หุ้นสามัญคืออะไร? 7 สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ต้องรู้ก่อนเริ่มต้นในตลาดหุ้นไทย

หุ้นสามัญคืออะไร? ความหมายและลักษณะพื้นฐาน

หุ้นสามัญถือเป็นองค์ประกอบหลักที่ขับเคลื่อนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย และมักเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับนักลงทุนหลายท่านที่ต้องการก้าวเข้าสู่โลกแห่งการเงิน เพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว การเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับหุ้นประเภทนี้จะช่วยวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับคุณ โดยหุ้นสามัญเปิดประตูให้บุคคลทั่วไปสามารถเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของบริษัทใหญ่ๆ ได้ โดยมีสิทธิ์ในการมีส่วนร่วมตัดสินใจเรื่องสำคัญของกิจการนั้น

ภาพประกอบของผู้คนหลากหลายที่กำลังถือชิ้นส่วนปริศนาของบริษัทขนาดใหญ่ พร้อมกราฟหุ้นเป็นพื้นหลัง

คำจำกัดความของหุ้นสามัญ

หุ้นสามัญ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Common Stock คือหลักทรัพย์ที่แสดงถึงส่วนแบ่งความเป็นเจ้าของในบริษัทที่จดทะเบียน ผู้ถือหุ้นจะได้รับสิทธิ์ในสินทรัพย์และผลกำไรของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ถือครอง แต่ละหน่วยหุ้นเปรียบเสมือนชิ้นส่วนเล็กๆ ของความเป็นเจ้าของทั้งหมด ซึ่งช่วยให้คนธรรมดาสามารถลงทุนในบริษัทยักษ์ใหญ่โดยไม่ต้องใช้เงินทุนมหาศาล นอกจากนี้ หุ้นสามัญยังเป็นส่วนสำคัญของทุนจดทะเบียนที่บริษัทใช้ในการขยายธุรกิจและดำเนินกิจการให้เติบโต

ภาพประกอบของผู้คนในห้องประชุมพร้อมกล่องลงคะแนน และบุคคลที่กำลังรับเงินจากต้นไม้แห่งเงินปันผล

ลักษณะสำคัญของหุ้นสามัญ

หุ้นสามัญมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่นักลงทุนควรทำความรู้จักให้ดี เพื่อตัดสินใจลงทุนอย่างมีข้อมูลครบถ้วน ดังนี้

  • ความเป็นเจ้าของ: ผู้ถือหุ้นคือเจ้าของบริษัทโดยแท้จริง มีสิทธิ์รับส่วนแบ่งกำไรผ่านเงินปันผล และส่วนแบ่งสินทรัพย์เมื่อบริษัทยุติกิจการ (หลังจากชำระหนี้และหุ้นบุริมสิทธิเรียบร้อย)
  • สิทธิในการออกเสียง: ผู้ถือหุ้นสามารถมีส่วนร่วมลงคะแนนในที่ประชุมใหญ่ เพื่อตัดสินใจประเด็นสำคัญ เช่น การแต่งตั้งคณะกรรมการ อนุมัติงบการเงิน หรือปรับเปลี่ยนนโยบายหลัก
  • ความผันผวนของราคา: ราคาในตลาดหลักทรัพย์มักแกว่งไกวมาก ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ สภาพเศรษฐกิจ นโยบายรัฐ และความเชื่อมั่นจากนักลงทุน
  • โอกาสเติบโต: มีศักยภาพให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตร เนื่องจากมูลค่าหุ้นอาจพุ่งสูงหากบริษัทขยายตัวและทำกำไรได้ดี
  • ความรับผิดจำกัด: ความเสี่ยงจำกัดอยู่ที่เงินลงทุน หากบริษัทมีปัญหาหนี้สิน ผู้ถือหุ้นไม่ต้องรับผิดชอบเกินกว่าจำนวนที่ลงไป
ภาพประกอบของตาชั่งสมดุลที่มีการเติบโตและเงินปันผลด้านหนึ่ง และความผันผวนของตลาดกับความเสี่ยงอีกด้าน

สิทธิและหน้าที่ของผู้ถือหุ้นสามัญ

การถือหุ้นสามัญไม่ใช่แค่การซื้อขายตัวเลขในตลาด แต่ยังหมายถึงการเป็นเจ้าของร่วมที่มาพร้อมสิทธิและความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนไทยทุกคนควรตระหนัก เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง

สิทธิในการออกเสียงและการตัดสินใจ

สิทธิ์หลักที่โดดเด่นคือสิทธิ์ในการลงคะแนน หรือ Voting Rights ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยปกติแล้ว หุ้นหนึ่งหน่วยมีสิทธิ์หนึ่งเสียง ทำให้คุณสามารถมีบทบาทในการกำหนดทิศทางบริษัท เช่น

  • การเลือกตั้งหรือถอดถอนคณะกรรมการ
  • การอนุมัติการจ่ายเงินปันผล
  • การเพิ่มหรือลดทุนของบริษัท
  • การควบรวมหรือซื้อกิจการ
  • การแก้ไขข้อบังคับหรือหนังสือรับรองบริษัท

สิทธิ์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ถือหุ้นสามารถกำกับดูแลการบริหารและรักษาผลประโยชน์ส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในบริษัทที่นักลงทุนรายย่อยมีส่วนร่วมมาก

สิทธิในการได้รับเงินปันผล

เงินปันผลคือการแบ่งปันกำไรที่บริษัทคืนให้ผู้ถือหุ้น ขึ้นอยู่กับผลประกอบการและมติคณะกรรมการ โดยบริษัทต้องมีกำไรสุทธิก่อนจึงจะจ่ายได้ รูปแบบอาจเป็นเงินสดหรือหุ้นเพิ่มเติม ตามนโยบายของแต่ละแห่ง หากบริษัทมีกำไรสม่ำเสมอและจ่ายปันผลต่อเนื่อง นี่จะกลายเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่มองหาการลงทุนระยะยาว

สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนและได้รับข่าวสาร

ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิ์จองซื้อหุ้นใหม่ก่อนผู้อื่น หรือ Pre-emptive Rights เพื่อรักษาสัดส่วนการถือครอง หากบริษัทออกหุ้นเพิ่มเพื่อระดมทุน นอกจากนี้ ยังมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลสำคัญอย่างเท่าเทียม เช่น รายงานประจำปี งบการเงิน และรายละเอียดธุรกิจ ซึ่งช่วยในการตัดสินใจลงทุนที่รอบคอบยิ่งขึ้น โดยข้อมูลเหล่านี้มักเปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์

สิทธิในการได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สินเมื่อเลิกกิจการ

เมื่อบริษัทเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับส่วนแบ่งสินทรัพย์ที่เหลือ หลังจากชำระหนี้ให้เจ้าหนี้และคืนเงินให้ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิแล้ว สิทธิ์นี้ทำให้พวกเขาอยู่ในลำดับสุดท้าย หรือ Junior Claim ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของที่แท้จริง

ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในหุ้นสามัญ

การลงทุนในหุ้นสามัญเหมือนกับเครื่องมือที่ทั้งทรงพลังและท้าทาย มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง แต่ก็ต้องเผชิญความเสี่ยงที่ต้องศึกษาก่อนลงมือ

ข้อดี: โอกาสเติบโตสูงและการมีส่วนร่วมในบริษัท

  • ศักยภาพการเติบโตของเงินลงทุน (Capital Gain): หากบริษัทเติบโตต่อเนื่องและมีธุรกิจที่สดใส ราคาหุ้นอาจพุ่งสูง สร้างกำไรจากการขายในอนาคต ซึ่งเป็นจุดดึงดูดหลักสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเพิ่มพูนมูลค่าทุน
  • รายได้จากเงินปันผล (Dividend Income): บริษัทที่ทำกำไรดีและมีนโยบายปันผลแน่นอน จะให้กระแสเงินสดสม่ำเสมอ เพิ่มรายได้นอกเหนือจากการเก็งกำไรราคา
  • การมีส่วนร่วมในบริษัท: ในฐานะผู้ถือหุ้น คุณสามารถลงคะแนนและเสนอความเห็นในที่ประชุม ซึ่งให้ความรู้สึกเป็นเจ้าของที่แท้จริง
  • สภาพคล่องสูง: หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มักซื้อขายได้รวดเร็วและง่ายดาย
  • กระจายความเสี่ยงในพอร์ต: สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งในการกระจายการลงทุน เพื่อให้พอร์ตโดยรวมสมดุลและลดการพึ่งพาสินทรัพย์เดี่ยว

ตัวอย่างเช่น นักลงทุนที่เลือกหุ้นบริษัทชั้นนำในไทย เช่น ในกลุ่มธนาคารหรือค้าปลีก มักเห็นการเติบโตที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจ

ข้อเสีย: ความเสี่ยงและความผันผวนสูง

  • ความผันผวนของราคา: ราคาอาจแกว่งตัวรุนแรงจากปัจจัยภายในบริษัท อุตสาหกรรม หรือเศรษฐกิจใหญ่ ทำให้เสี่ยงขาดทุนทุนต้น
  • ความเสี่ยงด้านผลประกอบการของบริษัท: หากบริษัทขาดทุนหรือมีปัญหาด้านบริหาร ราคาหุ้นอาจร่วงและไม่มีปันผล
  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: แม้ส่วนใหญ่จะคล่องตัว แต่หุ้นบริษัทเล็กหรือซื้อขายน้อยอาจยากต่อการเทรดในราคาที่ต้องการ
  • ความเสี่ยงจากการเรียกร้องสินทรัพย์เมื่อเลิกกิจการ: ในกรณีล้มละลาย ผู้ถือหุ้นสามัญได้ส่วนแบ่งลำดับสุดท้าย อาจสูญเงินทั้งหมด
  • ต้องใช้ความรู้และเวลา: ต้องวิเคราะห์งบการเงิน อุตสาหกรรม และข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่พร้อมเรียนรู้

ความแตกต่างที่สำคัญ: หุ้นสามัญ vs หุ้นบุริมสิทธิ vs หุ้นกู้

เพื่อให้ภาพรวมชัดเจนยิ่งขึ้น การเปรียบเทียบหุ้นสามัญกับเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ในตลาดไทย เช่น หุ้นบุริมสิทธิและหุ้นกู้ จะช่วยให้นักลงทุนเลือกได้เหมาะสม โดยแต่ละประเภทมีสิทธิและความเสี่ยงที่แตกต่าง

ลักษณะสำคัญ หุ้นสามัญ (Common Stock) หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) หุ้นกู้ (Corporate Bond)
ความเป็นเจ้าของ เจ้าของร่วมของบริษัท เจ้าของร่วมของบริษัท เจ้าหนี้ของบริษัท
สิทธิออกเสียง มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น (ทั่วไป 1 หุ้น 1 เสียง) โดยทั่วไปไม่มีสิทธิออกเสียง (ยกเว้นมีเงื่อนไขพิเศษ) ไม่มีสิทธิออกเสียง
เงินปันผล/ดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับผลประกอบการและมติที่ประชุม (ไม่แน่นอน) ได้รับเงินปันผลในอัตราคงที่หรือกำหนดไว้ล่วงหน้า (มีลำดับก่อนหุ้นสามัญ) ได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนดไว้สม่ำเสมอ (รายได้แน่นอน)
ลำดับการชำระคืนเมื่อเลิกกิจการ ลำดับสุดท้าย (หลังเจ้าหนี้และหุ้นบุริมสิทธิ) ลำดับก่อนหุ้นสามัญ แต่หลังเจ้าหนี้ ลำดับแรก (ในฐานะเจ้าหนี้)
ศักยภาพในการสร้างผลตอบแทน สูง (ทั้งจากราคาและเงินปันผล) ปานกลาง (เน้นเงินปันผลคงที่) ต่ำถึงปานกลาง (เน้นรายได้ดอกเบี้ยคงที่)
ความเสี่ยง สูง (ผันผวนตามตลาดและผลประกอบการ) ปานกลาง (ผันผวนน้อยกว่าหุ้นสามัญ แต่สูงกว่าหุ้นกู้) ต่ำ (รายได้แน่นอน ความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น)

หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) มักให้เงินปันผลคงที่และลำดับสิทธิ์สูงกว่าหุ้นสามัญในการเรียกร้องสินทรัพย์ แต่ขาดสิทธิ์ลงคะแนน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้มั่นคงและเสี่ยงน้อยกว่า

หุ้นกู้ (Corporate Bond) เป็นตราสารหนี้ที่บริษัทกู้จากประชาชน ผู้ถือมีสถานะเจ้าหนี้ ได้รับดอกเบี้ยแน่นอนและคืนเงินต้นเมื่อครบกำหนด มีความเสี่ยงต่ำสุดแต่ผลตอบแทนก็จำกัด เหมาะกับนักลงทุนที่เน้นความปลอดภัย

เริ่มต้นลงทุนหุ้นสามัญในตลาดหุ้นไทยได้อย่างไร?

สำหรับผู้เริ่มต้นในไทย การเข้าสู่ตลาดหุ้นสามัญไม่ซับซ้อน หากทำตามขั้นตอนพื้นฐานและเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ

ขั้นตอนการเปิดบัญชีหลักทรัพย์

  1. เลือกบริษัทหลักทรัพย์ (Brokerage Firm): มีโบรกเกอร์หลายแห่งในไทย เช่น บล.กสิกรไทย, บล.บัวหลวง, บล.กรุงศรี เลือกจากค่าธรรมเนียม บริการวิเคราะห์ และแพลตฟอร์มที่ใช้งานสะดวก
  2. เตรียมเอกสาร: โดยทั่วไปต้องมี
    • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
    • สำเนาทะเบียนบ้าน
    • สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร (สำหรับรับเงินปันผลและขายหุ้น)
    • เอกสารแสดงรายได้ (เช่น สลิปเงินเดือน, หนังสือรับรองเงินเดือน, รายการเดินบัญชีย้อนหลัง)
  3. กรอกใบสมัคร: สามารถทำออนไลน์ผ่านเว็บไซต์โบรกเกอร์ หรือไปสาขา
  4. ยืนยันตัวตน: อาจใช้ NDID หรือไปจุดบริการที่กำหนด
  5. รออนุมัติ: ใช้เวลา 1-3 วันทำการ แล้วจะได้รับเลขบัญชีหลักทรัพย์
  6. ฝากเงินเข้าบัญชี: โอนเงินตามเลขบัญชีที่แจ้ง โดยระบุเลขบัญชีหลักทรัพย์ของคุณ

กระบวนการนี้ช่วยให้ผู้เริ่มต้นเข้าถึงตลาดได้รวดเร็ว โดยหลายโบรกเกอร์มีบริการให้คำปรึกษาเพิ่มเติม

การซื้อขายหุ้นสามัญและแพลตฟอร์มที่นิยมในไทย

หลังเปิดบัญชี คุณสามารถเทรดหุ้นสามัญผ่านแพลตฟอร์มที่โบรกเกอร์ให้บริการ แพลตฟอร์มยอดนิยมคือ Streaming App จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่รองรับโดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่

  • Streaming App: แอปมือถือที่ใช้งานง่าย มีข้อมูลราคาเรียลไทม์ กราฟเทคนิค ข่าวสาร และข้อมูลบริษัท คุณสามารถส่งคำสั่งซื้อหรือขายได้ทันที
  • SETTRADE.com: ระบบเว็บของตลาดหลักทรัพย์ ให้ข้อมูลราคา บทวิเคราะห์ และส่งคำสั่งผ่านเว็บโบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้ที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ขั้นตอนการซื้อขายเบื้องต้น:

  1. เข้าสู่ระบบแอปหรือแพลตฟอร์มโบรกเกอร์
  2. ค้นหาหุ้นด้วยชื่อย่อ (Ticker Symbol)
  3. กำหนดประเภทคำสั่ง (เช่น Market Order, Limit Order), จำนวนหุ้น และราคา (สำหรับ Limit Order)
  4. ตรวจสอบและยืนยันคำสั่ง
  5. รอการจับคู่ในตลาด

การบริหารความเสี่ยงและภาษีที่เกี่ยวข้องกับหุ้นสามัญในไทย

แม้หุ้นสามัญจะให้โอกาสดี แต่ความเสี่ยงก็มีมาก การจัดการความเสี่ยงควบคู่กับความรู้เรื่องภาษี จะทำให้การลงทุนในตลาดไทยยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงเบื้องต้น

  1. กระจายความเสี่ยง (Diversification): อย่าลงทุนในหุ้นตัวเดียวหรืออุตสาหกรรมเดียว แบ่งเงินไปยังหลายตัว หลายภาค หรือรวมสินทรัพย์อื่นอย่างกองทุนรวมและตราสารหนี้ เพื่อลดผลกระทบ
  2. ลงทุนระยะยาว: หุ้นสามัญให้ผลดีในระยะยาว เนื่องจากบริษัทสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตได้ การเทรดสั้นเสี่ยงสูงกว่า
  3. กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss): ตั้งระดับราคาที่ยอมรับขาดทุน เพื่อจำกัดความเสียหาย
  4. ศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน: วิเคราะห์ธุรกิจ งบการเงิน แนวโน้มอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจเป็นประจำ
  5. ลงทุนด้วยเงินเย็น: ใช้เงินที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการขายตายตัวในตลาดร่วง
  6. เริ่มต้นด้วยจำนวนเงินน้อยๆ: สำหรับมือใหม่ ลงทุนทีละน้อยเพื่อฝึกฝนกลไกตลาด

ตัวอย่างกลยุทธ์นี้คือการใช้ Dollar-Cost Averaging โดยลงทุนสม่ำเสมอเพื่อเฉลี่ยต้นทุน

ภาษีเงินปันผลและภาษีกำไรจากการขายหุ้นในไทย

ในไทย การลงทุนหุ้นสามัญมีผลภาษีที่ต้องรู้:

  • ภาษีเงินปันผล (Dividend Tax): สำหรับบุคคลธรรมดา เงินปันผลจากบริษัทจดทะเบียนใน SET ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% โดยบริษัทจัดการนำส่งกรมสรรพากร คุณสามารถเลือกไม่นำไปรวมภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีสิ้น (Final Tax) หรือรวมเพื่อขอเครดิตภาษี ตามวิธีที่เสียภาษีน้อยกว่า
  • ภาษีกำไรจากการขายหุ้น (Capital Gains Tax): สำหรับบุคคลธรรมดา กำไรจากการขายหุ้นสามัญใน SET ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่หากขายหุ้นนอกตลาดหรือไม่จดทะเบียน ต้องนำรวมรายได้เสียภาษีอัตราก้าวหน้า สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ตรวจสอบที่ กรมสรรพากร

บทบาทของหุ้นสามัญในการวางแผนการเงินส่วนบุคคล

หุ้นสามัญเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยคนไทยบรรลุเป้าหมายทางการเงิน โดยเฉพาะในระยะยาว หากวางแผนดีและจัดการเหมาะสม

การลงทุนนี้สามารถสนับสนุนเป้าหมายต่างๆ เช่น

  • เป้าหมายการเกษียณอายุ: หุ้นที่เติบโตดีและปันผลสม่ำเสมอ ช่วยสะสมทุนได้ดีกว่าฝากธนาคารที่ผลตอบแทนต่ำ
  • เป้าหมายการศึกษาบุตร: การเติบโตของหุ้นช่วยสร้างเงินทุนสำหรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเกินอัตราเงินเฟ้อ
  • การสร้างอิสรภาพทางการเงิน: พอร์ตหุ้นที่แข็งแกร่งให้รายได้แบบ Passive Income จากปันผล ช่วยเร่งความเป็นอิสระ
  • การเอาชนะเงินเฟ้อ: ในระยะยาว หุ้นให้ผลตอบแทนเหนือเงินเฟ้อ รักษาและเพิ่มมูลค่าเงิน

อย่างไรก็ตาม ควรรวมหุ้นสามัญในแผนการเงินโดยรวม พิจารณาความเสี่ยงที่ยอมรับ ระยะเวลา และเป้าหมาย การจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ระหว่างหุ้น หนี้ และอื่นๆ ช่วยสร้างพอร์ตสมดุล

สรุป

หุ้นสามัญคือหลักทรัพย์ที่แสดงความเป็นเจ้าของบริษัทจดทะเบียน ให้สิทธิ์ลงคะแนน เงินปันผล และโอกาสเติบโต แต่ก็มีความเสี่ยงจากราคาผันผวนและผลประกอบการ การเข้าใจนิยาม ลักษณะ สิทธิ หน้าที่ ข้อดีข้อเสีย รวมถึงความต่างจากหุ้นบุริมสิทธิและหุ้นกู้ เป็นพื้นฐานสำหรับนักลงทุนไทย

การเริ่มต้นในตลาดหุ้นไทยผ่านบัญชีหลักทรัพย์และแพลตฟอร์มอย่าง Streaming App เข้าถึงง่าย แต่ต้องบริหารความเสี่ยงและภาษีอย่างละเอียด หุ้นสามัญเป็นพลังสำคัญในการวางแผนการเงินส่วนบุคคล เช่น เกษียณหรือศึกษาบุตร หากศึกษาลึก วางแผนรอบคอบ และลงทุนด้วยความเข้าใจ ความสำเร็จจะใกล้เข้ามา

หุ้นสามัญมีกี่ประเภทและต่างกันอย่างไรในตลาดหุ้นไทย?

โดยปกติ หุ้นสามัญในตลาดหุ้นไทยถือเป็นประเภทเดียวที่แสดงความเป็นเจ้าของและสิทธิ์ลงคะแนน แต่ในทางปฏิบัติ อาจแบ่งตามการถือครอง เช่น หุ้นสำหรับผู้ถือหุ้นไทย (Local Shares) และหุ้นสำหรับต่างชาติ (Foreign Shares) ซึ่งมีข้อจำกัดการซื้อขายและราคาที่ต่างกันสำหรับนักลงทุนต่างชาติในบางกรณี เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบ

ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นอย่างไร?

ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิ์ลงคะแนนตามจำนวนหุ้นที่ถือ โดยหลักการคือ 1 หุ้น 1 เสียง สามารถใช้สิทธิ์โดยเข้าร่วมประชุมด้วยตัวเอง หรือมอบหนังสือมอบฉันทะให้ผู้อื่นไปลงคะแนนแทนตามที่กำหนด

ควรเลือกซื้อหุ้นสามัญของบริษัทแบบไหนดีสำหรับมือใหม่ในไทย?

สำหรับมือใหม่ แนะนำหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ (Blue Chip Stocks) ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการมั่นคง เป็นที่รู้จักกว้างขวาง และอยู่ในอุตสาหกรรมเติบโตดี หรือบริษัทที่จ่ายปันผลต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงและสะสมประสบการณ์ก่อนขยับไปหุ้นอื่น

หากบริษัทมีผลประกอบการไม่ดี ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับผลกระทบอย่างไร?

หากบริษัทผลประกอบการไม่ดี ผู้ถือหุ้นสามัญอาจเผชิญผลกระทบหลายด้าน เช่น

  • ราคาหุ้นลดลง สร้างขาดทุนทุน
  • ขาดทุนหรือกำไรน้อยเกินกว่าจะจ่ายปันผล หรือจ่ายน้อยลง
  • ความเชื่อมั่นลด ส่งผลให้หุ้นคล่องตัวน้อย
  • กรณีเลวร้าย หากล้มละลาย จะได้เงินคืนลำดับสุดท้ายหรือสูญหมด

เงินปันผลจากหุ้นสามัญที่ได้มา ต้องเสียภาษีอย่างไรบ้างในประเทศไทย?

เงินปันผลจากหุ้นสามัญในไทยถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% โดยอัตโนมัติ ผู้ลงทุนเลือกได้ว่าจะไม่นำไปรวมภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีสิ้น (Final Tax) หรือนำรวมเพื่อขอเครดิตภาษี ตามวิธีที่ประหยัดภาษีที่สุด

มีแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันใดบ้างที่ใช้ซื้อขายหุ้นสามัญในตลาดหุ้นไทย?

แพลตฟอร์มยอดนิยมคือ Streaming App แอปมือถือจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รองรับโดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ นอกจากนี้ โบรกเกอร์แต่ละแห่งมีแพลตฟอร์มเว็บและแอปของตัวเองสำหรับซื้อขาย

การลงทุนในหุ้นสามัญมีความเสี่ยงอะไรบ้างที่นักลงทุนไทยควรรู้?

ความเสี่ยงหลัก ได้แก่

  • ความเสี่ยงด้านราคา: ราคาผันผวนจากปัจจัยหลากหลาย
  • ความเสี่ยงด้านธุรกิจ: ผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาด
  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: หุ้นบางตัวซื้อขายยาก
  • ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจถดถอยกระทบตลาดทั้งหมด
  • ความเสี่ยงจากการชำระหนี้ลำดับสุดท้าย: ล้มละลายแล้วได้เงินคืนท้ายสุด

หุ้นสามัญสามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนเกษียณอายุในไทยได้หรือไม่?

แน่นอน หุ้นสามัญเหมาะกับการวางแผนเกษียณเพราะให้ผลตอบแทนระยะยาวสูง การลงทุนสม่ำเสมอในหุ้นพื้นฐานดีช่วยสะสมทุนและสร้างรายได้จากปันผลสำหรับใช้หลังเกษียณ โดยเฉพาะเมื่อมีเวลาลงทุนยาวนาน

ความแตกต่างระหว่างหุ้นสามัญที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ กับหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนมีอะไรบ้าง?

ความต่างหลัก ได้แก่

  • สภาพคล่อง: หุ้นในตลาดมีคล่องสูง ซื้อขายง่าย หุ้นนอกตลาดคล่องต่ำ
  • ข้อมูลข่าวสาร: บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ หุ้นนอกตลาดข้อมูลจำกัด
  • การกำกับดูแล: จดทะเบียนอยู่ภายใต้ SET และ ก.ล.ต. นอกตลาดกำกับน้อยกว่า
  • ภาษี: กำไรขายในตลาดยกเว้นภาษี (บุคคลธรรมดา) นอกตลาดต้องเสียภาษีกำไร

ทำไมราคาหุ้นสามัญถึงขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา?

ราคาหุ้นสามัญผันผวนจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น

  • ผลประกอบการบริษัท: กำไรหรือขาดทุนกระทบตรง
  • สภาพเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจโดยรวมดีหรือร้าย
  • ข่าวสารและเหตุการณ์: ทั้งในและต่างประเทศ
  • อารมณ์นักลงทุน: การซื้อขายจากความกลัวหรือโลภ
  • นโยบายรัฐ: เช่น ปรับดอกเบี้ย

ปัจจัยเหล่านี้กระทบอุปสงค์-อุปทาน ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง

More From Author

open market operations คือ: ธปท. บริหารสภาพคล่องอย่างไร? เจาะลึกกลไกและผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

ความเสี่ยงของธนาคาร มีอะไรบ้าง: เจาะลึก 5 ประเภทหลักและ 3 ความเสี่ยงใหม่ที่ธนาคารไทยต้องเจอ

發佈留言

近期留言

尚無留言可供顯示。