เงินเฟ้อ ทองขึ้นหรือลง? เจาะลึกความสัมพันธ์และกลยุทธ์ลงทุนทองคำในไทย
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทั้งระดับโลกและในประเทศกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนมากมาย คำว่าเงินเฟ้อจึงกลายเป็นหัวข้อที่ทุกคน โดยเฉพาะนักลงทุนและคนทั่วไป ต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่ง คำถามที่พบบ่อยที่สุดคือ เงินเฟ้อจะส่งผลต่อราคาทองคำอย่างไร และเมื่อเงินเฟ้อพุ่งสูง ราคาทองจะปรับตัวขึ้นหรือลงกันแน่ บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจความเชื่อมโยงที่ซับซ้อนระหว่างเงินเฟ้อกับราคาทองคำ พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อราคาทอง และเสนอแนะกลยุทธ์การลงทุนทองคำที่เหมาะสำหรับนักลงทุนในไทย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีสติและมองเห็นโอกาสในสถานการณ์ปัจจุบันรวมถึงอนาคต

ทำความเข้าใจ “เงินเฟ้อ” คืออะไร และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร
เพื่อให้เข้าใจความเชื่อมโยงกับทองคำได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาเริ่มต้นด้วยการทบทวนพื้นฐานของเงินเฟ้อกันก่อน
เงินเฟ้อคืออะไร? คำจำกัดความและประเภท
เงินเฟ้อหมายถึงสถานการณ์ที่ราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อำนาจซื้อของเงินลดลง หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เงินในกระเป๋าเดิมๆ ซื้อของได้น้อยลงเรื่อยๆ เช่น สมัยก่อน 100 บาท อาจซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งได้สองจาน แต่เดี๋ยวนี้เหลือแค่จานเดียวเท่านั้น
เงินเฟ้อสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ได้หลายแบบ เช่น
- เงินเฟ้อจากอุปสงค์ดึง: เกิดเมื่อความต้องการสินค้าและบริการมีมากกว่าปริมาณที่ผลิตได้ ทำให้ผู้ขายขึ้นราคาได้ง่าย เช่น ในช่วงเศรษฐกิจบูม คนมีรายได้เพิ่มและใช้จ่ายมากขึ้น
- เงินเฟ้อจากต้นทุนผลัก: มาจากต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูง เช่น ราคาน้ำมันหรือวัตถุดิบนำเข้าที่แพงขึ้น หรือค่าแรงที่เพิ่ม ผู้ผลิตจึงต้องปรับราคาขายเพื่อรักษากำไร
- เงินเฟ้อจากโครงสร้าง: เกิดจากปัญหาเชิงระบบ เช่น การผูกขาดตลาด การขาดแคลนแรงงาน หรือกฎเกณฑ์ที่ไม่ส่งเสริมการแข่งขัน ส่งผลให้ราคาสูงโดยไม่เกี่ยวกับอุปสงค์หรืออุปทานโดยตรง

ผลกระทบของเงินเฟ้อต่อกำลังซื้อและสินทรัพย์
เมื่อเงินเฟ้อเกิดขึ้น อำนาจซื้อของเงินจะค่อยๆ ลดลง ส่งผลกระทบตรงๆ ต่อค่าครองชีพของคนทั่วไป ที่ต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อของเดิมๆ ส่วนเงินออมที่เก็บไว้ก็เสื่อมค่าลงตาม
สำหรับสินทรัพย์ต่างๆ เงินเฟ้อจะมีผลต่างกันไป เช่น
- เงินสดและเงินฝาก: ได้รับผลกระทบหนักสุด เพราะมูลค่าลดลงตรงๆ
- พันธบัตร: ถ้าดอกเบี้ยจริงติดลบ คือดอกเบี้ยที่ได้น้อยกว่าเงินเฟ้อ ผลตอบแทนจริงๆ ก็จะหายไป
- หุ้น: บางบริษัทที่ขึ้นราคาสินค้าได้ดีอาจได้ประโยชน์ แต่ถ้าเงินเฟ้อรุนแรงเกินไป กำไรบริษัทและมูลค่าหุ้นอาจได้รับผลเสีย
- อสังหาริมทรัพย์: มักถูกมองว่าเป็นเกราะป้องกันเงินเฟ้อได้บ้าง เพราะมูลค่าปรับขึ้นตามเงินเฟ้อ แต่ยังขึ้นกับทำเลและดอกเบี้ยสินเชื่อด้วย
ความสัมพันธ์ซับซ้อน: เงินเฟ้อทำให้ทองขึ้นหรือลงกันแน่?
ความเชื่อมโยงระหว่างเงินเฟ้อกับราคาทองคำไม่ได้เรียบง่ายแบบที่ว่าเงินเฟ้อขึ้นแล้วทองขึ้นตามเสมอ เพราะมีกลไกและปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องหลายอย่าง

ทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง
มานานแล้ว ทองคำถูกยอมรับว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนหันไปพึ่งพาในช่วงเศรษฐกิจปั่นป่วน วิกฤตการเงิน หรือเงินเฟ้อสูง นักลงทุนมองว่าทองคำช่วยรักษามูลค่าและอำนาจซื้อได้ดีกว่าเงินสดหรือสินทรัพย์อื่นๆ ที่อาจถูกเงินเฟ้อหรือความผันผวนกัดกิน นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ความต้องการทองคำพุ่งขึ้นเมื่อเกิดความกลัวเงินเฟ้อหรือความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ
กลไกที่เงินเฟ้ออาจหนุนราคาทองคำให้สูงขึ้น
เมื่อเงินเฟ้อเพิ่มสูง มีหลายช่องทางที่ช่วยดันราคาทองคำให้ขึ้นได้ เช่น
- ค่าเงินที่ลดลง: เงินเฟ้อทำให้สกุลเงินต่างๆ โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐที่เป็นหลักในการค้าทองคำ อ่อนค่าลง ถ้าดอลลาร์อ่อน นักลงทุนจากประเทศอื่นซื้อทองได้ถูกกว่า ความต้องการจึงเพิ่มและราคาก็ขยับขึ้น
- ดอกเบี้ยจริงติดลบ: คือดอกเบี้ยที่ได้หลังหักเงินเฟ้อ ถ้าเงินเฟ้อสูงกว่าดอกเบี้ยจากฝากเงินหรือพันธบัตร ผลตอบแทนจริงๆ ก็ติดลบ ทำให้ทองคำที่ไม่มีดอกเบี้ยแต่รักษามูลค่าได้ ดูน่าสนใจกว่า นักลงทุนจึงย้ายเงินจากสินทรัพย์ผลตอบแทนต่ำมาที่ทอง
- ความกังวลเศรษฐกิจ: ถ้าเงินเฟ้อควบคุมยาก อาจก่อให้เกิดความไม่มั่นใจในระบบเศรษฐกิจ นักลงทุนจึงมองหาที่หลบภัย และทองคำคือตัวเลือกแรกที่เชื่อถือได้
สถานการณ์ที่เงินเฟ้ออาจไม่หนุนทองคำ หรือทำให้ราคาทองลดลง
แต่ก็ไม่ใช่ว่าทองจะขึ้นทุกครั้งที่มีเงินเฟ้อ บางสถานการณ์อาจทำให้ราคาไม่ขยับหรือตกต่ำได้ เช่น
- ธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ยแรง: ถ้าธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะเฟดสหรัฐหรือธนาคารแห่งประเทศไทย ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ สินทรัพย์อย่างพันธบัตรที่ให้ดอกเบี้ยสูงขึ้นและเสี่ยงต่ำจะดึงดูดเงินมากกว่า ทองที่ไม่มีดอกเบี้ยจึงเสียเปรียบ
- ดอลลาร์แข็งค่า: แม้เงินเฟ้อจะสูง แต่ถ้าดอลลาร์แข็ง ทองที่ราคาเป็นดอลลาร์จะแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อสกุลเงินอื่น ส่งผลกดราคา
- ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฟื้น: ถ้าตลาดมั่นใจว่าธนาคารกลางควบคุมเงินเฟ้อได้และเศรษฐกิจกำลังดีขึ้น นักลงทุนอาจหันไปสินทรัพย์เสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนดีอย่างหุ้น ทำให้ราคาทองลด
- เศรษฐกิจชะลอตัว: ถ้าเงินเฟ้อมาพร้อมภาวะถดถอยหรือ stagflation ความต้องการทองในอุตสาหกรรมหรือเครื่องประดับอาจลดลง
[ภาพ: กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเงินเฟ้อและราคาทองคำในระยะยาว]
ปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ส่งผลต่อราคาทองคำนอกเหนือจากเงินเฟ้อ
ราคาทองคำไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินเฟ้อเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีน้ำหนักมากไม่แพ้กัน
นโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย
นโยบายการเงินจากธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทยและเฟดสหรัฐ มีอิทธิพลใหญ่ต่อราคาทอง การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยส่งผลตรงๆ ต่อต้นทุนการถือทอง ถ้าดอกเบี้ยสูง การถือทองที่ไม่ให้ผลตอบแทนจะดูไม่น่าลงทุน แต่ถ้าดอกเบี้ยต่ำหรือติดลบ ทองกลับกลายเป็นทางเลือกที่น่าดึงดูด
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและค่าเงินบาท
โดยปกติ ราคาทองจะเคลื่อนไหวตรงข้ามกับดอลลาร์สหรัฐ คือ ดอลลาร์แข็งราคาทองลง ดอลลาร์อ่อนราคาทองขึ้น เพราะทองกำหนดราคาเป็นดอลลาร์
สำหรับนักลงทุนไทย ค่าเงินบาทสำคัญมาก เพราะราคาทองในไทยมาจากราคาโลก (ดอลลาร์ต่อออนซ์) คูณกับอัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์ ดังนั้น
- ถ้าเงินบาทอ่อน แม้ราคาทองโลกลงเล็กน้อย ราคาในไทยก็อาจขึ้นได้ เพราะต้องใช้บาทมากขึ้นซื้อดอลลาร์เท่าเดิม นี่คือที่มาของคำถามยอดฮิตว่าเงินบาทอ่อน ราคาทองขึ้นหรือลง
- ถ้าเงินบาทแข็ง ราคาทองไทยอาจลด แม้ราคาโลกราคาเดิม
ข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้ให้เห็นถึงความผันผวนของเงินบาทที่กระทบเศรษฐกิจและการลงทุน
อุปสงค์และอุปทานของทองคำในตลาดโลก
เหมือนสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ราคาทองขึ้นกับอุปสงค์และอุปทาน
- อุปสงค์: มาจากเครื่องประดับ (ส่วนใหญ่) อุตสาหกรรม (อิเล็กทรอนิกส์ ทันตกรรม) และการลงทุน (แท่งทอง เหรียญ ETF) รวมถึงธนาคารกลางที่ซื้อสะสม
- อุปทาน: จากเหมืองใหม่และรีไซเคิลทองเก่า เช่น เครื่องประดับที่ไม่ใช้
ถ้าอุปสงค์มากกว่าอุปทาน ราคาก็มีแนวโน้มขึ้น และตรงกันข้าม
สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และวิกฤตเศรษฐกิจโลก
ความตึงเครียดระหว่างประเทศ เช่น สงคราม การค้าขัดแย้ง หรือวิกฤตใหญ่ๆ อย่างโรคระบาด ทำให้เกิดความกังวล นักลงทุนจึงหันไปสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อรักษามูลค่า ทองจึงได้รับความนิยมและราคาขึ้นในช่วงนั้น
กลยุทธ์การลงทุนทองคำในภาวะเงินเฟ้อสำหรับนักลงทุนไทย
สำหรับนักลงทุนในไทย การลงทุนทองในช่วงเงินเฟ้อสูง ต้องเลือกกลยุทธ์และช่องทางที่เหมาะสมกับสภาพตลาดในประเทศ
ทำความเข้าใจประเภทของทองคำที่ลงทุนได้ในไทย
ในไทย ทองคำที่นิยมลงทุนแบ่งหลักๆ เป็นสองแบบ
- ทองคำแท่ง: ทองบริสุทธิ์ 96.5% หรือ 99.99% น้ำหนักมาตรฐาน เช่น 1 บาท 5 บาท 10 บาท หรือ 1 กิโล ค่ากำเหน็จต่ำ ส่วนต่างซื้อขายน้อย เหมาะเก็งกำไรจากราคา
- ทองรูปพรรณ: ทองแปรรูปเป็นเครื่องประดับ บริสุทธิ์ 96.5% ค่ากำเหน็จสูง ส่วนต่างกว้างเพราะค่าดีไซน์และค่าแรง เหมาะสวมใส่หรือสะสมมากกว่าเก็งกำไรระยะสั้น
ช่องทางการลงทุนทองคำในประเทศไทย
นักลงทุนไทยมีทางเลือกหลากหลายในการลงทุนทองคำ
- ร้านทอง: ง่ายและคุ้นเคย ซื้อทองแท่งหรือรูปพรรณจากร้านดังอย่างฮั่วเซ่งเฮงหรือออโรร่า เหมาะคนอยากถือทองจริง
- แพลตฟอร์มออนไลน์: หลายร้านมีบริการซื้อขายทองออนไลน์ 24 ชม. ไม่ต้องถือทองจริง สะดวกและปลอดภัยจากการเก็บรักษา
- กองทุนทองคำ: ลงทุนทางอ้อมผ่านกองทุนรวมที่โฟกัสทอง เช่น กองทุนลงทุนทองแท่ง ETF ต่างประเทศ หรือหุ้นเหมืองทอง ช่วยกระจายความเสี่ยงและมีผู้จัดการดูแล
- ทองคำใน TFEX: สำหรับคนรับความเสี่ยงสูง เก็งกำไรระยะสั้นผ่าน Gold Futures หรือ Gold Online Futures บนตลาดอนาคตไทย
- การออมทอง: บริการจากร้านทองหรือผู้ให้บริการ ออมเงินรายวันหรือรายเดือน สะสมจนครบแล้วถอนทองจริง เหมาะคนอยากลงทุนทีละน้อย สร้างวินัย
[ตาราง: เปรียบเทียบช่องทางการลงทุนทองคำในไทย]
ช่องทางการลงทุน | ลักษณะเด่น | ข้อดี | ข้อควรพิจารณา |
---|---|---|---|
ร้านทอง (ซื้อทองจริง) | ได้ถือครองทองคำจริง | มีความเชื่อมั่น, ขายได้ทันที | ความเสี่ยงจากการเก็บรักษา, ส่วนต่างราคาซื้อขาย |
แพลตฟอร์มออนไลน์ | ซื้อขายง่าย, 24 ชม. | ไม่ต้องเก็บทองเอง, สภาพคล่องสูง | ต้องเลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ, อาจมีค่าธรรมเนียม |
กองทุนทองคำ | ผู้จัดการกองทุนดูแล | กระจายความเสี่ยง, ไม่ต้องมีความรู้มาก | มีค่าธรรมเนียม, ไม่ได้ถือทองคำจริง |
TFEX (Gold Futures) | เก็งกำไรระยะสั้น, ใช้เงินลงทุนน้อย | ผลตอบแทนสูงหากคาดการณ์ถูก | ความเสี่ยงสูง, ต้องมีความรู้เฉพาะทาง |
การออมทอง | ทยอยลงทุนได้ | เริ่มต้นด้วยเงินน้อย, สร้างวินัยการออม | ใช้เวลานาน, ต้องระวังเรื่องค่าธรรมเนียม |
ข้อควรพิจารณาและบริหารความเสี่ยง
การลงทุนทองในช่วงเงินเฟ้อก็ยังมีความเสี่ยง นักลงทุนควรคำนึงถึง
- ค่าธรรมเนียม: ไม่ว่าจะซื้อขายแบบจริงหรือออนไลน์ อาจมีค่ากำเหน็จหรือค่าบริการที่ลดผลตอบแทน
- สภาพคล่อง: ทองแท่งขายง่ายกว่าแบบรูปพรรณ แต่ขายจำนวนมากอาจใช้เวลาและกระทบราคา
- ความผันผวนราคา: ราคาทองแกว่งตัวแรงจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น เงินเฟ้อ ดอกเบี้ย ค่าเงิน และเหตุการณ์โลก
- ความเสี่ยงค่าเงิน: สำหรับคนไทย เงินบาทผันผวนกระทบตรงๆ ถ้าเงินบาทแข็ง ราคาทองไทยอาจลงแม้โลกทรงตัว
- การกระจายลงทุน: อย่าทุ่มหมดที่ทอง ควรกระจายไปสินทรัพย์อื่นเพื่อลดความเสี่ยงทั้งพอร์ต
แนวโน้มราคาทองคำในอนาคต (พ.ศ. 2567-2568) และมุมมองสำหรับนักลงทุนไทย
การพยากรณ์ราคาทองในอนาคตเป็นเรื่องยากเพราะขึ้นกับปัจจัยเศรษฐกิจใหญ่และการเมืองโลก แต่เราสามารถวิเคราะห์แนวโน้มจากข้อมูลและมุมมองผู้เชี่ยวชาญได้
สำหรับปี 2567 และ 2568 ราคาทองน่าจะยังได้รับแรงหนุนจากหลายด้าน แต่ก็มีอุปสรรค
- เงินเฟ้อที่ยังสูง: แม้ธนาคารกลางพยายามควบคุม แต่คาดว่ายังเกินเป้าในระยะกลาง ทำให้ทองยังเป็นที่หลบภัยที่น่าเชื่อถือ
- ทิศทางดอกเบี้ย: ถ้าเฟดและธนาคารแห่งประเทศไทยชะลอขึ้นดอกเบี้ยหรือเริ่มลดในช่วงปลายปี 2567 หรือ 2568 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเป็นข่าวดีสำหรับราคาทอง
- ความไม่แน่นอนภูมิรัฐศาสตร์: ความขัดแย้งโลกยังสร้างความกังวล ดันความต้องการทอง
- ค่าเงินดอลลาร์และบาท: ดอลลาร์อาจอ่อนลงถ้าเฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย หนุนราคาทอง ส่วนเงินบาทยังผันผวน กระทบราคาในไทยตรงๆ
- มุมมองนักวิเคราะห์ไทย: ผู้เชี่ยวชาญจาก Krungthai COMPASS หรือ SCB EIC คาดว่าราคาทองโลกอาจแตะ 2,200-2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือราว 36,000-40,000 บาทต่อบาททองในปี 2568 ขึ้นกับค่าเงินบาทและนโยบายการเงิน แต่เป็นเพียงการคาดการณ์ นักลงทุนควรติดตามข่าวจากแหล่งน่าเชื่อถืออย่าง สมาคมค้าทองคำ อย่างใกล้ชิด
[ภาพ: กราฟคาดการณ์ราคาทองคำโลกและในไทยสำหรับปี 2567-2568]
ข้อควรระวัง: การคาดการณ์เหล่านี้เป็นแนวโน้มเท่านั้น ไม่ใช่การรับประกัน นักลงทุนควรพิจารณาข้อมูลรอบด้านและจัดการความเสี่ยงให้ดี
บทสรุป
เงินเฟ้อและทองคำมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ไม่ได้ขึ้นลงตามกันเสมอไป ทองยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีพลังป้องกันเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แต่ปัจจัยอื่นๆ อย่างดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์และบาท รวมถึงสถานการณ์โลก ก็มีบทบาทสำคัญ
สำหรับนักลงทุนไทย การลงทุนทองในช่วงเงินเฟ้อ ควรเริ่มจากเข้าใจประเภททอง ช่องทางในประเทศ และบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ อย่าลืมติดตามเศรษฐกิจไทยและนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อตัดสินใจลงทุนให้ตรงกับเป้าหมายการเงินของคุณ
เงินเฟ้อสูงขึ้นเสมอไปทองคำจะขึ้นตามจริงไหม?
ไม่เสมอไปครับ แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วเงินเฟ้อที่สูงจะหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้ราคาทองคำไม่ขึ้นหรือไม่ขึ้นมากนัก เช่น เมื่อธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หรือเมื่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความน่าสนใจในการถือทองคำลดลง
นักลงทุนไทยควรซื้อทองคำประเภทไหนดีที่สุดในช่วงเงินเฟ้อ?
ในช่วงเงินเฟ้อ นักลงทุนไทยที่เน้นการลงทุนเพื่อเก็งกำไรจากราคาและรักษามูลค่า ควรพิจารณา ทองคำแท่ง เนื่องจากมีส่วนต่างราคาซื้อขายต่ำกว่าและค่ากำเหน็จน้อยกว่าทองรูปพรรณ ส่วนทองรูปพรรณเหมาะสำหรับซื้อเพื่อสวมใส่หรือสะสมมากกว่าการลงทุนระยะสั้น
ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะทำให้ราคาทองในไทยสูงขึ้นจริงหรือ?
เป็นจริงครับ หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง หมายถึงต้องใช้เงินบาทจำนวนมากขึ้นเพื่อแลกกับดอลลาร์สหรัฐในปริมาณเท่าเดิม เมื่อราคาทองคำในตลาดโลก (ที่กำหนดเป็นดอลลาร์สหรัฐ) ยังคงที่หรือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย การที่เงินบาทอ่อนค่าลงจะทำให้ราคาทองคำในประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ
ทองจะขึ้นไปถึงไหนในปี 2568 (พ.ศ. 2568) ตามมุมมองของนักวิเคราะห์ไทย?
นักวิเคราะห์ไทยหลายสำนักคาดการณ์ว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มขาขึ้น โดยอาจเห็นราคาทองคำโลกแตะระดับ 2,200-2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 36,000-40,000 บาทต่อบาททองคำในพ.ศ. 2568 อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก
นอกเหนือจากทองคำ มีสินทรัพย์อะไรอีกบ้างที่นักลงทุนไทยใช้ป้องกันเงินเฟ้อ?
นอกจากทองคำแล้ว สินทรัพย์ที่นักลงทุนไทยนิยมใช้ป้องกันเงินเฟ้อได้แก่:
- อสังหาริมทรัพย์: โดยเฉพาะในทำเลที่ดี มักมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ
- หุ้น: โดยเฉพาะหุ้นของบริษัทที่มีอำนาจในการขึ้นราคาสินค้า (Pricing Power) หรือหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
- กองทุนรวมที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์: เช่น น้ำมัน โลหะมีค่าอื่น ๆ
- สินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภท: เช่น Bitcoin ที่บางคนมองว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” แต่มีความผันผวนสูงมาก
- พันธบัตรออมทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ: ที่ภาครัฐอาจออกจำหน่าย ซึ่งจะปรับผลตอบแทนตามอัตราเงินเฟ้อ
ซื้อทองคำจากร้านทอง หรือลงทุนในกองทุนทองคำ แบบไหนดีกว่ากันในภาวะเงินเฟ้อ?
ทั้งสองวิธีมีข้อดีข้อเสียต่างกัน:
- ซื้อทองคำจากร้านทอง: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการถือครองทองคำจริง มีความเชื่อมั่นในการจับต้องได้ แต่มีความเสี่ยงในการเก็บรักษาและสภาพคล่องในการซื้อขายปริมาณมาก
- ลงทุนในกองทุนทองคำ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษา มีผู้จัดการกองทุนดูแล และสามารถกระจายความเสี่ยงได้ง่ายกว่า แต่มีค่าธรรมเนียมและไม่ได้ถือครองทองคำจริง
การเลือกขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ความรู้ และความเสี่ยงที่รับได้ของผู้ลงทุน
ทำไมบางครั้งเงินเฟ้อขึ้น แต่ราคาทองคำกลับลดลงได้?
สถานการณ์นี้มักเกิดขึ้นเมื่อธนาคารกลางตอบสนองต่อเงินเฟ้อด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง การขึ้นดอกเบี้ยทำให้การถือครองสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน เช่น พันธบัตรหรือเงินฝาก มีความน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับการถือทองคำที่ไม่มีดอกเบี้ย ทำให้เงินไหลออกจากทองคำไปหาสินทรัพย์อื่น ๆ นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐก็สามารถกดดันราคาทองคำได้เช่นกัน
ควรติดตามข่าวสารหรือปัจจัยอะไรเป็นพิเศษ เพื่อประเมินทิศทางราคาทองคำในไทย?
นักลงทุนไทยควรติดตามปัจจัยเหล่านี้เป็นพิเศษ:
- นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed): โดยเฉพาะการประชุม FOMC และทิศทางอัตราดอกเบี้ย
- นโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย: อัตราดอกเบี้ยนโยบายและมุมมองต่อเศรษฐกิจไทย
- ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ: การอ่อนค่าหรือแข็งค่าของเงินบาทส่งผลโดยตรงต่อราคาทองในไทย
- อัตราเงินเฟ้อ: ทั้งในสหรัฐฯ และประเทศไทย
- สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก: ความขัดแย้ง สงคราม หรือวิกฤตการณ์ต่าง ๆ
- ราคาน้ำมัน: มีผลต่อต้นทุนการผลิตและเงินเฟ้อ