บทนำ: ตลาดแรก (Primary Market) คืออะไร?
ตลาดแรก หรือที่รู้จักในชื่อ Primary Market ถือเป็นส่วนสำคัญของระบบการเงิน โดยเฉพาะในบริบทของตลาดทุนไทย ที่นี่คือสถานที่ซึ่งบริษัท องค์กร หรือหน่วยงานรัฐนำหลักทรัพย์ออกเสนอขายครั้งแรก เพื่อรวบรวมเงินทุนโดยตรงจากนักลงทุน เงินที่ได้จะถูกนำไปใช้ในการขยายกิจการ พัฒนาโครงการ หรือจัดการหนี้สิน ซึ่งต่างจากตลาดรองที่เน้นการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ออกมาก่อนหน้านี้ การมีตลาดแรกนี้ช่วยให้เกิดการไหลเวียนของทุนอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม

สำหรับผู้ประกอบการที่อยากหาแหล่งทุนใหม่ หรือนักลงทุนที่มองหาโอกาส การรู้จักตลาดแรกคือก้าวแรกที่จำเป็น โดยเฉพาะรูปแบบยอดนิยมอย่างการเสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อสาธารณะ (IPO) สำหรับหุ้น หรือการออกตราสารหนี้ใหม่ เช่น พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้จากภาคเอกชน ความเข้าใจนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพใหญ่ของตลาดการเงิน ว่าทุนจากผู้มีเงินออมไหลไปสู่ผู้ที่ต้องการใช้ทุนอย่างไร เพื่อสร้างประโยชน์ให้ทุกฝ่าย
กลไกการทำงานของตลาดแรก: จากผู้ออกสู่ผู้ลงทุน
กระบวนการในตลาดแรกถูกออกแบบให้มีขั้นตอนชัดเจนและได้รับการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม โดยรวมแล้ว สามารถแบ่งเป็นขั้นตอนหลักได้ดังนี้
ก่อนอื่น ผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งอาจเป็นบริษัทที่เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือหน่วยงานที่ต้องการออกตราสารหนี้ จะเริ่มจากการเตรียมเอกสารสำคัญ เช่น งบการเงิน รายละเอียดกิจการ แผนการนำเงินไปใช้ จากนั้นจึงให้ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้ตรวจสอบบัญชีช่วยประเมินความพร้อม
ต่อมา คือการยื่นขออนุมัติ โดยยื่นเอกสารทั้งหมดต่อหน่วยงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อให้ตรวจสอบและอนุมัติการเสนอขาย
เมื่อผ่านด่านนี้ ผู้ออกจะแต่งตั้งผู้จัดการจำหน่ายหรือผู้รับประกันการขาย (Underwriters) ซึ่งมักเป็นบริษัทหลักทรัพย์หรือธนาคารใหญ่ พวกเขาจะทำหน้าที่กลางในการนำหลักทรัพย์ไปสู่ผู้ลงทุน อาจรับประกันขายทั้งหมดหรือขายตามความสามารถเท่าที่ทำได้
จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอขายจริง โดยนำหลักทรัพย์ออกให้ผู้ลงทุนตามกำหนดเวลาและเงื่อนไขในหนังสือชี้ชวน ซึ่งอาจเป็นการขายต่อสาธารณะทั่วไป การขายแบบจำกัดกลุ่ม หรือเน้นนักลงทุนสถาบัน
สุดท้าย เมื่อหมดเวลาขาย หลักทรัพย์จะถูกแจกจ่ายตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ซึ่งอาจปรับตามประเภทหลักทรัพย์และวิธีขาย

ตัวอย่างที่เห็นชัดคือกระบวนการ IPO ที่บริษัทนำหุ้นออกขายครั้งแรกเพื่อหาทุนจากประชาชน ก่อนที่หุ้นเหล่านั้นจะเข้าซื้อขายในตลาดรอง หรือการออกหุ้นกู้และพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งมีราคาและรายละเอียดระบุในหนังสือชี้ชวนเสมอ กระบวนการเหล่านี้ไม่เพียงช่วยระดมทุน แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นในระบบโดยรวม
ประเภทของเครื่องมือทางการเงินในตลาดแรก
ในตลาดแรก มีเครื่องมือทางการเงินหลายรูปแบบที่ผู้ออกเลือกใช้เพื่อระดมทุน แต่ละประเภทล้วนมีจุดเด่นและจุดประสงค์เฉพาะตัว
เริ่มจากหุ้นสามัญ ซึ่งเป็นการขายหุ้นทุนครั้งแรก (IPO) หรือเพิ่มทุนด้วยหุ้นใหม่ ผู้ที่ซื้อจะกลายเป็นหุ้นส่วนในกิจการ ได้สิทธิ์โหวตในที่ประชุมผู้ถือหุ้น และมีสิทธิ์รับปันผลหรือกำไรจากการขายหุ้นเมื่อราคาขึ้น
ส่วนตราสารหนี้คือการกู้เงินจากนักลงทุน โดยผู้ออกสัญญาจ่ายดอกเบี้ย定期และคืนเงินต้นเมื่อ到期 ประเภทย่อยที่พบบ่อย ได้แก่
พันธบัตรรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลออกเพื่อหาเงินพัฒนาประเทศหรือแก้ขาดดุลงบ ถือเป็นตัวเลือกเสี่ยงต่ำสุดเพราะ backed โดยรัฐ
และหุ้นกู้จากภาคเอกชนหรือบริษัทมหาชน เพื่อใช้ทุนในกิจการ โดยอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขขึ้นกับความน่าเชื่อถือของผู้ออก
นอกจากนี้ หน่วยลงทุนของกองทุนรวม แม้ไม่ใช่หลักทรัพย์ตรงๆ แต่การขายครั้งแรกของกองทุน (IPO ของกองทุน) ก็อยู่ในตลาดแรก ผู้ลงทุนซื้อจากบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) ซึ่งจะนำเงินไปลงทุนตามนโยบาย เช่น หุ้น พันธบัตร หรือสินทรัพย์อื่นๆ

การรู้จักประเภทเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนเลือกสิ่งที่ตรงกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยเฉพาะในตลาดไทยที่ตัวเลือกหลากหลายเพื่อรองรับนักลงทุนทุกระดับ
ตลาดแรก vs. ตลาดรอง: ความแตกต่างที่นักลงทุนต้องรู้
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น การเปรียบเทียบตลาดแรกกับตลาดรองซึ่งเป็นตลาดที่นักลงทุนส่วนใหญ่นิยม จะช่วยทำความเข้าใจบทบาทของแต่ละตลาด ตลาดทั้งคู่เชื่อมโยงกัน แต่มีจุดมุ่งหมายและวิธีการที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
| ประเด็นการเปรียบเทียบ | ตลาดแรก (Primary Market) | ตลาดรอง (Secondary Market) |
| :——————- | :——————— | :————————- |
| วัตถุประสงค์ | ระดมทุนใหม่โดยตรงจากนักลงทุน เพื่อนำเงินไปใช้ในการดำเนินงานหรือขยายกิจการ | ซื้อขายเปลี่ยนมือหลักทรัพย์ที่ออกไปแล้วระหว่างนักลงทุน |
| ผู้ขาย/ผู้ซื้อ | ผู้ออกหลักทรัพย์ (บริษัท, รัฐบาล) เป็นผู้ขาย, ผู้ลงทุนเป็นผู้ซื้อ | นักลงทุนเดิมเป็นผู้ขาย, นักลงทุนใหม่เป็นผู้ซื้อ |
| การกำหนดราคา | ราคาเสนอขายถูกกำหนดโดยผู้ออกหลักทรัพย์และผู้จัดจำหน่าย โดยพิจารณาจากมูลค่ากิจการ สภาวะตลาด และความต้องการ | ราคาซื้อขายถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานของตลาด ณ เวลานั้นๆ (ราคาตลาด) |
| สภาพคล่อง | ต่ำกว่าตลาดรอง เนื่องจากเป็นการซื้อขายหลักทรัพย์ครั้งแรกและมักมีช่วงเวลาจำกัด | สูงกว่าตลาดแรกมาก เนื่องจากมีการซื้อขายเปลี่ยนมือตลอดเวลา |
| การเข้าถึง | ต้องจองซื้อในช่วงเวลาที่กำหนด ผ่านผู้จัดจำหน่าย | ซื้อขายผ่านโบรกเกอร์หลักทรัพย์ได้ตลอดเวลาทำการของตลาด |
| เงินทุน | เงินทุนจะไหลเข้าสู่ผู้ออกหลักทรัพย์โดยตรง | เงินทุนจะเปลี่ยนมือระหว่างนักลงทุนด้วยกันเอง ไม่ได้ไหลเข้าสู่ผู้ออกหลักทรัพย์ |
| ข้อมูล | ผู้ลงทุนต้องศึกษาจากหนังสือชี้ชวน ซึ่งให้ข้อมูลรายละเอียดของผู้ออกหลักทรัพย์ | ผู้ลงทุนสามารถหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น ข่าวสาร, บทวิเคราะห์, ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Factsheet) |
ผู้เล่นหลักในตลาดแรกของประเทศไทย: ใครคือใคร?
ในตลาดแรกของไทย ผู้มีส่วนร่วมหลายฝ่ายทำงานร่วมกันเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ผู้ออกหลักทรัพย์คือผู้ที่ต้องการทุนและนำหลักทรัพย์ใหม่มาขาย เช่น รัฐบาลไทยที่ออกพันธบัตรเพื่อโครงการรัฐและจัดการหนี้สาธารณะ รัฐวิสาหกิจอย่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือ ปตท. ที่ออกหุ้นกู้สำหรับโครงการใหญ่ และบริษัทมหาชนที่เปลี่ยนสถานะเพื่อขายหุ้น IPO
ผู้ลงทุนคือผู้นำเงินมาลงทุนเพื่อผลตอบแทน แบ่งเป็นนักลงทุนสถาบันอย่างกองทุนรวม บริษัทประกัน หรือกองทุนบำนาญ ที่มีทุนใหญ่ และนักลงทุนรายย่อยซึ่งเป็นประชาชนทั่วไปที่มีงบประมาณหลากหลาย
ส่วนคนกลางคือตัวเชื่อมสำคัญ ธนาคารพาณิชย์จัดการขายพันธบัตรและหุ้นกู้ รวมถึงทำหน้าที่นายทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์รับผิดชอบขายหุ้น IPO และให้คำปรึกษาทางการเงิน และที่ปรึกษาทางการเงินช่วยเตรียมบริษัทให้พร้อมเข้าตลาด
หน่วยงานกำกับดูแลคือผู้รักษาความเชื่อมั่น เช่น ก.ล.ต. ที่กำกับการขายหลักทรัพย์ คุ้มครองนักลงทุน และส่งเสริมตลาดให้โปร่งใส ดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก ก.ล.ต. ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลพันธบัตรรัฐบาลและนโยบายการเงินที่กระทบตลาดหนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก ธปท.
ความสำคัญของตลาดแรกต่อเศรษฐกิจและนักลงทุนไทย
ตลาดแรกมีบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สร้างโอกาสให้ธุรกิจและนักลงทุน โดยเฉพาะในการจัดสรรทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ในแง่เศรษฐกิจ มันช่วยให้ทุนจากผู้เก็บออมไหลไปสู่ธุรกิจและรัฐ สร้างการลงทุนใหม่ๆ งาน occupations และเพิ่มผลิตภาพ สนับสนุนโครงการใหญ่เช่นรถไฟฟ้าหรือท่าเรือ ซึ่งเป็นรากฐานการพัฒนา ธุรกิจไทยยังได้ทุนเพื่อแข่งขันระดับโลกผ่านนวัตกรรมและขยายตัว
สำหรับธุรกิจ ตลาดแรกให้ทุนมหาศาลสำหรับเติบโต ลงทุนเทคโนโลยี หรือควบรวม การทำ IPO ยังเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ ทำให้เข้าถึงแหล่งทุนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น
นักลงทุนได้รับโอกาสลงทุนสินทรัพย์ใหม่ที่มีศักยภาพสูงตั้งแต่แรก ช่วยกระจายความเสี่ยงผ่านหุ้น หนี้ หรือกองทุน และยังเป็นส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศโดยตรง
ในไทย ตัวอย่างเช่น การระดมทุนผ่านตลาดแรกช่วยให้บริษัทชั้นนำเติบโต และสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจหลัก
การลงทุนในตลาดแรกสำหรับนักลงทุนไทย: โอกาสและความท้าทาย
การลงทุนในตลาดแรกไทยเปิดโอกาสน่าสนใจ แต่ต้องเข้าใจความท้าทายเพื่อตัดสินใจอย่างรอบคอบ
ช่องทางเข้าถึงมีหลายแบบ สำหรับหุ้น IPO จองผ่านบริษัทหลักทรัพย์หรือธนาคารตัวแทนในเวลาที่กำหนด พันธบัตรรัฐบาลจองผ่านธนาคารชั้นนำ และหุ้นกู้เอกชนผ่านผู้จัดการจำหน่าย
โอกาสเด่นคือศักยภาพเติบโตสูงจากหุ้น IPO ของบริษัทดีๆ ได้เป็นเจ้าของตั้งแต่ต้นในราคาที่สมเหตุสมผล ผลตอบแทนจากหนี้แน่นอนและปลอดภัยกว่า
แต่ความท้าทายก็มี เช่น ข้อมูลอาจจำกัดกว่าบริษัทเก่าๆ ต้องอ่านหนังสือชี้ชวนให้ละเอียด สภาพคล่องต่ำในช่วงแรก ราคาผันผวนเมื่อเข้าตลาดรอง และเสี่ยงไม่ได้รับจัดสรรหาก需求สูง นอกจากนี้ยังต้องประเมินความเสี่ยงธุรกิจของผู้ออก
คำแนะนำคือศึกษาข้อมูลธุรกิจและความเสี่ยงให้ถี่ถ้วน พิจารณาว่าตรงกับเป้าหมายตัวเองหรือไม่ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ เช่น บล.กสิกรไทย บล.บัวหลวง บล.ทิสโก้ หรือ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี เพื่อลงทุนอย่างมั่นใจ
สรุป: ตลาดแรก หัวใจสำคัญของระบบการเงินไทย
ตลาดแรกไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้นของหลักทรัพย์ แต่เป็นแกนกลางของระบบการเงินไทย ช่วยถ่ายโอนทุนจากผู้เก็บออมสู่ธุรกิจและรัฐ เพื่อลงทุน พัฒนา และเติบโตอย่างยั่งยืน การเข้าใจมันทำให้เห็นว่าบริษัทและรัฐหาทุนอย่างไร และเป็นฐานให้ตลาดรองทำงานได้ดี
นักลงทุนที่รู้จักตลาดนี้จะเห็นโอกาสหลากหลายตามระดับเสี่ยง การศึกษาหนังสือชี้ชวนและประเมินความเสี่ยงจะช่วยให้ลงทุนฉลาด สร้างผลตอบแทน และมีส่วนในอนาคตเศรษฐกิจไทยที่มั่นคง
ตลาดแรก มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างไร?
ตลาดแรกช่วยพัฒนาเศรษฐกิจไทยโดยเป็นช่องทางหลักให้ธุรกิจและรัฐระดมทุนสำหรับขยายกิจการ ลงทุนโครงการใหญ่ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน และสร้างนวัตกรรม ส่งผลให้เกิดการจ้างงาน เพิ่มผลิตภาพ และเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม
นักลงทุนรายย่อยชาวไทยจะสามารถเข้าร่วมลงทุนในตลาดแรกได้อย่างไรบ้าง?
นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าร่วมได้หลายช่องทาง เช่น จองซื้อหุ้น IPO ผ่านบริษัทหลักทรัพย์หรือธนาคารตัวแทน จองพันธบัตรรัฐบาลผ่านธนาคารชั้นนำ หรือจองหุ้นกู้เอกชนผ่านผู้จัดการจำหน่าย โดยต้องติดตามข่าวและศึกษาหนังสือชี้ชวนให้ละเอียด
หลักทรัพย์ประเภทใดบ้างที่มักจะมีการเสนอขายในตลาดแรกของไทย?
หลักทรัพย์หลักที่ขายในตลาดแรกไทย ได้แก่ หุ้นสามัญโดยเฉพาะ IPO ตราสารหนี้เช่นพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชน และหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่ขายครั้งแรก
การลงทุนในตลาดแรกแตกต่างจากการซื้อขายในตลาดรอง (ตลาดหลักทรัพย์) อย่างไร?
ความแตกต่างสำคัญคือ ตลาดแรกมุ่งระดมทุนใหม่โดยตรงสู่ผู้ออกหลักทรัพย์ ขณะที่ตลาดรองเป็นการซื้อขายระหว่างนักลงทุน เงินในตลาดแรกเข้าผู้ออกโดยตรง แต่ในตลาดรองเปลี่ยนมือระหว่างนักลงทุน และตลาดรองมีสภาพคล่องสูงกว่า
สำนักงาน ก.ล.ต. มีบทบาทหน้าที่อย่างไรในการกำกับดูแลตลาดแรกในประเทศไทย?
ก.ล.ต. กำกับดูแลตลาดแรกโดยกำหนดกฎเกณฑ์ พิจารณาอนุมัติการขายหลักทรัพย์ คุ้มครองนักลงทุนให้ได้ข้อมูลครบถ้วนและเป็นธรรม และส่งเสริมตลาดให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และน่าเชื่อถือ
การจองซื้อหุ้น IPO ในตลาดแรกของไทยมีขั้นตอนหลักๆ อะไรบ้าง?
ขั้นตอนจองหุ้น IPO ในไทย ได้แก่ เปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ ศึกษาหนังสือชี้ชวน ตรวจเวลาจองและช่องทาง ยื่นจองและชำระเงิน รอผลจัดสรร และหากได้ หุ้นจะเข้าบัญชีพร้อมซื้อขายในตลาดรอง
การลงทุนในตลาดแรกมีความเสี่ยงอะไรบ้างที่นักลงทุนไทยควรพิจารณา?
ความเสี่ยงหลัก ได้แก่ ข้อมูลอาจจำกัด สภาพคล่องต่ำในช่วงแรก ราคาผันผวนเมื่อเข้าตลาดรอง เสี่ยงไม่ได้รับจัดสรรหาก需求สูง และความเสี่ยงธุรกิจของผู้ออกที่ผลประกอบการอาจไม่เป็นไปตามคาด
พันธบัตรรัฐบาลที่ออกในตลาดแรก สามารถจองซื้อได้จากช่องทางใดบ้างในประเทศไทย?
จองพันธบัตรรัฐบาลได้ผ่านธนาคารพาณิชย์ชั้นนำที่เป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจะประกาศช่องทางและเงื่อนไขล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์และสื่อต่างๆ
ทำไมบริษัทไทยจึงเลือกมาใช้ช่องทางการระดมทุนผ่านตลาดแรก?
บริษัทไทยเลือกตลาดแรกเพราะเข้าถึงทุนใหญ่สำหรับขยายกิจการ เพิ่มความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ ลดภาระหนี้จากการกู้ และสร้างสภาพคล่องให้ผู้ถือหุ้นเดิมเพื่อเติบโตในอนาคต
ตลาดแรกช่วยส่งเสริมนวัตกรรมและการเติบโตของธุรกิจ Startup ในไทยได้อย่างไร?
ตลาดแรกช่วย Startup ไทยโดยให้ช่องทางระดมทุนจำนวนมากจากนักลงทุน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขยายตลาด และเปลี่ยนไอเดียเป็นธุรกิจจริง สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อนวัตกรรมและการเติบโต