เงินเฟ้อ ทองขึ้นหรือลง? เจาะลึกกลยุทธ์ลงทุนทองคำในไทย ปี 2567-2568

เงินเฟ้อ ทองขึ้นหรือลง? เจาะลึกความสัมพันธ์และกลยุทธ์ลงทุนทองคำในไทย

ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทั้งระดับโลกและในประเทศกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนมากมาย คำว่าเงินเฟ้อจึงกลายเป็นหัวข้อที่ทุกคน โดยเฉพาะนักลงทุนและคนทั่วไป ต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่ง คำถามที่พบบ่อยที่สุดคือ เงินเฟ้อจะส่งผลต่อราคาทองคำอย่างไร และเมื่อเงินเฟ้อพุ่งสูง ราคาทองจะปรับตัวขึ้นหรือลงกันแน่ บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจความเชื่อมโยงที่ซับซ้อนระหว่างเงินเฟ้อกับราคาทองคำ พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อราคาทอง และเสนอแนะกลยุทธ์การลงทุนทองคำที่เหมาะสำหรับนักลงทุนในไทย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีสติและมองเห็นโอกาสในสถานการณ์ปัจจุบันรวมถึงอนาคต

ภาพประกอบแท่งทองคำและเหรียญทองบนตาชั่งเทียบกับธนบัตรที่ค่าเงินลดลงในประเทศไทย พร้อมนักลงทุนที่กำลังสับสน

ทำความเข้าใจ “เงินเฟ้อ” คืออะไร และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร

เพื่อให้เข้าใจความเชื่อมโยงกับทองคำได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาเริ่มต้นด้วยการทบทวนพื้นฐานของเงินเฟ้อกันก่อน

เงินเฟ้อคืออะไร? คำจำกัดความและประเภท

เงินเฟ้อหมายถึงสถานการณ์ที่ราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อำนาจซื้อของเงินลดลง หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เงินในกระเป๋าเดิมๆ ซื้อของได้น้อยลงเรื่อยๆ เช่น สมัยก่อน 100 บาท อาจซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งได้สองจาน แต่เดี๋ยวนี้เหลือแค่จานเดียวเท่านั้น

เงินเฟ้อสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ได้หลายแบบ เช่น

  • เงินเฟ้อจากอุปสงค์ดึง: เกิดเมื่อความต้องการสินค้าและบริการมีมากกว่าปริมาณที่ผลิตได้ ทำให้ผู้ขายขึ้นราคาได้ง่าย เช่น ในช่วงเศรษฐกิจบูม คนมีรายได้เพิ่มและใช้จ่ายมากขึ้น
  • เงินเฟ้อจากต้นทุนผลัก: มาจากต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูง เช่น ราคาน้ำมันหรือวัตถุดิบนำเข้าที่แพงขึ้น หรือค่าแรงที่เพิ่ม ผู้ผลิตจึงต้องปรับราคาขายเพื่อรักษากำไร
  • เงินเฟ้อจากโครงสร้าง: เกิดจากปัญหาเชิงระบบ เช่น การผูกขาดตลาด การขาดแคลนแรงงาน หรือกฎเกณฑ์ที่ไม่ส่งเสริมการแข่งขัน ส่งผลให้ราคาสูงโดยไม่เกี่ยวกับอุปสงค์หรืออุปทานโดยตรง
ภาพประกอบคนถือของกินน้อยๆ แต่มีเงินมาก วางบนชั้นวางที่มีราคาสูง สื่อถึงภาวะเงินเฟ้อ

ผลกระทบของเงินเฟ้อต่อกำลังซื้อและสินทรัพย์

เมื่อเงินเฟ้อเกิดขึ้น อำนาจซื้อของเงินจะค่อยๆ ลดลง ส่งผลกระทบตรงๆ ต่อค่าครองชีพของคนทั่วไป ที่ต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อของเดิมๆ ส่วนเงินออมที่เก็บไว้ก็เสื่อมค่าลงตาม

สำหรับสินทรัพย์ต่างๆ เงินเฟ้อจะมีผลต่างกันไป เช่น

  • เงินสดและเงินฝาก: ได้รับผลกระทบหนักสุด เพราะมูลค่าลดลงตรงๆ
  • พันธบัตร: ถ้าดอกเบี้ยจริงติดลบ คือดอกเบี้ยที่ได้น้อยกว่าเงินเฟ้อ ผลตอบแทนจริงๆ ก็จะหายไป
  • หุ้น: บางบริษัทที่ขึ้นราคาสินค้าได้ดีอาจได้ประโยชน์ แต่ถ้าเงินเฟ้อรุนแรงเกินไป กำไรบริษัทและมูลค่าหุ้นอาจได้รับผลเสีย
  • อสังหาริมทรัพย์: มักถูกมองว่าเป็นเกราะป้องกันเงินเฟ้อได้บ้าง เพราะมูลค่าปรับขึ้นตามเงินเฟ้อ แต่ยังขึ้นกับทำเลและดอกเบี้ยสินเชื่อด้วย

ความสัมพันธ์ซับซ้อน: เงินเฟ้อทำให้ทองขึ้นหรือลงกันแน่?

ความเชื่อมโยงระหว่างเงินเฟ้อกับราคาทองคำไม่ได้เรียบง่ายแบบที่ว่าเงินเฟ้อขึ้นแล้วทองขึ้นตามเสมอ เพราะมีกลไกและปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องหลายอย่าง

ภาพประกอบแท่งทองคำส่องแสงปกป้องผู้คนจากพายุเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์เงินเฟ้อและความไม่แน่นอน

ทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง

มานานแล้ว ทองคำถูกยอมรับว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนหันไปพึ่งพาในช่วงเศรษฐกิจปั่นป่วน วิกฤตการเงิน หรือเงินเฟ้อสูง นักลงทุนมองว่าทองคำช่วยรักษามูลค่าและอำนาจซื้อได้ดีกว่าเงินสดหรือสินทรัพย์อื่นๆ ที่อาจถูกเงินเฟ้อหรือความผันผวนกัดกิน นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ความต้องการทองคำพุ่งขึ้นเมื่อเกิดความกลัวเงินเฟ้อหรือความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ

กลไกที่เงินเฟ้ออาจหนุนราคาทองคำให้สูงขึ้น

เมื่อเงินเฟ้อเพิ่มสูง มีหลายช่องทางที่ช่วยดันราคาทองคำให้ขึ้นได้ เช่น

  • ค่าเงินที่ลดลง: เงินเฟ้อทำให้สกุลเงินต่างๆ โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐที่เป็นหลักในการค้าทองคำ อ่อนค่าลง ถ้าดอลลาร์อ่อน นักลงทุนจากประเทศอื่นซื้อทองได้ถูกกว่า ความต้องการจึงเพิ่มและราคาก็ขยับขึ้น
  • ดอกเบี้ยจริงติดลบ: คือดอกเบี้ยที่ได้หลังหักเงินเฟ้อ ถ้าเงินเฟ้อสูงกว่าดอกเบี้ยจากฝากเงินหรือพันธบัตร ผลตอบแทนจริงๆ ก็ติดลบ ทำให้ทองคำที่ไม่มีดอกเบี้ยแต่รักษามูลค่าได้ ดูน่าสนใจกว่า นักลงทุนจึงย้ายเงินจากสินทรัพย์ผลตอบแทนต่ำมาที่ทอง
  • ความกังวลเศรษฐกิจ: ถ้าเงินเฟ้อควบคุมยาก อาจก่อให้เกิดความไม่มั่นใจในระบบเศรษฐกิจ นักลงทุนจึงมองหาที่หลบภัย และทองคำคือตัวเลือกแรกที่เชื่อถือได้

สถานการณ์ที่เงินเฟ้ออาจไม่หนุนทองคำ หรือทำให้ราคาทองลดลง

แต่ก็ไม่ใช่ว่าทองจะขึ้นทุกครั้งที่มีเงินเฟ้อ บางสถานการณ์อาจทำให้ราคาไม่ขยับหรือตกต่ำได้ เช่น

  • ธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ยแรง: ถ้าธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะเฟดสหรัฐหรือธนาคารแห่งประเทศไทย ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ สินทรัพย์อย่างพันธบัตรที่ให้ดอกเบี้ยสูงขึ้นและเสี่ยงต่ำจะดึงดูดเงินมากกว่า ทองที่ไม่มีดอกเบี้ยจึงเสียเปรียบ
  • ดอลลาร์แข็งค่า: แม้เงินเฟ้อจะสูง แต่ถ้าดอลลาร์แข็ง ทองที่ราคาเป็นดอลลาร์จะแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อสกุลเงินอื่น ส่งผลกดราคา
  • ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฟื้น: ถ้าตลาดมั่นใจว่าธนาคารกลางควบคุมเงินเฟ้อได้และเศรษฐกิจกำลังดีขึ้น นักลงทุนอาจหันไปสินทรัพย์เสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนดีอย่างหุ้น ทำให้ราคาทองลด
  • เศรษฐกิจชะลอตัว: ถ้าเงินเฟ้อมาพร้อมภาวะถดถอยหรือ stagflation ความต้องการทองในอุตสาหกรรมหรือเครื่องประดับอาจลดลง

[ภาพ: กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเงินเฟ้อและราคาทองคำในระยะยาว]

ปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ส่งผลต่อราคาทองคำนอกเหนือจากเงินเฟ้อ

ราคาทองคำไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินเฟ้อเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีน้ำหนักมากไม่แพ้กัน

นโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย

นโยบายการเงินจากธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทยและเฟดสหรัฐ มีอิทธิพลใหญ่ต่อราคาทอง การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยส่งผลตรงๆ ต่อต้นทุนการถือทอง ถ้าดอกเบี้ยสูง การถือทองที่ไม่ให้ผลตอบแทนจะดูไม่น่าลงทุน แต่ถ้าดอกเบี้ยต่ำหรือติดลบ ทองกลับกลายเป็นทางเลือกที่น่าดึงดูด

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและค่าเงินบาท

โดยปกติ ราคาทองจะเคลื่อนไหวตรงข้ามกับดอลลาร์สหรัฐ คือ ดอลลาร์แข็งราคาทองลง ดอลลาร์อ่อนราคาทองขึ้น เพราะทองกำหนดราคาเป็นดอลลาร์

สำหรับนักลงทุนไทย ค่าเงินบาทสำคัญมาก เพราะราคาทองในไทยมาจากราคาโลก (ดอลลาร์ต่อออนซ์) คูณกับอัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์ ดังนั้น

  • ถ้าเงินบาทอ่อน แม้ราคาทองโลกลงเล็กน้อย ราคาในไทยก็อาจขึ้นได้ เพราะต้องใช้บาทมากขึ้นซื้อดอลลาร์เท่าเดิม นี่คือที่มาของคำถามยอดฮิตว่าเงินบาทอ่อน ราคาทองขึ้นหรือลง
  • ถ้าเงินบาทแข็ง ราคาทองไทยอาจลด แม้ราคาโลกราคาเดิม

ข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้ให้เห็นถึงความผันผวนของเงินบาทที่กระทบเศรษฐกิจและการลงทุน

อุปสงค์และอุปทานของทองคำในตลาดโลก

เหมือนสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ราคาทองขึ้นกับอุปสงค์และอุปทาน

  • อุปสงค์: มาจากเครื่องประดับ (ส่วนใหญ่) อุตสาหกรรม (อิเล็กทรอนิกส์ ทันตกรรม) และการลงทุน (แท่งทอง เหรียญ ETF) รวมถึงธนาคารกลางที่ซื้อสะสม
  • อุปทาน: จากเหมืองใหม่และรีไซเคิลทองเก่า เช่น เครื่องประดับที่ไม่ใช้

ถ้าอุปสงค์มากกว่าอุปทาน ราคาก็มีแนวโน้มขึ้น และตรงกันข้าม

สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และวิกฤตเศรษฐกิจโลก

ความตึงเครียดระหว่างประเทศ เช่น สงคราม การค้าขัดแย้ง หรือวิกฤตใหญ่ๆ อย่างโรคระบาด ทำให้เกิดความกังวล นักลงทุนจึงหันไปสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อรักษามูลค่า ทองจึงได้รับความนิยมและราคาขึ้นในช่วงนั้น

กลยุทธ์การลงทุนทองคำในภาวะเงินเฟ้อสำหรับนักลงทุนไทย

สำหรับนักลงทุนในไทย การลงทุนทองในช่วงเงินเฟ้อสูง ต้องเลือกกลยุทธ์และช่องทางที่เหมาะสมกับสภาพตลาดในประเทศ

ทำความเข้าใจประเภทของทองคำที่ลงทุนได้ในไทย

ในไทย ทองคำที่นิยมลงทุนแบ่งหลักๆ เป็นสองแบบ

  • ทองคำแท่ง: ทองบริสุทธิ์ 96.5% หรือ 99.99% น้ำหนักมาตรฐาน เช่น 1 บาท 5 บาท 10 บาท หรือ 1 กิโล ค่ากำเหน็จต่ำ ส่วนต่างซื้อขายน้อย เหมาะเก็งกำไรจากราคา
  • ทองรูปพรรณ: ทองแปรรูปเป็นเครื่องประดับ บริสุทธิ์ 96.5% ค่ากำเหน็จสูง ส่วนต่างกว้างเพราะค่าดีไซน์และค่าแรง เหมาะสวมใส่หรือสะสมมากกว่าเก็งกำไรระยะสั้น

ช่องทางการลงทุนทองคำในประเทศไทย

นักลงทุนไทยมีทางเลือกหลากหลายในการลงทุนทองคำ

  1. ร้านทอง: ง่ายและคุ้นเคย ซื้อทองแท่งหรือรูปพรรณจากร้านดังอย่างฮั่วเซ่งเฮงหรือออโรร่า เหมาะคนอยากถือทองจริง
  2. แพลตฟอร์มออนไลน์: หลายร้านมีบริการซื้อขายทองออนไลน์ 24 ชม. ไม่ต้องถือทองจริง สะดวกและปลอดภัยจากการเก็บรักษา
  3. กองทุนทองคำ: ลงทุนทางอ้อมผ่านกองทุนรวมที่โฟกัสทอง เช่น กองทุนลงทุนทองแท่ง ETF ต่างประเทศ หรือหุ้นเหมืองทอง ช่วยกระจายความเสี่ยงและมีผู้จัดการดูแล
  4. ทองคำใน TFEX: สำหรับคนรับความเสี่ยงสูง เก็งกำไรระยะสั้นผ่าน Gold Futures หรือ Gold Online Futures บนตลาดอนาคตไทย
  5. การออมทอง: บริการจากร้านทองหรือผู้ให้บริการ ออมเงินรายวันหรือรายเดือน สะสมจนครบแล้วถอนทองจริง เหมาะคนอยากลงทุนทีละน้อย สร้างวินัย

[ตาราง: เปรียบเทียบช่องทางการลงทุนทองคำในไทย]

ช่องทางการลงทุน ลักษณะเด่น ข้อดี ข้อควรพิจารณา
ร้านทอง (ซื้อทองจริง) ได้ถือครองทองคำจริง มีความเชื่อมั่น, ขายได้ทันที ความเสี่ยงจากการเก็บรักษา, ส่วนต่างราคาซื้อขาย
แพลตฟอร์มออนไลน์ ซื้อขายง่าย, 24 ชม. ไม่ต้องเก็บทองเอง, สภาพคล่องสูง ต้องเลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ, อาจมีค่าธรรมเนียม
กองทุนทองคำ ผู้จัดการกองทุนดูแล กระจายความเสี่ยง, ไม่ต้องมีความรู้มาก มีค่าธรรมเนียม, ไม่ได้ถือทองคำจริง
TFEX (Gold Futures) เก็งกำไรระยะสั้น, ใช้เงินลงทุนน้อย ผลตอบแทนสูงหากคาดการณ์ถูก ความเสี่ยงสูง, ต้องมีความรู้เฉพาะทาง
การออมทอง ทยอยลงทุนได้ เริ่มต้นด้วยเงินน้อย, สร้างวินัยการออม ใช้เวลานาน, ต้องระวังเรื่องค่าธรรมเนียม

ข้อควรพิจารณาและบริหารความเสี่ยง

การลงทุนทองในช่วงเงินเฟ้อก็ยังมีความเสี่ยง นักลงทุนควรคำนึงถึง

  • ค่าธรรมเนียม: ไม่ว่าจะซื้อขายแบบจริงหรือออนไลน์ อาจมีค่ากำเหน็จหรือค่าบริการที่ลดผลตอบแทน
  • สภาพคล่อง: ทองแท่งขายง่ายกว่าแบบรูปพรรณ แต่ขายจำนวนมากอาจใช้เวลาและกระทบราคา
  • ความผันผวนราคา: ราคาทองแกว่งตัวแรงจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น เงินเฟ้อ ดอกเบี้ย ค่าเงิน และเหตุการณ์โลก
  • ความเสี่ยงค่าเงิน: สำหรับคนไทย เงินบาทผันผวนกระทบตรงๆ ถ้าเงินบาทแข็ง ราคาทองไทยอาจลงแม้โลกทรงตัว
  • การกระจายลงทุน: อย่าทุ่มหมดที่ทอง ควรกระจายไปสินทรัพย์อื่นเพื่อลดความเสี่ยงทั้งพอร์ต

แนวโน้มราคาทองคำในอนาคต (พ.ศ. 2567-2568) และมุมมองสำหรับนักลงทุนไทย

การพยากรณ์ราคาทองในอนาคตเป็นเรื่องยากเพราะขึ้นกับปัจจัยเศรษฐกิจใหญ่และการเมืองโลก แต่เราสามารถวิเคราะห์แนวโน้มจากข้อมูลและมุมมองผู้เชี่ยวชาญได้

สำหรับปี 2567 และ 2568 ราคาทองน่าจะยังได้รับแรงหนุนจากหลายด้าน แต่ก็มีอุปสรรค

  • เงินเฟ้อที่ยังสูง: แม้ธนาคารกลางพยายามควบคุม แต่คาดว่ายังเกินเป้าในระยะกลาง ทำให้ทองยังเป็นที่หลบภัยที่น่าเชื่อถือ
  • ทิศทางดอกเบี้ย: ถ้าเฟดและธนาคารแห่งประเทศไทยชะลอขึ้นดอกเบี้ยหรือเริ่มลดในช่วงปลายปี 2567 หรือ 2568 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเป็นข่าวดีสำหรับราคาทอง
  • ความไม่แน่นอนภูมิรัฐศาสตร์: ความขัดแย้งโลกยังสร้างความกังวล ดันความต้องการทอง
  • ค่าเงินดอลลาร์และบาท: ดอลลาร์อาจอ่อนลงถ้าเฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย หนุนราคาทอง ส่วนเงินบาทยังผันผวน กระทบราคาในไทยตรงๆ
  • มุมมองนักวิเคราะห์ไทย: ผู้เชี่ยวชาญจาก Krungthai COMPASS หรือ SCB EIC คาดว่าราคาทองโลกอาจแตะ 2,200-2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือราว 36,000-40,000 บาทต่อบาททองในปี 2568 ขึ้นกับค่าเงินบาทและนโยบายการเงิน แต่เป็นเพียงการคาดการณ์ นักลงทุนควรติดตามข่าวจากแหล่งน่าเชื่อถืออย่าง สมาคมค้าทองคำ อย่างใกล้ชิด

[ภาพ: กราฟคาดการณ์ราคาทองคำโลกและในไทยสำหรับปี 2567-2568]

ข้อควรระวัง: การคาดการณ์เหล่านี้เป็นแนวโน้มเท่านั้น ไม่ใช่การรับประกัน นักลงทุนควรพิจารณาข้อมูลรอบด้านและจัดการความเสี่ยงให้ดี

บทสรุป

เงินเฟ้อและทองคำมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ไม่ได้ขึ้นลงตามกันเสมอไป ทองยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีพลังป้องกันเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แต่ปัจจัยอื่นๆ อย่างดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์และบาท รวมถึงสถานการณ์โลก ก็มีบทบาทสำคัญ

สำหรับนักลงทุนไทย การลงทุนทองในช่วงเงินเฟ้อ ควรเริ่มจากเข้าใจประเภททอง ช่องทางในประเทศ และบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ อย่าลืมติดตามเศรษฐกิจไทยและนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อตัดสินใจลงทุนให้ตรงกับเป้าหมายการเงินของคุณ

เงินเฟ้อสูงขึ้นเสมอไปทองคำจะขึ้นตามจริงไหม?

ไม่เสมอไปครับ แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วเงินเฟ้อที่สูงจะหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้ราคาทองคำไม่ขึ้นหรือไม่ขึ้นมากนัก เช่น เมื่อธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หรือเมื่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความน่าสนใจในการถือทองคำลดลง

นักลงทุนไทยควรซื้อทองคำประเภทไหนดีที่สุดในช่วงเงินเฟ้อ?

ในช่วงเงินเฟ้อ นักลงทุนไทยที่เน้นการลงทุนเพื่อเก็งกำไรจากราคาและรักษามูลค่า ควรพิจารณา ทองคำแท่ง เนื่องจากมีส่วนต่างราคาซื้อขายต่ำกว่าและค่ากำเหน็จน้อยกว่าทองรูปพรรณ ส่วนทองรูปพรรณเหมาะสำหรับซื้อเพื่อสวมใส่หรือสะสมมากกว่าการลงทุนระยะสั้น

ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะทำให้ราคาทองในไทยสูงขึ้นจริงหรือ?

เป็นจริงครับ หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง หมายถึงต้องใช้เงินบาทจำนวนมากขึ้นเพื่อแลกกับดอลลาร์สหรัฐในปริมาณเท่าเดิม เมื่อราคาทองคำในตลาดโลก (ที่กำหนดเป็นดอลลาร์สหรัฐ) ยังคงที่หรือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย การที่เงินบาทอ่อนค่าลงจะทำให้ราคาทองคำในประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ

ทองจะขึ้นไปถึงไหนในปี 2568 (พ.ศ. 2568) ตามมุมมองของนักวิเคราะห์ไทย?

นักวิเคราะห์ไทยหลายสำนักคาดการณ์ว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มขาขึ้น โดยอาจเห็นราคาทองคำโลกแตะระดับ 2,200-2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 36,000-40,000 บาทต่อบาททองคำในพ.ศ. 2568 อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก

นอกเหนือจากทองคำ มีสินทรัพย์อะไรอีกบ้างที่นักลงทุนไทยใช้ป้องกันเงินเฟ้อ?

นอกจากทองคำแล้ว สินทรัพย์ที่นักลงทุนไทยนิยมใช้ป้องกันเงินเฟ้อได้แก่:

  • อสังหาริมทรัพย์: โดยเฉพาะในทำเลที่ดี มักมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ
  • หุ้น: โดยเฉพาะหุ้นของบริษัทที่มีอำนาจในการขึ้นราคาสินค้า (Pricing Power) หรือหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
  • กองทุนรวมที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์: เช่น น้ำมัน โลหะมีค่าอื่น ๆ
  • สินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภท: เช่น Bitcoin ที่บางคนมองว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” แต่มีความผันผวนสูงมาก
  • พันธบัตรออมทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ: ที่ภาครัฐอาจออกจำหน่าย ซึ่งจะปรับผลตอบแทนตามอัตราเงินเฟ้อ

ซื้อทองคำจากร้านทอง หรือลงทุนในกองทุนทองคำ แบบไหนดีกว่ากันในภาวะเงินเฟ้อ?

ทั้งสองวิธีมีข้อดีข้อเสียต่างกัน:

  • ซื้อทองคำจากร้านทอง: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการถือครองทองคำจริง มีความเชื่อมั่นในการจับต้องได้ แต่มีความเสี่ยงในการเก็บรักษาและสภาพคล่องในการซื้อขายปริมาณมาก
  • ลงทุนในกองทุนทองคำ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษา มีผู้จัดการกองทุนดูแล และสามารถกระจายความเสี่ยงได้ง่ายกว่า แต่มีค่าธรรมเนียมและไม่ได้ถือครองทองคำจริง

การเลือกขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ความรู้ และความเสี่ยงที่รับได้ของผู้ลงทุน

ทำไมบางครั้งเงินเฟ้อขึ้น แต่ราคาทองคำกลับลดลงได้?

สถานการณ์นี้มักเกิดขึ้นเมื่อธนาคารกลางตอบสนองต่อเงินเฟ้อด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง การขึ้นดอกเบี้ยทำให้การถือครองสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน เช่น พันธบัตรหรือเงินฝาก มีความน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับการถือทองคำที่ไม่มีดอกเบี้ย ทำให้เงินไหลออกจากทองคำไปหาสินทรัพย์อื่น ๆ นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐก็สามารถกดดันราคาทองคำได้เช่นกัน

ควรติดตามข่าวสารหรือปัจจัยอะไรเป็นพิเศษ เพื่อประเมินทิศทางราคาทองคำในไทย?

นักลงทุนไทยควรติดตามปัจจัยเหล่านี้เป็นพิเศษ:

  • นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed): โดยเฉพาะการประชุม FOMC และทิศทางอัตราดอกเบี้ย
  • นโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย: อัตราดอกเบี้ยนโยบายและมุมมองต่อเศรษฐกิจไทย
  • ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ: การอ่อนค่าหรือแข็งค่าของเงินบาทส่งผลโดยตรงต่อราคาทองในไทย
  • อัตราเงินเฟ้อ: ทั้งในสหรัฐฯ และประเทศไทย
  • สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก: ความขัดแย้ง สงคราม หรือวิกฤตการณ์ต่าง ๆ
  • ราคาน้ำมัน: มีผลต่อต้นทุนการผลิตและเงินเฟ้อ

More From Author

เทรด forex เสียภาษีไหม? 7 ข้อควรรู้สำหรับนักเทรดไทย วางแผนภาษีอย่างถูกกฎหมาย

usdjpy วิเคราะห์ เจาะลึกกลยุทธ์และแนวโน้มสำหรับเทรดเดอร์ไทย

發佈留言