บทนำ: ทำไมสินทรัพย์สภาพคล่องถึงเป็นหัวใจของการเงินคุณ?
ในยุคที่เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสร้างฐานะทางการเงินที่มั่นคงกลายเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปที่อยากมีชีวิตมั่นคง หรือเจ้าของกิจการขนาดย่อมที่วาดหวังการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สินทรัพย์สภาพคล่องยืนเป็นจุดศูนย์กลางที่ช่วยให้คุณไปถึงจุดหมายเหล่านั้นได้ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนไม่หยุดนิ่ง การทำความเข้าใจและจัดการสินทรัพย์เหล่านี้อย่างชาญฉลาด จะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง จับจังหวะลงทุนใหม่ๆ และรักษาความสมดุลทางการเงินไว้ได้อย่างยั่งยืน บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกมุมมองของสินทรัพย์สภาพคล่อง พร้อมเคล็ดลับการนำไปใช้จริงที่เหมาะกับวิถีชีวิตคนไทย

สินทรัพย์สภาพคล่องคืออะไร? ทำความเข้าใจพื้นฐานที่ทุกคนต้องรู้
เมื่อพูดถึงการจัดการเงิน การเริ่มต้นจากหลักการพื้นฐานอย่างสินทรัพย์สภาพคล่องนั้นสำคัญมาก เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณดูแลการเงินในชีวิตประจำวันและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำจำกัดความและแนวคิดของสภาพคล่อง
สินทรัพย์สภาพคล่องหมายถึงทรัพย์สินที่คุณสามารถแปลงเป็นเงินสดได้ในเวลาอันสั้นและไม่ยุ่งยาก โดยที่มูลค่าจะไม่ลดลงมากนัก ส่วนคำว่าสภาพคล่องเองก็บ่งบอกถึงความคล่องตัวในการเปลี่ยนสินทรัพย์เหล่านั้นให้กลายเป็นเงิน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการจัดการความต้องการทางการเงินระยะสั้นหรือสถานการณ์เร่งด่วน อย่างเช่น เงินสดที่ถืออยู่หรือเงินในบัญชีธนาคาร ถือเป็นตัวอย่างของสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงสุด เพราะใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอรอ ในทางตรงกันข้าม สินทรัพย์อย่างอสังหาริมทรัพย์อาจมีมูลค่าสูง แต่สภาพคล่องต่ำ เนื่องจากต้องใช้เวลานานกว่าจะขายได้ และบางครั้งอาจต้องยอมลดราคาเพื่อให้ได้เงินเร็ว
คุณสมบัติสำคัญของสินทรัพย์สภาพคล่องสูง
สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องดีมักโดดเด่นด้วยลักษณะหลักสามประการที่ทำให้มันน่าเชื่อถือ:
- แปลงเป็นเงินได้ไว: คุณสามารถเปลี่ยนมันเป็นเงินสดได้ภายในเวลาสั้นๆ อย่างเช่นภายในวันเดียวหรือไม่กี่วันทำการเท่านั้น
- มูลค่าคงที่: การขายหรือถอนไม่ทำให้คุณสูญเสียมูลค่ามากนัก เพราะได้ราคาที่ใกล้เคียงกับมูลค่าจริงเสมอ
- มีตลาดรองรับที่แข็งแกร่ง: มีสถานที่ซื้อขายที่เปิดกว้างและผู้สนใจจำนวนมาก ทำให้กระบวนการดำเนินไปอย่างลื่นไหล เช่น ตลาดตราสารหนี้ระยะสั้นหรือตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
โดยรวมแล้ว สินทรัพย์เหล่านี้เน้นความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนที่ไม่หวือหวา แต่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการเข้าถึงเงินทุนได้ทันท่วงทีมากกว่า
เปิดลิสต์สินทรัพย์สภาพคล่องสูง: ตัวอย่างที่พบบ่อยในชีวิตประจำวันและการลงทุนของคนไทย
การทำความรู้จักกับประเภทต่างๆ ของสินทรัพย์สภาพคล่องจะช่วยให้คนไทยวางแผนการเงินได้ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเพื่อค่าใช้จ่ายประจำหรือการเตรียมตัวสำหรับโอกาสลงทุนในอนาคต

กลุ่มเงินสดและเงินฝากธนาคาร: รากฐานของสภาพคล่อง
- เงินสดที่ถือติดตัว: นับเป็นรูปแบบที่มีสภาพคล่องสูงสุด แต่การเก็บเงินสดจำนวนมากอาจเสี่ยงต่อปัญหาความปลอดภัย ดังนั้นควรพิจารณาเก็บในที่ปลอดภัยหรือย้ายไปยังบัญชีธนาคารแทน
- บัญชีออมทรัพย์: เป็นตัวเลือกพื้นฐานที่ธนาคารในไทยหลายแห่งนำเสนอ เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (Krungsri) และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (GHBank) คุณสามารถถอนเงินได้ทุกเมื่อพร้อมรับดอกเบี้ยที่แตกต่างกันตามเงื่อนไขและโปรโมชันของแต่ละแห่ง ซึ่งช่วยให้เงินของคุณเติบโตเล็กน้อยในขณะที่ยังคงใช้งานได้ง่าย
- บัญชีกระแส: แม้จะให้ดอกเบี้ยต่ำหรือไม่มีเลย แต่ก็เหมาะสำหรับการหมุนเวียนเงินในชีวิตประจำวัน เช่น จ่ายบิลหรือรับเงินโอน ทำให้คุณเข้าถึงเงินได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ยุ่งยาก
สถาบันการเงินเหล่านี้เป็นเสาหลักที่คนไทยพึ่งพาในการดูแลสภาพคล่องส่วนตัว โดยเฉพาะในยุคที่ธุรกรรมออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติ
ตราสารตลาดเงินและกองทุนรวม: ตัวเลือกสภาพคล่องสำหรับนักลงทุน
หากคุณอยากได้ผลตอบแทนที่มากกว่าบัญชีออมทรัพย์นิดหน่อย แต่ยังอยากรักษาความคล่องตัวไว้ ตราสารตลาดเงินและกองทุนรวมคือทางออกที่ลงตัว โดยเฉพาะสำหรับคนไทยที่กำลังมองหาการพักเงินชั่วคราว
- พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและตั๋วเงินคลัง: สินทรัพย์ที่รัฐบาลออก มีความเสี่ยงต่ำสุดและขายได้ง่าย อายุการลงทุนมักไม่เกินหนึ่งปี ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจ
- กองทุนรวมตลาดเงิน: ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีระยะสั้น มีความผันผวนน้อยและซื้อขายได้ทุกวัน เหมาะสำหรับเก็บเงินสำรองฉุกเฉินหรือรอจังหวะลงทุนใหญ่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความสูญเสีย
- กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น: คล้ายกับกองทุนตลาดเงินแต่ลงทุนหลากหลายกว่า อาจให้ผลตอบแทนดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่เพิ่มตามไปด้วย สิ่งเหล่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือสำหรับนักลงทุนไทย
การเลือกตัวเลือกเหล่านี้สามารถช่วยให้พอร์ตการเงินของคุณสมดุลระหว่างความปลอดภัยและการเติบโตได้ดี
สินทรัพย์ดิจิทัลและ E-wallet: สภาพคล่องยุคใหม่ในสังคมไร้เงินสดของไทย
ด้วยการก้าวหน้าของเทคโนโลยี สภาพคล่องในปัจจุบันขยายตัวไปไกลกว่าเงินสดและบัญชีธนาคารแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะในสังคมไทยที่กำลังมุ่งสู่ cashless society
- E-wallet และพร้อมเพย์: เครื่องมือชำระเงินดิจิทัลอย่าง TrueMoney Wallet, Rabbit LINE Pay และระบบ PromptPay ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานแห่งชาติสำหรับการโอนและจ่ายเงิน ได้เปลี่ยนวิธีที่เราจัดการธุรกรรมให้รวดเร็วและสะดวก เหมือนกับการมีเงินสดติดตัวเสมอ ทำให้กลายเป็นส่วนสำคัญของสภาพคล่องในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ชินกับการใช้แอป
- สกุลเงินดิจิทัล: อย่าง Bitcoin หรือ Ethereum ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในไทย แต่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ยังคงมองด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากราคาผันผวนสูง สภาพคล่องในแง่ค่ามูลค่าอาจไม่แน่นอน และการแปลงเป็นเงินบาทต้องผ่านขั้นตอนซับซ้อนพร้อมค่าธรรมเนียม ดังนั้น มันจึงยังไม่เหมาะสำหรับการวางแผนการเงินที่เน้นความมั่นคงในระยะยาว
แม้จะน่าตื่นเต้น แต่การนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ควรพิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อแผนการเงินโดยรวม
ทำไมการมีสินทรัพย์สภาพคล่องเพียงพอจึงสำคัญต่อการเงินของคุณ?
การสะสมสินทรัพย์สภาพคล่องให้เพียงพอนั้นไม่ใช่แค่การเก็บเงิน แต่เป็นการสร้างเกราะป้องกันที่ช่วยให้การเงินของคุณยั่งยืนในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อชีวิตและเศรษฐกิจเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
สร้างความอุ่นใจและรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
เงินสำรองฉุกเฉินที่มาจากสินทรัพย์สภาพคล่องคือเครื่องมือหลักในการปกป้องตัวคุณและครอบครัวจากค่าใช้จ่ายกะทันหัน เช่น ค่ารักษาพยาบาลด่วน การซ่อมรถที่คาดไม่ถึง หรือแม้กระทั่งการสูญเสียรายได้ชั่วคราว โดยไม่ต้องพึ่งพาการกู้ยืมที่อาจเพิ่มภาระ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยลดความเครียด แต่ยังสร้างความมั่นใจให้คุณเผชิญหน้ากับวิกฤตเศรษฐกิจได้อย่างสงบ
คว้าโอกาสในการลงทุนและบริหารจัดการหนี้
เมื่อมีสภาพคล่องที่ยืดหยุ่น คุณจะสามารถฉวยโอกาสลงทุนที่ผุดขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัวได้ เช่น ซื้อสินทรัพย์ราคาตกในช่วงตลาดซบเซาหรือเริ่มต้นธุรกิจใหม่โดยไม่ต้องกู้เงินดอกเบี้ยแพง นอกจากนี้ กระแสเงินสดที่ไหลเวียนดียังช่วยให้คุณเคลียร์หนี้ดอกเบี้ยสูงได้ตรงเวลา หรือชำระล่วงหน้าเพื่อลดต้นทุน ซึ่งในที่สุดก็เสริมสร้างสุขภาพการเงินโดยรวมให้แข็งแรงขึ้น
สำหรับธุรกิจ: การรักษาสภาพคล่องเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ในมุมของธุรกิจ โดยเฉพาะ SME ในไทย การดูแลสภาพคล่องให้ดีคือกุญแจสู่ความอยู่รอดและการขยายตัว สภาพคล่องที่มั่นคงช่วยให้กิจการ:
- จัดการค่าใช้จ่ายประจำ: มีทุนหมุนเวียนพอสำหรับจ่ายเงินเดือน ซื้อวัตถุดิบ และค่า运营อื่นๆ โดยไม่สะดุด
- ชำระหนี้สั้น: สามารถเคลียร์เจ้าหนี้หรือหนี้ระยะสั้นได้ตรงนัด เพื่อรักษาชื่อเสียงและความสัมพันธ์ทางธุรกิจ
- รับมือความผันผวน: เก็บเงินสำรองไว้สำหรับช่วงยอดขายตกหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่กระทบกระแสเงินสด เช่น การระบาดหรือปัญหาซัพพลายเชน
ด้วยการบริหารที่ชาญฉลาด สภาพคล่องจะกลายเป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความท้าทายของตลาดไทย
การบริหารสินทรัพย์สภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพในบริบทของคนไทย
การจัดการสินทรัพย์สภาพคล่องควรปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และสภาพเศรษฐกิจของไทย เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและเหมาะสมกับความเป็นจริง
กำหนดเป้าหมายเงินสำรองฉุกเฉินที่เหมาะสมสำหรับคนไทย
นักวางแผนการเงินส่วนใหญ่มักชี้แนะให้เตรียมเงินสำรองฉุกเฉินไว้ 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายปกติ แต่สำหรับคนไทย ควรคำนึงถึงค่าครองชีพในแต่ละพื้นที่และรูปแบบชีวิตด้วย หากคุณมีหนี้เยอะหรืออาชีพที่ไม่แน่นอน อาจต้องเพิ่มเป็น 6-12 เดือนเพื่อความสบายใจ การเริ่มจากยอดเล็กๆ แล้วค่อยสะสมทีละน้อยคือกลยุทธ์ที่ทำตามได้จริง โดยเฉพาะในยุคที่รายได้ผันผวนจากปัจจัยภายนอกอย่างการท่องเที่ยวหรืออุตสาหกรรมส่งออก
เลือกผลิตภัณฑ์สภาพคล่องจากธนาคารไทยให้ตรงใจ
ธนาคารในไทยมีตัวเลือกหลากหลายที่ช่วยรักษาสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
- บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง: ธนาคารอย่าง SCB หรือ Krungsri มักมีบัญชีพิเศษที่ให้ดอกเบี้ยดีกว่าปกติ เหมาะสำหรับเก็บเงินสำรองที่ต้องการทั้งความคล่องตัวและผลตอบแทนเพิ่มเติม โดยไม่ต้องล็อกเงินนาน
- กองทุนรวมตลาดเงิน: ทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนเหนือเงินฝากออมทรัพย์นิดๆ แต่ยังซื้อขายได้ทุกวันผ่านแอปธนาคารหรือโบรกเกอร์ ช่วยให้คุณจัดการเงินได้สะดวกในชีวิตดิจิทัล
การเปรียบเทียบตัวเลือกจากธนาคารต่างๆ จะช่วยให้คุณหาสิ่งที่ตรงกับเป้าหมายส่วนตัวได้ดีที่สุด โดยพิจารณาทั้งดอกเบี้ย ความเสี่ยง และความสะดวกในการใช้งาน
ความเสี่ยงและข้อควรระวังเกี่ยวกับสินทรัพย์สภาพคล่อง
ถึงแม้สินทรัพย์สภาพคล่องจะเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่ต้องระวัง เพื่อไม่ให้กลายเป็นจุดอ่อนในการวางแผน
ความเสี่ยงสภาพคล่อง (Liquidity Risk)
ความเสี่ยงนี้เกิดขึ้นเมื่อสินทรัพย์บางอย่างไม่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ตามที่คาดหวัง หรือต้องขายในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าจริงเพื่อให้ได้เงินด่วน ตัวอย่างเช่น หากคุณถือหุ้นบริษัทเล็กที่ตลาดไม่คึกคัก การขายอาจลำบากและขาดทุนหนัก การตระหนักถึงเรื่องนี้จะช่วยให้คุณเลือกสินทรัพย์ที่ตรงกับความต้องการด้านสภาพคล่อง โดยหลีกเลี่ยงตัวที่เสี่ยงเกินไป
ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนต่ำ
หากเก็บสินทรัพย์สภาพคล่องอย่างเงินสดหรือเงินฝากไว้นานเกินไป มูลค่าจริงของเงินอาจลดลงเพราะเงินเฟ้อที่สูงกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับ ส่งผลให้กำลังซื้อของคุณอ่อนแอลงตามเวลา ดังนั้น การหาสมดุลระหว่างการมีสภาพคล่องพอใช้ กับการย้ายเงินบางส่วนไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเหนือเงินเฟ้อในระยะยาว จึงเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดสำหรับการเงินที่ยั่งยืน
สรุป: สร้างรากฐานการเงินที่แข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์สภาพคล่อง
สินทรัพย์สภาพคล่องเปรียบเสมือนฐานรากที่ค้ำยันโครงสร้างทางการเงินของคุณให้มั่นคงและปรับตัวได้ การเข้าใจนิยาม คุณสมบัติ ประเภท และบทบาทของมัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ของไทย จะช่วยให้คุณจัดการการเงินส่วนตัวหรือธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเงินสำรองฉุกเฉิน เลือกผลิตภัณฑ์จากธนาคารไทย หรือประเมินความเสี่ยง สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงนำมาซึ่งความสงบใจ แต่ยังปูทางสู่การเงินที่แข็งแกร่งในอนาคต
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสินทรัพย์สภาพคล่อง
สินทรัพย์สภาพคล่องสูงสุดคืออะไรในบริบทของประเทศไทย?
ในประเทศไทย สินทรัพย์สภาพคล่องสูงสุดคือ เงินสดในมือ และ เงินฝากออมทรัพย์ในธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (Krungsri) เนื่องจากสามารถถอนหรือโอนเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อใช้จ่ายได้ทันทีโดยไม่เสียมูลค่า
ควรมีสินทรัพย์สภาพคล่องเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอสำหรับคนไทย?
โดยทั่วไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้มีเงินสำรองฉุกเฉินในรูปของสินทรัพย์สภาพคล่องสูงอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน แต่สำหรับคนไทยที่มีภาระหนี้สินสูง หรือมีอาชีพที่ไม่แน่นอน อาจพิจารณาสำรองไว้ 6-12 เดือนเพื่อความมั่นคงที่มากขึ้น
การบริหารสภาพคล่องส่วนบุคคลที่คนไทยควรรู้มีอะไรบ้าง?
คนไทยควรเริ่มต้นจากการประเมินค่าใช้จ่ายรายเดือน กำหนดเป้าหมายเงินสำรองฉุกเฉิน และเลือกฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง หรือกองทุนรวมตลาดเงิน นอกจากนี้ ควรพิจารณาใช้แอปพลิเคชันธนาคารและ E-wallet เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการเงินในชีวิตประจำวัน
ความเสี่ยงสภาพคล่องส่งผลกระทบต่อการเงินอย่างไรและวิธีป้องกัน?
ความเสี่ยงสภาพคล่องอาจทำให้คุณไม่สามารถนำเงินมาใช้ได้ทันเมื่อจำเป็น หรือต้องขายสินทรัพย์ในราคาที่ขาดทุน เพื่อป้องกัน ให้กระจายสินทรัพย์สภาพคล่องไปยังหลายประเภท และหลีกเลี่ยงการนำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำเกินไป
สินทรัพย์ดิจิทัลจัดเป็นสินทรัพย์สภาพคล่องหรือไม่ในมุมมองของไทย?
ในมุมมองของไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) สกุลเงินดิจิทัลยังไม่จัดเป็นสินทรัพย์สภาพคล่องสูงในความหมายของการวางแผนการเงินเพื่อความมั่นคง เนื่องจากมีความผันผวนของราคาสูงและมีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบในการใช้งานเป็นสื่อกลางการชำระเงินทั่วไป
อัตราส่วนสภาพคล่องที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจ SME ในไทยคือเท่าไหร่?
สำหรับธุรกิจ SME ในไทย อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเวียน (Current Ratio) ที่เหมาะสมมักอยู่ในช่วง 1.5 – 2.0 เท่า ซึ่งหมายความว่ามีสินทรัพย์หมุนเวียนมากกว่าหนี้สินหมุนเวียน 1.5 – 2 เท่า อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปตามประเภทอุตสาหกรรมและรูปแบบธุรกิจ
มีแหล่งข้อมูลหรือเครื่องมือใดบ้างที่ช่วยประเมินสภาพคล่องทางการเงินในไทย?
คุณสามารถใช้แอปพลิเคชันของธนาคารพาณิชย์ในไทยเพื่อติดตามกระแสเงินสดและยอดเงินคงเหลือ นอกจากนี้ เว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ยังมีข้อมูลและบทความที่เป็นประโยชน์สำหรับการประเมินและวางแผนสภาพคล่องทางการเงิน
สินทรัพย์สภาพคล่องต่ำหมายถึงอะไร และมีตัวอย่างในไทยอย่างไร?
สินทรัพย์สภาพคล่องต่ำคือทรัพย์สินที่ใช้เวลานานและ/หรือมีค่าใช้จ่ายสูงในการเปลี่ยนเป็นเงินสด โดยอาจต้องยอมขายในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ตัวอย่างในไทยได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม และ หุ้นที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่อง ในตลาดหลักทรัพย์
การถือสินทรัพย์สภาพคล่องจำนวนมากในธนาคารไทยมีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
ข้อดี: มีความปลอดภัยสูง เข้าถึงเงินได้ง่าย รวดเร็ว และสร้างความอุ่นใจเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ข้อเสีย: อาจได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ ทำให้มูลค่าเงินลดลงในระยะยาว และเสียโอกาสในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
PromptPay หรือ E-wallet ถือเป็นสินทรัพย์สภาพคล่องหรือไม่?
ใช่ PromptPay หรือยอดเงินใน E-wallet (เช่น TrueMoney Wallet) ถือเป็นสินทรัพย์สภาพคล่องสูงอย่างยิ่งในบริบทของประเทศไทย เนื่องจากสามารถใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ โอนเงิน หรือถอนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน