หุ้นสามัญคืออะไร? ความหมายและลักษณะพื้นฐาน
หุ้นสามัญถือเป็นองค์ประกอบหลักที่ขับเคลื่อนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย และมักเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับนักลงทุนหลายท่านที่ต้องการก้าวเข้าสู่โลกแห่งการเงิน เพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว การเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับหุ้นประเภทนี้จะช่วยวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับคุณ โดยหุ้นสามัญเปิดประตูให้บุคคลทั่วไปสามารถเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของบริษัทใหญ่ๆ ได้ โดยมีสิทธิ์ในการมีส่วนร่วมตัดสินใจเรื่องสำคัญของกิจการนั้น

คำจำกัดความของหุ้นสามัญ
หุ้นสามัญ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Common Stock คือหลักทรัพย์ที่แสดงถึงส่วนแบ่งความเป็นเจ้าของในบริษัทที่จดทะเบียน ผู้ถือหุ้นจะได้รับสิทธิ์ในสินทรัพย์และผลกำไรของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ถือครอง แต่ละหน่วยหุ้นเปรียบเสมือนชิ้นส่วนเล็กๆ ของความเป็นเจ้าของทั้งหมด ซึ่งช่วยให้คนธรรมดาสามารถลงทุนในบริษัทยักษ์ใหญ่โดยไม่ต้องใช้เงินทุนมหาศาล นอกจากนี้ หุ้นสามัญยังเป็นส่วนสำคัญของทุนจดทะเบียนที่บริษัทใช้ในการขยายธุรกิจและดำเนินกิจการให้เติบโต

ลักษณะสำคัญของหุ้นสามัญ
หุ้นสามัญมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่นักลงทุนควรทำความรู้จักให้ดี เพื่อตัดสินใจลงทุนอย่างมีข้อมูลครบถ้วน ดังนี้
- ความเป็นเจ้าของ: ผู้ถือหุ้นคือเจ้าของบริษัทโดยแท้จริง มีสิทธิ์รับส่วนแบ่งกำไรผ่านเงินปันผล และส่วนแบ่งสินทรัพย์เมื่อบริษัทยุติกิจการ (หลังจากชำระหนี้และหุ้นบุริมสิทธิเรียบร้อย)
- สิทธิในการออกเสียง: ผู้ถือหุ้นสามารถมีส่วนร่วมลงคะแนนในที่ประชุมใหญ่ เพื่อตัดสินใจประเด็นสำคัญ เช่น การแต่งตั้งคณะกรรมการ อนุมัติงบการเงิน หรือปรับเปลี่ยนนโยบายหลัก
- ความผันผวนของราคา: ราคาในตลาดหลักทรัพย์มักแกว่งไกวมาก ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ สภาพเศรษฐกิจ นโยบายรัฐ และความเชื่อมั่นจากนักลงทุน
- โอกาสเติบโต: มีศักยภาพให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตร เนื่องจากมูลค่าหุ้นอาจพุ่งสูงหากบริษัทขยายตัวและทำกำไรได้ดี
- ความรับผิดจำกัด: ความเสี่ยงจำกัดอยู่ที่เงินลงทุน หากบริษัทมีปัญหาหนี้สิน ผู้ถือหุ้นไม่ต้องรับผิดชอบเกินกว่าจำนวนที่ลงไป

สิทธิและหน้าที่ของผู้ถือหุ้นสามัญ
การถือหุ้นสามัญไม่ใช่แค่การซื้อขายตัวเลขในตลาด แต่ยังหมายถึงการเป็นเจ้าของร่วมที่มาพร้อมสิทธิและความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนไทยทุกคนควรตระหนัก เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
สิทธิในการออกเสียงและการตัดสินใจ
สิทธิ์หลักที่โดดเด่นคือสิทธิ์ในการลงคะแนน หรือ Voting Rights ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยปกติแล้ว หุ้นหนึ่งหน่วยมีสิทธิ์หนึ่งเสียง ทำให้คุณสามารถมีบทบาทในการกำหนดทิศทางบริษัท เช่น
- การเลือกตั้งหรือถอดถอนคณะกรรมการ
- การอนุมัติการจ่ายเงินปันผล
- การเพิ่มหรือลดทุนของบริษัท
- การควบรวมหรือซื้อกิจการ
- การแก้ไขข้อบังคับหรือหนังสือรับรองบริษัท
สิทธิ์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ถือหุ้นสามารถกำกับดูแลการบริหารและรักษาผลประโยชน์ส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในบริษัทที่นักลงทุนรายย่อยมีส่วนร่วมมาก
สิทธิในการได้รับเงินปันผล
เงินปันผลคือการแบ่งปันกำไรที่บริษัทคืนให้ผู้ถือหุ้น ขึ้นอยู่กับผลประกอบการและมติคณะกรรมการ โดยบริษัทต้องมีกำไรสุทธิก่อนจึงจะจ่ายได้ รูปแบบอาจเป็นเงินสดหรือหุ้นเพิ่มเติม ตามนโยบายของแต่ละแห่ง หากบริษัทมีกำไรสม่ำเสมอและจ่ายปันผลต่อเนื่อง นี่จะกลายเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่มองหาการลงทุนระยะยาว
สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนและได้รับข่าวสาร
ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิ์จองซื้อหุ้นใหม่ก่อนผู้อื่น หรือ Pre-emptive Rights เพื่อรักษาสัดส่วนการถือครอง หากบริษัทออกหุ้นเพิ่มเพื่อระดมทุน นอกจากนี้ ยังมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลสำคัญอย่างเท่าเทียม เช่น รายงานประจำปี งบการเงิน และรายละเอียดธุรกิจ ซึ่งช่วยในการตัดสินใจลงทุนที่รอบคอบยิ่งขึ้น โดยข้อมูลเหล่านี้มักเปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์
สิทธิในการได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สินเมื่อเลิกกิจการ
เมื่อบริษัทเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับส่วนแบ่งสินทรัพย์ที่เหลือ หลังจากชำระหนี้ให้เจ้าหนี้และคืนเงินให้ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิแล้ว สิทธิ์นี้ทำให้พวกเขาอยู่ในลำดับสุดท้าย หรือ Junior Claim ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของที่แท้จริง
ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในหุ้นสามัญ
การลงทุนในหุ้นสามัญเหมือนกับเครื่องมือที่ทั้งทรงพลังและท้าทาย มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง แต่ก็ต้องเผชิญความเสี่ยงที่ต้องศึกษาก่อนลงมือ
ข้อดี: โอกาสเติบโตสูงและการมีส่วนร่วมในบริษัท
- ศักยภาพการเติบโตของเงินลงทุน (Capital Gain): หากบริษัทเติบโตต่อเนื่องและมีธุรกิจที่สดใส ราคาหุ้นอาจพุ่งสูง สร้างกำไรจากการขายในอนาคต ซึ่งเป็นจุดดึงดูดหลักสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเพิ่มพูนมูลค่าทุน
- รายได้จากเงินปันผล (Dividend Income): บริษัทที่ทำกำไรดีและมีนโยบายปันผลแน่นอน จะให้กระแสเงินสดสม่ำเสมอ เพิ่มรายได้นอกเหนือจากการเก็งกำไรราคา
- การมีส่วนร่วมในบริษัท: ในฐานะผู้ถือหุ้น คุณสามารถลงคะแนนและเสนอความเห็นในที่ประชุม ซึ่งให้ความรู้สึกเป็นเจ้าของที่แท้จริง
- สภาพคล่องสูง: หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มักซื้อขายได้รวดเร็วและง่ายดาย
- กระจายความเสี่ยงในพอร์ต: สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งในการกระจายการลงทุน เพื่อให้พอร์ตโดยรวมสมดุลและลดการพึ่งพาสินทรัพย์เดี่ยว
ตัวอย่างเช่น นักลงทุนที่เลือกหุ้นบริษัทชั้นนำในไทย เช่น ในกลุ่มธนาคารหรือค้าปลีก มักเห็นการเติบโตที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจ
ข้อเสีย: ความเสี่ยงและความผันผวนสูง
- ความผันผวนของราคา: ราคาอาจแกว่งตัวรุนแรงจากปัจจัยภายในบริษัท อุตสาหกรรม หรือเศรษฐกิจใหญ่ ทำให้เสี่ยงขาดทุนทุนต้น
- ความเสี่ยงด้านผลประกอบการของบริษัท: หากบริษัทขาดทุนหรือมีปัญหาด้านบริหาร ราคาหุ้นอาจร่วงและไม่มีปันผล
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: แม้ส่วนใหญ่จะคล่องตัว แต่หุ้นบริษัทเล็กหรือซื้อขายน้อยอาจยากต่อการเทรดในราคาที่ต้องการ
- ความเสี่ยงจากการเรียกร้องสินทรัพย์เมื่อเลิกกิจการ: ในกรณีล้มละลาย ผู้ถือหุ้นสามัญได้ส่วนแบ่งลำดับสุดท้าย อาจสูญเงินทั้งหมด
- ต้องใช้ความรู้และเวลา: ต้องวิเคราะห์งบการเงิน อุตสาหกรรม และข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่พร้อมเรียนรู้
ความแตกต่างที่สำคัญ: หุ้นสามัญ vs หุ้นบุริมสิทธิ vs หุ้นกู้
เพื่อให้ภาพรวมชัดเจนยิ่งขึ้น การเปรียบเทียบหุ้นสามัญกับเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ในตลาดไทย เช่น หุ้นบุริมสิทธิและหุ้นกู้ จะช่วยให้นักลงทุนเลือกได้เหมาะสม โดยแต่ละประเภทมีสิทธิและความเสี่ยงที่แตกต่าง
| ลักษณะสำคัญ | หุ้นสามัญ (Common Stock) | หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) | หุ้นกู้ (Corporate Bond) |
|---|---|---|---|
| ความเป็นเจ้าของ | เจ้าของร่วมของบริษัท | เจ้าของร่วมของบริษัท | เจ้าหนี้ของบริษัท |
| สิทธิออกเสียง | มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น (ทั่วไป 1 หุ้น 1 เสียง) | โดยทั่วไปไม่มีสิทธิออกเสียง (ยกเว้นมีเงื่อนไขพิเศษ) | ไม่มีสิทธิออกเสียง |
| เงินปันผล/ดอกเบี้ย | ขึ้นอยู่กับผลประกอบการและมติที่ประชุม (ไม่แน่นอน) | ได้รับเงินปันผลในอัตราคงที่หรือกำหนดไว้ล่วงหน้า (มีลำดับก่อนหุ้นสามัญ) | ได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนดไว้สม่ำเสมอ (รายได้แน่นอน) |
| ลำดับการชำระคืนเมื่อเลิกกิจการ | ลำดับสุดท้าย (หลังเจ้าหนี้และหุ้นบุริมสิทธิ) | ลำดับก่อนหุ้นสามัญ แต่หลังเจ้าหนี้ | ลำดับแรก (ในฐานะเจ้าหนี้) |
| ศักยภาพในการสร้างผลตอบแทน | สูง (ทั้งจากราคาและเงินปันผล) | ปานกลาง (เน้นเงินปันผลคงที่) | ต่ำถึงปานกลาง (เน้นรายได้ดอกเบี้ยคงที่) |
| ความเสี่ยง | สูง (ผันผวนตามตลาดและผลประกอบการ) | ปานกลาง (ผันผวนน้อยกว่าหุ้นสามัญ แต่สูงกว่าหุ้นกู้) | ต่ำ (รายได้แน่นอน ความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น) |
หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) มักให้เงินปันผลคงที่และลำดับสิทธิ์สูงกว่าหุ้นสามัญในการเรียกร้องสินทรัพย์ แต่ขาดสิทธิ์ลงคะแนน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้มั่นคงและเสี่ยงน้อยกว่า
หุ้นกู้ (Corporate Bond) เป็นตราสารหนี้ที่บริษัทกู้จากประชาชน ผู้ถือมีสถานะเจ้าหนี้ ได้รับดอกเบี้ยแน่นอนและคืนเงินต้นเมื่อครบกำหนด มีความเสี่ยงต่ำสุดแต่ผลตอบแทนก็จำกัด เหมาะกับนักลงทุนที่เน้นความปลอดภัย
เริ่มต้นลงทุนหุ้นสามัญในตลาดหุ้นไทยได้อย่างไร?
สำหรับผู้เริ่มต้นในไทย การเข้าสู่ตลาดหุ้นสามัญไม่ซับซ้อน หากทำตามขั้นตอนพื้นฐานและเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ
ขั้นตอนการเปิดบัญชีหลักทรัพย์
- เลือกบริษัทหลักทรัพย์ (Brokerage Firm): มีโบรกเกอร์หลายแห่งในไทย เช่น บล.กสิกรไทย, บล.บัวหลวง, บล.กรุงศรี เลือกจากค่าธรรมเนียม บริการวิเคราะห์ และแพลตฟอร์มที่ใช้งานสะดวก
- เตรียมเอกสาร: โดยทั่วไปต้องมี
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร (สำหรับรับเงินปันผลและขายหุ้น)
- เอกสารแสดงรายได้ (เช่น สลิปเงินเดือน, หนังสือรับรองเงินเดือน, รายการเดินบัญชีย้อนหลัง)
- กรอกใบสมัคร: สามารถทำออนไลน์ผ่านเว็บไซต์โบรกเกอร์ หรือไปสาขา
- ยืนยันตัวตน: อาจใช้ NDID หรือไปจุดบริการที่กำหนด
- รออนุมัติ: ใช้เวลา 1-3 วันทำการ แล้วจะได้รับเลขบัญชีหลักทรัพย์
- ฝากเงินเข้าบัญชี: โอนเงินตามเลขบัญชีที่แจ้ง โดยระบุเลขบัญชีหลักทรัพย์ของคุณ
กระบวนการนี้ช่วยให้ผู้เริ่มต้นเข้าถึงตลาดได้รวดเร็ว โดยหลายโบรกเกอร์มีบริการให้คำปรึกษาเพิ่มเติม
การซื้อขายหุ้นสามัญและแพลตฟอร์มที่นิยมในไทย
หลังเปิดบัญชี คุณสามารถเทรดหุ้นสามัญผ่านแพลตฟอร์มที่โบรกเกอร์ให้บริการ แพลตฟอร์มยอดนิยมคือ Streaming App จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่รองรับโดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่
- Streaming App: แอปมือถือที่ใช้งานง่าย มีข้อมูลราคาเรียลไทม์ กราฟเทคนิค ข่าวสาร และข้อมูลบริษัท คุณสามารถส่งคำสั่งซื้อหรือขายได้ทันที
- SETTRADE.com: ระบบเว็บของตลาดหลักทรัพย์ ให้ข้อมูลราคา บทวิเคราะห์ และส่งคำสั่งผ่านเว็บโบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้ที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ขั้นตอนการซื้อขายเบื้องต้น:
- เข้าสู่ระบบแอปหรือแพลตฟอร์มโบรกเกอร์
- ค้นหาหุ้นด้วยชื่อย่อ (Ticker Symbol)
- กำหนดประเภทคำสั่ง (เช่น Market Order, Limit Order), จำนวนหุ้น และราคา (สำหรับ Limit Order)
- ตรวจสอบและยืนยันคำสั่ง
- รอการจับคู่ในตลาด
การบริหารความเสี่ยงและภาษีที่เกี่ยวข้องกับหุ้นสามัญในไทย
แม้หุ้นสามัญจะให้โอกาสดี แต่ความเสี่ยงก็มีมาก การจัดการความเสี่ยงควบคู่กับความรู้เรื่องภาษี จะทำให้การลงทุนในตลาดไทยยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงเบื้องต้น
- กระจายความเสี่ยง (Diversification): อย่าลงทุนในหุ้นตัวเดียวหรืออุตสาหกรรมเดียว แบ่งเงินไปยังหลายตัว หลายภาค หรือรวมสินทรัพย์อื่นอย่างกองทุนรวมและตราสารหนี้ เพื่อลดผลกระทบ
- ลงทุนระยะยาว: หุ้นสามัญให้ผลดีในระยะยาว เนื่องจากบริษัทสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตได้ การเทรดสั้นเสี่ยงสูงกว่า
- กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss): ตั้งระดับราคาที่ยอมรับขาดทุน เพื่อจำกัดความเสียหาย
- ศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน: วิเคราะห์ธุรกิจ งบการเงิน แนวโน้มอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจเป็นประจำ
- ลงทุนด้วยเงินเย็น: ใช้เงินที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการขายตายตัวในตลาดร่วง
- เริ่มต้นด้วยจำนวนเงินน้อยๆ: สำหรับมือใหม่ ลงทุนทีละน้อยเพื่อฝึกฝนกลไกตลาด
ตัวอย่างกลยุทธ์นี้คือการใช้ Dollar-Cost Averaging โดยลงทุนสม่ำเสมอเพื่อเฉลี่ยต้นทุน
ภาษีเงินปันผลและภาษีกำไรจากการขายหุ้นในไทย
ในไทย การลงทุนหุ้นสามัญมีผลภาษีที่ต้องรู้:
- ภาษีเงินปันผล (Dividend Tax): สำหรับบุคคลธรรมดา เงินปันผลจากบริษัทจดทะเบียนใน SET ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% โดยบริษัทจัดการนำส่งกรมสรรพากร คุณสามารถเลือกไม่นำไปรวมภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีสิ้น (Final Tax) หรือรวมเพื่อขอเครดิตภาษี ตามวิธีที่เสียภาษีน้อยกว่า
- ภาษีกำไรจากการขายหุ้น (Capital Gains Tax): สำหรับบุคคลธรรมดา กำไรจากการขายหุ้นสามัญใน SET ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่หากขายหุ้นนอกตลาดหรือไม่จดทะเบียน ต้องนำรวมรายได้เสียภาษีอัตราก้าวหน้า สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ตรวจสอบที่ กรมสรรพากร
บทบาทของหุ้นสามัญในการวางแผนการเงินส่วนบุคคล
หุ้นสามัญเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยคนไทยบรรลุเป้าหมายทางการเงิน โดยเฉพาะในระยะยาว หากวางแผนดีและจัดการเหมาะสม
การลงทุนนี้สามารถสนับสนุนเป้าหมายต่างๆ เช่น
- เป้าหมายการเกษียณอายุ: หุ้นที่เติบโตดีและปันผลสม่ำเสมอ ช่วยสะสมทุนได้ดีกว่าฝากธนาคารที่ผลตอบแทนต่ำ
- เป้าหมายการศึกษาบุตร: การเติบโตของหุ้นช่วยสร้างเงินทุนสำหรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเกินอัตราเงินเฟ้อ
- การสร้างอิสรภาพทางการเงิน: พอร์ตหุ้นที่แข็งแกร่งให้รายได้แบบ Passive Income จากปันผล ช่วยเร่งความเป็นอิสระ
- การเอาชนะเงินเฟ้อ: ในระยะยาว หุ้นให้ผลตอบแทนเหนือเงินเฟ้อ รักษาและเพิ่มมูลค่าเงิน
อย่างไรก็ตาม ควรรวมหุ้นสามัญในแผนการเงินโดยรวม พิจารณาความเสี่ยงที่ยอมรับ ระยะเวลา และเป้าหมาย การจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ระหว่างหุ้น หนี้ และอื่นๆ ช่วยสร้างพอร์ตสมดุล
สรุป
หุ้นสามัญคือหลักทรัพย์ที่แสดงความเป็นเจ้าของบริษัทจดทะเบียน ให้สิทธิ์ลงคะแนน เงินปันผล และโอกาสเติบโต แต่ก็มีความเสี่ยงจากราคาผันผวนและผลประกอบการ การเข้าใจนิยาม ลักษณะ สิทธิ หน้าที่ ข้อดีข้อเสีย รวมถึงความต่างจากหุ้นบุริมสิทธิและหุ้นกู้ เป็นพื้นฐานสำหรับนักลงทุนไทย
การเริ่มต้นในตลาดหุ้นไทยผ่านบัญชีหลักทรัพย์และแพลตฟอร์มอย่าง Streaming App เข้าถึงง่าย แต่ต้องบริหารความเสี่ยงและภาษีอย่างละเอียด หุ้นสามัญเป็นพลังสำคัญในการวางแผนการเงินส่วนบุคคล เช่น เกษียณหรือศึกษาบุตร หากศึกษาลึก วางแผนรอบคอบ และลงทุนด้วยความเข้าใจ ความสำเร็จจะใกล้เข้ามา
หุ้นสามัญมีกี่ประเภทและต่างกันอย่างไรในตลาดหุ้นไทย?
โดยปกติ หุ้นสามัญในตลาดหุ้นไทยถือเป็นประเภทเดียวที่แสดงความเป็นเจ้าของและสิทธิ์ลงคะแนน แต่ในทางปฏิบัติ อาจแบ่งตามการถือครอง เช่น หุ้นสำหรับผู้ถือหุ้นไทย (Local Shares) และหุ้นสำหรับต่างชาติ (Foreign Shares) ซึ่งมีข้อจำกัดการซื้อขายและราคาที่ต่างกันสำหรับนักลงทุนต่างชาติในบางกรณี เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบ
ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นอย่างไร?
ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิ์ลงคะแนนตามจำนวนหุ้นที่ถือ โดยหลักการคือ 1 หุ้น 1 เสียง สามารถใช้สิทธิ์โดยเข้าร่วมประชุมด้วยตัวเอง หรือมอบหนังสือมอบฉันทะให้ผู้อื่นไปลงคะแนนแทนตามที่กำหนด
ควรเลือกซื้อหุ้นสามัญของบริษัทแบบไหนดีสำหรับมือใหม่ในไทย?
สำหรับมือใหม่ แนะนำหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ (Blue Chip Stocks) ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการมั่นคง เป็นที่รู้จักกว้างขวาง และอยู่ในอุตสาหกรรมเติบโตดี หรือบริษัทที่จ่ายปันผลต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงและสะสมประสบการณ์ก่อนขยับไปหุ้นอื่น
หากบริษัทมีผลประกอบการไม่ดี ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับผลกระทบอย่างไร?
หากบริษัทผลประกอบการไม่ดี ผู้ถือหุ้นสามัญอาจเผชิญผลกระทบหลายด้าน เช่น
- ราคาหุ้นลดลง สร้างขาดทุนทุน
- ขาดทุนหรือกำไรน้อยเกินกว่าจะจ่ายปันผล หรือจ่ายน้อยลง
- ความเชื่อมั่นลด ส่งผลให้หุ้นคล่องตัวน้อย
- กรณีเลวร้าย หากล้มละลาย จะได้เงินคืนลำดับสุดท้ายหรือสูญหมด
เงินปันผลจากหุ้นสามัญที่ได้มา ต้องเสียภาษีอย่างไรบ้างในประเทศไทย?
เงินปันผลจากหุ้นสามัญในไทยถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% โดยอัตโนมัติ ผู้ลงทุนเลือกได้ว่าจะไม่นำไปรวมภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีสิ้น (Final Tax) หรือนำรวมเพื่อขอเครดิตภาษี ตามวิธีที่ประหยัดภาษีที่สุด
มีแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันใดบ้างที่ใช้ซื้อขายหุ้นสามัญในตลาดหุ้นไทย?
แพลตฟอร์มยอดนิยมคือ Streaming App แอปมือถือจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รองรับโดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ นอกจากนี้ โบรกเกอร์แต่ละแห่งมีแพลตฟอร์มเว็บและแอปของตัวเองสำหรับซื้อขาย
การลงทุนในหุ้นสามัญมีความเสี่ยงอะไรบ้างที่นักลงทุนไทยควรรู้?
ความเสี่ยงหลัก ได้แก่
- ความเสี่ยงด้านราคา: ราคาผันผวนจากปัจจัยหลากหลาย
- ความเสี่ยงด้านธุรกิจ: ผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาด
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: หุ้นบางตัวซื้อขายยาก
- ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจถดถอยกระทบตลาดทั้งหมด
- ความเสี่ยงจากการชำระหนี้ลำดับสุดท้าย: ล้มละลายแล้วได้เงินคืนท้ายสุด
หุ้นสามัญสามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนเกษียณอายุในไทยได้หรือไม่?
แน่นอน หุ้นสามัญเหมาะกับการวางแผนเกษียณเพราะให้ผลตอบแทนระยะยาวสูง การลงทุนสม่ำเสมอในหุ้นพื้นฐานดีช่วยสะสมทุนและสร้างรายได้จากปันผลสำหรับใช้หลังเกษียณ โดยเฉพาะเมื่อมีเวลาลงทุนยาวนาน
ความแตกต่างระหว่างหุ้นสามัญที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ กับหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนมีอะไรบ้าง?
ความต่างหลัก ได้แก่
- สภาพคล่อง: หุ้นในตลาดมีคล่องสูง ซื้อขายง่าย หุ้นนอกตลาดคล่องต่ำ
- ข้อมูลข่าวสาร: บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ หุ้นนอกตลาดข้อมูลจำกัด
- การกำกับดูแล: จดทะเบียนอยู่ภายใต้ SET และ ก.ล.ต. นอกตลาดกำกับน้อยกว่า
- ภาษี: กำไรขายในตลาดยกเว้นภาษี (บุคคลธรรมดา) นอกตลาดต้องเสียภาษีกำไร
ทำไมราคาหุ้นสามัญถึงขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา?
ราคาหุ้นสามัญผันผวนจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- ผลประกอบการบริษัท: กำไรหรือขาดทุนกระทบตรง
- สภาพเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจโดยรวมดีหรือร้าย
- ข่าวสารและเหตุการณ์: ทั้งในและต่างประเทศ
- อารมณ์นักลงทุน: การซื้อขายจากความกลัวหรือโลภ
- นโยบายรัฐ: เช่น ปรับดอกเบี้ย
ปัจจัยเหล่านี้กระทบอุปสงค์-อุปทาน ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง