาคู่สกุลเงิน ตลาด Forex มีสภาพคล่องสูงกว่าและเปิดเกือบ 24 ชั่วโมง ในขณะที่ CFD หุ้นจะอิงตามเวลาเปิด-ปิดตลาดหุ้นแต่ละแห่ง
10. มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างในการเทรด CFD หุ้น?
ค่าใช้จ่ายหลักในการเทรด CFD หุ้นคือ ค่าสเปรด (ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ-ขาย) และค่าธรรมเนียมข้ามคืน (Overnight Fee หรือ Swap) หากคุณถือสถานะข้ามวัน บางโบรกเกอร์อาจมีค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติมสำหรับ CFD หุ้นบางประเภท แต่โดยทั่วไปมักจะรวมอยู่ในสเปรดแล้ว