導言:ทำไม “หุ้นปันผลรายเดือน” ถึงน่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย?
ในช่วงเวลาที่เงินสดไหลเวียนกลายเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินชีวิตและการวางแผนการเงิน นักลงทุนในไทยจำนวนไม่น้อยต่างมองหาวิธีสร้างรายได้ประจำที่มั่นคง เพื่อรองรับทั้งความต้องการเร่งด่วนและแผนระยะยาว หนึ่งในทางเลือกที่กำลังมาแรงและน่าติดตามคือการลงทุนในหุ้นปันผลรายเดือน ซึ่งไม่ใช่แค่การลงทุนธรรมดา แต่เป็นวิธีที่ช่วยเปลี่ยนเงินออมให้กลายเป็นแหล่งรายได้แบบ passive income ที่จ่ายเข้าบัญชีทุกเดือน สิ่งนี้ดึงดูดนักลงทุนไทยที่อยากมีเสถียรภาพทางการเงิน โดยไม่ต้องรอรับเงินปันผลปีละครั้งหรือไตรมาสละครั้งเท่านั้น บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกมุมมองของหุ้นปันผลรายเดือน ตั้งแต่ความหมาย ข้อดี ข้อควรระวัง วิธีค้นหา การลงทุน และประเด็นภาษี เพื่อให้เป็นแนวทางครบถ้วนสำหรับนักลงทุนไทยทุกท่าน

ทำความเข้าใจ “หุ้นปันผลรายเดือน” คืออะไร?
หุ้นปันผลรายเดือนหมายถึงหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกำหนดนโยบายจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นทุกเดือน แทนที่จะเป็นแบบไตรมาสหรือรายปีที่พบเห็นบ่อยกว่า การจ่ายแบบนี้ช่วยให้เงินสดไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง สะดวกต่อการจัดการสภาพคล่องและวางแผนการเงินส่วนตัว โดยเฉพาะในยุคที่ความยืดหยุ่นทางการเงินเป็นสิ่งจำเป็น

กลไกการทำงานและรอบการจ่ายเงินปันผล
โดยปกติ บริษัทที่เลือกจ่ายปันผลรายเดือนมักเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่งและผลประกอบการมั่นคงพอที่จะรองรับการจ่ายต่อเนื่องทุกเดือน การประกาศและโอนเงินจะยึดตามกำหนดการชัดเจน เช่น ประกาศต้นเดือนและจ่ายจริงกลางหรือปลายเดือน ซึ่งต่างจากรูปแบบทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นแค่ 4 ครั้งต่อปีหรือน้อยกว่านั้น ทำให้ผู้ลงทุนรู้สึกมั่นใจในความสม่ำเสมอมากขึ้น
ความแตกต่างจากหุ้นปันผลรายไตรมาส/รายปี
จุดต่างหลักอยู่ที่ความถี่ในการรับเงิน ซึ่งหุ้นปันผลรายเดือนช่วยให้คุณมีกระแสเงินสดไหลเวียนบ่อยกว่า เหมาะสำหรับคนที่นำเงินไปใช้ในชีวิตประจำวันหรือลงทุนต่อเพื่อให้เกิดดอกเบี้ยทบต้นเร็วขึ้น ในทางตรงกันข้าม หุ้นแบบไตรมาสหรือรายปีอาจเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ต้องการสภาพคล่องสูงและชอบรับเงินก้อนใหญ่เป็นระยะ นอกจากนี้ หุ้นรายเดือนมักปรับยอดปันผลตามผลงานรายเดือนให้เหมาะสม ในขณะที่แบบรายปีอาจคงที่มากกว่าแต่มีความผันผวนน้อยในแต่ละครั้ง
ข้อดีและข้อควรพิจารณาของการลงทุนใน “หุ้นปันผลรายเดือน”
การเลือกหุ้นปันผลรายเดือนมาพร้อมทั้งประโยชน์ที่ชัดเจนและปัจจัยที่ต้องชั่งน้ำหนักให้ดี เพื่อให้การลงทุนมีเหตุผลและเกิดผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

ข้อดี: สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ เพิ่มโอกาสลงทุนซ้ำ
- กระแสเงินสดสม่ำเสมอ: ได้รับเงินทุกเดือนช่วยจัดการค่าใช้จ่ายได้ง่าย หรือเป็นรายได้หลักสำหรับคนวางแผนเกษียณ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องรอคอย
- โอกาสในการลงทุนซ้ำและทบต้น: เงินที่ได้บ่อยช่วยให้ reinvest ได้ทันที เร่งให้พอร์ตเติบโตผ่านพลังของ compounding อย่างมีประสิทธิภาพ
- ลดความผันผวนทางจิตวิทยา: แม้ตลาดหุ้นจะขึ้นลง แต่การมีเงินเข้าต่อเนื่องช่วยให้ใจเย็นและมั่นใจมากขึ้น
- สภาพคล่องที่ดีขึ้น: สำหรับคนต้องการใช้เงินด่วน การไหลเวียนรายเดือนดีกว่าการรอรับก้อนใหญ่ปีละครั้งแน่นอน
ข้อควรพิจารณา: ความเสี่ยงและข้อจำกัดที่ต้องรู้
- ความยั่งยืนของเงินปันผล: ต้องดูว่าบริษัทจะจ่ายต่อเนื่องได้หรือไม่ บางแห่งอาจเริ่มแบบรายเดือนเพื่อดึงดูด แต่ถ้าผลงานตก อาจลดหรือหยุดได้
- คุณภาพของบริษัท: อัตราปันผลสูงเกินอาจซ่อนความเสี่ยง ควรตรวจงบการเงิน กระแสเงินสด และกำไรให้ดี ไม่ใช่ดูแค่อัตราปันผล
- จำนวนหุ้นที่จำกัดในตลาดไทย: ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตัวเลือกหุ้นรายเดือนโดยตรงมีไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ ทำให้ต้องเลือกอย่างละเอียด
- ความผันผวนของราคาหุ้น: ถึงจะได้ปันผลสม่ำเสมอ แต่ราคาหุ้นยังขึ้นลงตามตลาด ถ้าตกหนัก ผลตอบแทนรวมอาจลดลง
กลยุทธ์ค้นหาและคัดเลือก “หุ้นปันผลรายเดือน” ที่ดีที่สุดในตลาดหุ้นไทย
การหาหุ้นปันผลรายเดือนที่ใช่ในตลาดไทยต้องอาศัยความรอบคอบและเกณฑ์ชัดเจน เพื่อให้ได้หลักทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดยั่งยืน โดยไม่เสี่ยงมากเกินไป
เกณฑ์สำคัญในการคัดเลือก
อย่ามองแค่อัตราปันผลสูง แต่ให้พิจารณาปัจจัยเหล่านี้ให้ลึกซึ้ง:
- ประวัติการจ่ายเงินปันผล (Dividend History): เลือกบริษัทที่จ่ายสม่ำเสมอมานาน แม้ไม่ใช่รายเดือนโดยตรง แต่ประวัติดีแสดงถึงความน่าเชื่อถือ
- อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ที่เหมาะสม: หลีกเลี่ยงที่สูงผิดปกติ ควรอยู่ในระดับสมเหตุสมผลตามอุตสาหกรรม เพื่อความปลอดภัย
- ผลประกอบการและกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow): บริษัทต้องมีกำไรแข็งแกร่งและเงินสดเหลือพอจ่ายปันผล โดยไม่กระทบการเติบโต
- อัตราส่วนการจ่ายเงินปันผล (Payout Ratio): ควรไม่สูงเกินไป เพื่อให้มีเงินสำรองสำหรับวันฝนตก
- แนวโน้มการเติบโตของบริษัท: มองหาองค์กรที่มีอนาคตสดใส เพราะจะนำไปสู่ปันผลที่เพิ่มขึ้นในภายหลัง
แหล่งข้อมูลและเครื่องมือช่วยค้นหา
ตลาดหุ้นไทยมีเครื่องมือช่วยเหลือมากมาย ทำให้การวิเคราะห์หุ้นปันผลสะดวกยิ่งขึ้น:
- เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET): SET.or.th รวมข้อมูลบริษัท งบการเงิน และข่าวที่จำเป็นสำหรับการตัดสินใจ
- โปรแกรมคัดกรองหุ้น (Stock Screener) ของโบรกเกอร์: โบรกเกอร์ดังอย่าง Bualuang Securities (บล.บัวหลวง), Finnomena และ Dime มีเครื่องมือกรองหุ้นตามเงื่อนไข เช่น อัตราปันผล, P/E Ratio, ROE
- เว็บไซต์วิเคราะห์หุ้นและข่าวสารการลงทุน: แห่งอย่าง Finnomena หรือ Thaivest.co ให้บทวิเคราะห์ลึกและข่าวที่เกี่ยวข้องกับหุ้นปันผล
- กลุ่มชุมชนนักลงทุน (เช่น Pantip): เว็บบอร์ดหรือกลุ่มโซเชียลอย่าง Pantip ห้องสินธร รวมประสบการณ์จริงและไอเดียจากนักลงทุน แต่ต้องใช้ดุลยพินิจรับข้อมูล
หุ้นปันผลรายเดือนยอดนิยมและทางเลือกอื่นๆ ในไทย
แม้ในไทยหุ้นที่จ่ายรายเดือนโดยตรงจะมีน้อย แต่ก็มีตัวเลือกน่าสนใจ รวมถึงทางเลือกอย่าง ETF หรือกองทุนที่ให้กระแสเงินสดใกล้เคียง
รายชื่อหุ้นปันผลรายเดือนที่น่าจับตาในตลาดหุ้นไทย
หุ้นไทยที่จ่ายรายเดือนมักอยู่ในกลุ่มอสังหาฯ หรือกองทุนอสังหาฯ (Property Funds) และ REITs เพราะมีรายได้ค่าเช่าสม่ำเสมอ ตัวอย่างเช่น:
- กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Funds) หรือ REITs บางตัว: อย่าง DIF (Digital Infrastructure Fund), CPNREIT, WHART ซึ่งมีรายได้จากค่าเช่าหรือสัมปทานต่อเนื่อง ทำให้จ่ายปันผลบ่อย แม้ไม่ทุกเดือนเป๊ะ แต่ถี่กว่าหุ้นทั่วไป
- บริษัทที่มีนโยบายพิเศษ: บางแห่งปรับจ่ายถี่ขึ้นหรือมีหุ้นบุริมสิทธิที่จ่ายประจำ ควรตรวจนโยบายละเอียดจาก SET และรายงานประจำปี
ข้อควรระวัง: ตัวอย่างเหล่านี้ไม่ใช่คำแนะนำ ควรศึกษาละเอียดและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนลงทุนเสมอ
ขยายโอกาสด้วย ETF และกองทุนปันผลรายเดือน
สำหรับคนอยากกระจายความเสี่ยงและมีทางเลือกมากขึ้น ETF หรือกองทุนรวมที่จ่ายปันผลบ่อยเป็นตัวช่วยที่ดี:
- ETF ที่ลงทุนในหุ้นปันผล: ETF ในไทยส่วนใหญ่จ่ายไตรมาสหรือรายปี แต่บางตัวเน้นหุ้นปันผลสูง ช่วยกระจายความเสี่ยงแม้ไม่รายเดือน
- กองทุนรวมที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ: บลจ. ชั้นนำอย่าง Kasikornbank (KBank), SCB Asset Management, BBL Asset Management มีกองทุนหุ้นปันผลหรือตราสารหนี้ที่จ่ายรายเดือนหรือไตรมาส
- แพลตฟอร์มการลงทุนอย่าง Dime: จากธนาคารเกียรตินาคินภัทร ให้เข้าถึง ETF ต่างประเทศที่จ่ายถี่กว่า ช่วยกระจายพอร์ตสู่สินทรัพย์นอกประเทศ
การลงทุนผ่าน ETF หรือกองทุนช่วยกระจายความเสี่ยงอัตโนมัติและมีผู้จัดการดูแล เหมาะกับคนไม่มีเวลาติดตามตลาด
ข้อควรระวังด้านภาษีสำหรับนักลงทุน “หุ้นปันผลรายเดือน” ในไทย
เรื่องภาษีเป็นส่วนที่นักลงทุนไทยต้องเข้าใจดี โดยเฉพาะกับหุ้นปันผลรายเดือนที่อาจกระทบผลตอบแทนสุทธิ
ในไทย เงินปันผลจากบริษัทจดทะเบียนใน SET จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ตามกฎกรมสรรพากร เว็บไซต์กรมสรรพากร โดยบริษัทหรือนายหน้าจะจัดการหักก่อนเงินเข้าบัญชี
การคำนวณภาษีและการยื่นรวมกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10%: หักอัตโนมัติจากเงินปันผลที่ได้รับ
- การยื่นรวมหรือไม่รวม: เลือกได้ว่าจะรวมกับรายได้อื่นเพื่อคำนวณภาษีสิ้นปี หรือปล่อยเป็นภาษีสุดท้าย (Final Tax)
- ขอเครดิตภาษีเงินปันผล: ถ้ายื่นรวม สามารถนำภาษี 10% ที่หักไปหักจากภาษีรวมได้ ขึ้นกับอัตราภาษีบุคคลของคุณ ถ้าอัตราภาษีคุณสูงกว่า 10% การยื่นรวมอาจคุ้ม แต่ถ้าต่ำกว่าหรือไม่เสียภาษี การไม่รวมดีกว่า
ข้อแนะนำสำหรับนักลงทุน
- เก็บเอกสาร: รักษาใบ 50 ทวิ จากโบรกเกอร์หรือบริษัทหลักทรัพย์ สำหรับยื่นภาษี
- วางแผนภาษี: สำหรับรายได้สูง ควรเข้าใจและวางแผนดี เพราะกระทบภาษีรวม การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญช่วยตัดสินใจถูกต้อง
สร้างพอร์ตรายได้ประจำ: กลยุทธ์ลงทุน “หุ้นปันผลรายเดือน” อย่างยั่งยืน
การสร้างพอร์ตหุ้นปันผลรายเดือนที่ยั่งยืนไม่ใช่แค่เลือกหุ้นอัตราปันผลสูง แต่ต้องใช้กลยุทธ์ครอบคลุม เพื่อให้รายได้มั่นคงและเติบโต
- การกระจายความเสี่ยง (Diversification):
- กระจายในหลายบริษัท: อย่าพึ่งพาหุ้นไม่กี่ตัว ลงทุนหลายแห่งหลายอุตสาหกรรม เพื่อให้ถ้าตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา ยังมีรายได้จากอื่นทดแทน
- กระจายประเภทสินทรัพย์: รวมหุ้นปันผลรายเดือนกับ ETF, REITs หรือ Infrastructure Funds ที่จ่ายบ่อย เพื่อพอร์ตหลากหลายและลดความผันผวน
- กลยุทธ์การลงทุนซ้ำ (Dividend Reinvestment Plan – DRIP):
ถ้าไม่ใช้เงินทันที นำปันผลไปซื้อหุ้นเพิ่ม จะช่วยให้พอร์ตโตแบบทบต้น จำนวนหุ้นเพิ่ม ปันผลอนาคตก็มากตาม
- การตั้งเป้าหมายรายได้รายเดือน:
กำหนดว่าต้องการเงินปันผลเท่าไรต่อเดือน แล้วคำนวณย้อนว่าต้องลงทุนเท่าไรและตัวไหน ช่วยให้มีทิศทางชัดเจน
- การตรวจสอบและปรับพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ:
ตลาดเปลี่ยนแปลงเสมอ ควรทบทวนพอร์ตปีละครั้ง ดูว่าหุ้นยังแข็งแกร่งไหม ถ้ามีสัญญาณเสี่ยง ให้ปรับหรือขายเพื่อรักษาความยั่งยืน
- เน้นความยั่งยืนมากกว่าอัตราปันผลสูง:
หลีกเลี่ยงหุ้นปันผลสูงลิ่วที่อาจเสี่ยง ให้เลือกบริษัทพื้นฐานดี กระแสเงินสดแข็ง ประวัติจ่ายสม่ำเสมอ แม้อัตราปันผลไม่สูงสุดแต่ยั่งยืนกว่า
สรุป: เส้นทางสู่การมีกระแสเงินสดจาก “หุ้นปันผลรายเดือน”
หุ้นปันผลรายเดือนเปิดโอกาสสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอและอิสรภาพทางการเงินให้กับนักลงทุนไทย แม้ตัวเลือกโดยตรงในไทยจะจำกัด แต่ด้วยกลยุทธ์เหมาะสม การเข้าใจข้อดีข้อควรระวัง เครื่องมือค้นหา ทางเลือกอย่าง ETF กองทุน และการวางแผนภาษี คุณก็สร้างพอร์ตรายได้ประจำได้จริง
กุญแจสำคัญคือเน้นคุณภาพบริษัท กระจายความเสี่ยง และลงทุนอย่างมีวินัย การเรียนรู้ต่อเนื่องจะช่วยให้นักลงทุนไทยก้าวสู่กระแสเงินสดจากหุ้นปันผลรายเดือนอย่างมั่นคง
1. “หุ้นปันผลรายเดือน” แตกต่างจากหุ้นปันผลทั่วไปอย่างไร?
หุ้นปันผลรายเดือนคือหุ้นที่บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นทุกเดือน ในขณะที่หุ้นปันผลทั่วไปส่วนใหญ่จะจ่ายเป็นรายไตรมาส (ทุก 3 เดือน) หรือรายปี ความแตกต่างหลักคือความถี่ในการได้รับเงินปันผล ซึ่งส่งผลต่อสภาพคล่องและโอกาสในการลงทุนซ้ำ
2. มี “หุ้นปันผลรายเดือนตัวไหนดี” ที่น่าสนใจในตลาดหุ้นไทยบ้าง?
ในตลาดหุ้นไทย หุ้นที่จ่ายปันผลรายเดือนโดยตรงมักเป็นกลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (REITs) หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Funds) เช่น DIF, CPNREIT, WHART ซึ่งมีรายได้ค่าเช่าที่สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลและนโยบายการจ่ายปันผลของแต่ละกองทุนอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
3. นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอะไรบ้างในการเลือก “หุ้นปันผลรายเดือน”?
- ประวัติการจ่ายเงินปันผล: ความสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
- ผลประกอบการและกระแสเงินสดอิสระ: บริษัทต้องมีกำไรและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
- อัตราส่วนการจ่ายเงินปันผล (Payout Ratio): ไม่ควรสูงเกินไป
- แนวโน้มการเติบโต: บริษัทควรมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต
- อัตราเงินปันผลตอบแทน: ควรอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล ไม่สูงลิบลิ่วเกินไป
4. การลงทุนใน “หุ้นปันผลรายเดือน” มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ต้องระวัง?
ความเสี่ยงหลักคือความไม่ยั่งยืนของเงินปันผล หากผลประกอบการบริษัทแย่ลง อาจมีการลดหรือหยุดจ่ายปันผลได้ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้นในตลาด และจำนวนตัวเลือกหุ้นปันผลรายเดือนในตลาดไทยที่มีจำกัด
5. “หุ้นปันผลรายเดือน Dime” คืออะไร และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
“Dime” เป็นแพลตฟอร์มการลงทุนจากธนาคารเกียรตินาคินภัทร ซึ่งนำเสนอการลงทุนในหุ้นและ ETF ทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะ ETF ต่างประเทศบางตัวอาจมีนโยบายการจ่ายปันผลที่ถี่กว่าหุ้นไทย ทำให้เป็นอีกทางเลือกในการสร้างกระแสเงินสดข้อดีคือเข้าถึงง่ายและกระจายความเสี่ยงได้ ส่วนข้อเสียคืออาจมีข้อจำกัดด้านตัวเลือกสำหรับหุ้นไทยปันผลรายเดือนโดยตรง
6. การสร้างพอร์ต “หุ้นปันผลรายเดือน” เพื่อกระแสเงินสดที่ยั่งยืนควรทำอย่างไร?
ควรเน้นการกระจายความเสี่ยงโดยลงทุนในหลายบริษัทหรือหลายประเภทสินทรัพย์ (หุ้น, REITs, ETF) นำเงินปันผลไปลงทุนซ้ำเพื่อสร้างผลตอบแทนทบต้น ตั้งเป้าหมายรายได้ที่ชัดเจน และหมั่นตรวจสอบปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าหุ้นที่ถืออยู่ยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
7. ภาษีเงินปันผลสำหรับ “หุ้นปันผลรายเดือน” ในประเทศไทยคำนวณอย่างไร?
เงินปันผลที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% โดยอัตโนมัติ คุณมีสิทธิ์เลือกที่จะไม่นำเงินปันผลนี้ไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตอนสิ้นปี (Final Tax) หรือจะนำไปรวมเพื่อขอเครดิตภาษีเงินปันผลก็ได้ ขึ้นอยู่กับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของคุณ
8. ถ้าอยากได้รายได้ประจำทุกเดือน ควรลงทุนใน “หุ้นปันผลรายเดือน” หรือ ETF/กองทุนปันผลดี?
หากต้องการรายได้ประจำทุกเดือนและยอมรับความเสี่ยงได้ การลงทุนในหุ้นปันผลรายเดือนโดยตรงอาจให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าแต่มีความเสี่ยงเฉพาะตัวสูงกว่า หากต้องการกระจายความเสี่ยงและมีผู้เชี่ยวชาญดูแล กองทุนรวมหรือ ETF ที่มีนโยบายจ่ายปันผลบ่อยครั้งก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่า โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น
9. “เล่นหุ้นปันผลรายเดือน Pantip” มีประเด็นอะไรที่นักลงทุนมักสอบถามกันบ่อยๆ?
ใน Pantip นักลงทุนมักสอบถามเกี่ยวกับรายชื่อหุ้นปันผลรายเดือนที่น่าสนใจ, ข้อดีข้อเสียของการลงทุน, ประสบการณ์จริงจากนักลงทุนคนอื่นๆ, วิธีการคัดเลือกหุ้น, และการเปรียบเทียบระหว่างหุ้นปันผลกับสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อสร้าง Passive Income
10. “หุ้นปันผลรายเดือน” เหมาะกับนักลงทุนประเภทไหน?
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ผู้ที่วางแผนเกษียณอายุ หรือนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการสร้าง Passive Income และสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดหุ้นได้