อะไรคือ FCA (Financial Conduct Authority)?
หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของสหราชอาณาจักรที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า FCA คือองค์กรอิสระซึ่งรับผิดชอบดูแลให้บริษัทผู้ให้บริการทางการเงินปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และมาตรฐานที่วางไว้ เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคและรักษาความมั่นคงของตลาดการเงินโดยรวม

FCA เริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2013 โดยเข้ามารับช่วงต่อจากหน่วยงานเดิมอย่าง Financial Services Authority (FSA) การปรับโครงสร้างครั้งนี้มุ่งเน้นการยกระดับประสิทธิภาพการกำกับดูแล โดยแยกหน้าที่หลักออกเป็นสองส่วน คือ FCA ที่เน้นด้านพฤติกรรมของผู้ประกอบการและการปกป้องผู้บริโภค ขณะที่ Prudential Regulation Authority (PRA) รับผิดชอบเรื่องความมั่นคงทางการเงินของสถาบันขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร บริษัทประกันภัย และบริษัทลงทุน การประสานงานระหว่างทั้งสองหน่วยงานนี้ช่วยเสริมสร้างให้ตลาดการเงินของสหราชอาณาจักรมีความสมบูรณ์แบบและปลอดภัยจากทุกมุมมอง

FCA มีหน้าที่รับผิดชอบ วัตถุประสงค์หลัก และขอบเขตการกำกับดูแลอะไรบ้าง?
FCA ถือเป็นเสาหลักในการรักษาสมดุลของระบบการเงินสหราชอาณาจักรให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยุติธรรม โดยมีเป้าหมายหลักสามประการที่ชัดเจน
- ปกป้องผู้บริโภค (Protect Consumers): หน่วยงานนี้มุ่งเน้นให้ผู้บริโภคได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรมจากผู้ให้บริการทางการเงิน พร้อมทั้งส่งเสริมการให้ข้อมูลที่โปร่งใสและป้องกันพฤติกรรมที่เอารัดเอาเปรียบ
- เสริมสร้างความซื่อสัตย์ของตลาด (Enhance Market Integrity): FCA ตรวจตราทุกกิจกรรมเพื่อให้ตลาดเคลื่อนไหวอย่างซื่อตรงและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการต่อต้านอาชญากรรมทางการเงิน เช่น การฟอกเงินหรือการค้าหุ้นโดยใช้ข้อมูลภายใน
- ส่งเสริมการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพ (Promote Effective Competition): สนับสนุนให้เกิดการแข่งขันที่โปร่งใสในวงการบริการทางการเงิน ซึ่งจะผลักดันให้มีสินค้าและบริการที่ดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้บริการ

นอกจากนี้ การกำกับดูแลของ FCA ยังครอบคลุมถึงผู้ให้บริการทางการเงินหลายประเภทในสหราชอาณาจักร เช่น
- ธนาคารและสถาบันการเงิน
- บริษัทประกันภัย
- บริษัทการลงทุนและกองทุนรวม
- บริษัทสินเชื่อและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
- โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ (Forex Brokers) และ CFD (Contracts for Difference)
- ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีในบางส่วน เช่น การลงทะเบียนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
ในการปฏิบัติหน้าที่ FCA จะวางกฎระเบียบที่ชัดเจน ตรวจสอบการปฏิบัติตาม และบังคับใช้มาตรการกับผู้ที่ฝ่าฝืน เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทเหล่านี้มอบบริการที่ยุติธรรมและเปิดเผยต่อผู้บริโภคทุกคน โดยเฉพาะในยุคที่ตลาดการเงินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ทำไมใบอนุญาต FCA จึงมีความสำคัญต่อนักลงทุน?
ใบอนุญาตจาก FCA ถือเป็นสัญลักษณ์ของความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยชั้นนำในวงการการเงินระดับโลก สำหรับนักลงทุนที่เลือกโบรกเกอร์หรือบริษัทการเงินที่มีการรับรองนี้ จะได้รับการคุ้มครองที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ใบอนุญาตนี้โดดเด่น
- ยกระดับความน่าเชื่อถือและความถูกต้องตามกฎหมาย: โบรกเกอร์ที่ผ่านการรับรองจาก FCA ต้องเผชิญกระบวนการตรวจสอบที่เข้มข้นและปฏิบัติตามมาตรฐานสูงของหน่วยงานสหราชอาณาจักร สิ่งนี้สร้างความเชื่อมั่นว่านักลงทุนจะทำธุรกรรมกับบริษัทที่ถูกกฎหมายและรับผิดชอบต่อสังคม
- การคุ้มครองเงินทุนของลูกค้า: กฎของ FCA บังคับให้แยกเงินของลูกค้าออกจากกองทุนของบริษัท (Client Money Segregation) ดังนั้น แม้บริษัทจะมีปัญหาทางการเงิน เงินของคุณก็ยังคงปลอดภัยและไม่ถูกใช้ชำระหนี้
- แผนการชดเชยบริการทางการเงิน (FSCS): หนึ่งในเครื่องมือป้องกันหลักคือ Financial Services Compensation Scheme (FSCS) ซึ่งชดเชยให้ลูกค้าของบริษัทที่ล้มละลาย หากโบรกเกอร์ภายใต้ FCA ล้ม นักลงทุนอาจได้รับเงินคืนสูงสุดถึง 85,000 ปอนด์ ลดความเสี่ยงสูญเสียลงอย่างมาก (ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ FSCS)
- หลักปฏิบัติที่เข้มงวดและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง: FCA กำหนดให้โบรกเกอร์ยึดมั่นในหลักเกณฑ์ที่เคร่งครัด รวมถึงการแจ้งเตือนความเสี่ยงอย่างชัดเจน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจจากข้อมูลที่สมบูรณ์และเข้าใจสถานการณ์ได้ดีขึ้น
- กลไกการร้องเรียนและการแก้ไขข้อพิพาท: หากเกิดปัญหากับโบรกเกอร์ นักลงทุนสามารถใช้ช่องทางร้องเรียนอย่าง Financial Ombudsman Service (FOS) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระในการไกล่เกลี่ยระหว่างผู้บริโภคและบริษัท (เรียนรู้เกี่ยวกับ FOS)
สรุปแล้ว การเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาต FCA ไม่เพียงปกป้องเงินลงทุนของคุณ แต่ยังเพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงในระยะยาว
นักลงทุนชาวไทยจะใช้การกำกับดูแลของ FCA เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเองได้อย่างไร?
นักลงทุนชาวไทยที่หันไปสนใจตลาดการเงินระดับโลก โดยเฉพาะการเทรดฟอเร็กซ์หรือ CFD สามารถอาศัยการกำกับดูแลจาก FCA เป็นเครื่องป้องกันที่มีประสิทธิภาพ การเข้าใจวิธีการใช้ประโยชน์จากระบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีนัยสำคัญ มาดูแนวทางปฏิบัติที่เป็นประโยชน์กัน
- คู่มือการตรวจสอบโบรกเกอร์บน FCA Register:
การยืนยันใบอนุญาตของโบรกเกอร์ทำได้ง่ายผ่าน FCA Register ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเปิดบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ FCA (FCA Register) ขั้นตอนหลักมีดังนี้
- เข้าสู่เว็บไซต์ FCA Register
- กรอกชื่อบริษัทหรือหมายเลข Firm Reference Number (FRN) ของโบรกเกอร์
- ตรวจดูรายละเอียดที่แสดง เช่น สถานะใบอนุญาต ที่ตั้ง และขอบเขตกิจการ หากข้อมูลไม่ตรงหรือหาไม่เจอ อาจเป็นสัญญาณว่าบริษัทนั้นไม่ได้รับการรับรองหรือเป็นของปลอม
- การระบุการแอบอ้างและกลโกง:
ต้องระวังมิจฉาชีพที่แสร้งทำเป็นได้รับการกำกับดูแลจาก FCA โดยใช้ชื่อคล้ายคลึงหรือเอกสารปลอม ควรเปรียบเทียบทุกข้อมูลจากโบรกเกอร์กับ FCA Register อย่างละเอียด รวมถึงที่อยู่และช่องทางติดต่อ เพื่อหลีกเลี่ยงกับดักเหล่านี้
- คำแนะนำสำหรับตลาดไทย:
แม้ FCA จะมุ่งเน้นตลาดสหราชอาณาจักร แต่สำหรับนักลงทุนไทยที่ใช้โบรกเกอร์ต่างชาติ การเลือกผู้ให้บริการที่อยู่ภายใต้ FCA ถือเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยสูงสุด เพราะต้องปฏิบัติตามกฎที่เข้มงวด ซึ่งคุ้มครองนักลงทุนจากทุกมุมโลกได้ดี
- การเปรียบเทียบอย่างง่ายกับ ก.ล.ต. ไทย (SEC Thailand):
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. ไทย) รับผิดชอบดูแลตลาดทุนในประเทศเพื่อปกป้องนักลงทุนไทยโดยตรง แต่ FCA มีขอบเขตที่กว้างขวางกว่า โดยเฉพาะบริการข้ามพรมแดน การรู้จักความต่างนี้ช่วยให้นักลงทุนไทยวางแผนการคุ้มครองได้เหมาะสมทั้งในและต่างประเทศ (เยี่ยมชมเว็บไซต์ ก.ล.ต. ไทย)
ด้วยการใช้เครื่องมือจาก FCA และการตระหนักถึงความเสี่ยง นักลงทุนชาวไทยจะสามารถก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างมั่นใจและรอบคอบยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่โอกาสการลงทุนเพิ่มมากแต่ความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย
ความท้าทายและแนวโน้มในอนาคตของการกำกับดูแลของ FCA
ในโลกการเงินที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด FCA ต้องปรับตัวรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ เพื่อรักษาการคุ้มครองผู้บริโภคและความน่าเชื่อถือของตลาดให้ยั่งยืน
- การมาถึงของ FinTech และ Regulatory Sandbox:
เทคโนโลยีทางการเงินอย่างระบบชำระเงินดิจิทัล การกู้ยืมแบบ P2P และที่ปรึกษาการลงทุนอัตโนมัติ ได้นำนวัตกรรมมาสู่ตลาด แต่ก็ท้าทายการกำกับดูแล FCA จึงเปิดตัว Regulatory Sandbox เพื่อให้บริษัท FinTech ทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ในสภาพแวดล้อมควบคุม ซึ่งสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการปกป้องผู้ใช้
- ความท้าทายด้าน Blockchain และ Cryptocurrency:
เทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตเคอร์เรนซีที่กระจายอำนาจและข้ามชาติ ทำให้การกำกับดูแลซับซ้อน FCA กำลังพัฒนากรอบกฎหมายเฉพาะสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเน้นป้องกันการฟอกเงินและคุ้มครองนักลงทุนจากความผันผวนหรือการหลอกลวงที่อาจเกิดขึ้น
- การปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกและการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล:
FCA ต้องรับมือกับโลกที่เชื่อมโยงกันมากขึ้นและการย้ายสู่ดิจิทัล โดยจัดการภัยคุกคามไซเบอร์ การรักษาความลับข้อมูล และทำให้บริการการเงินเข้าถึงได้อย่างปลอดภัยสำหรับทุกคน สิ่งเหล่านี้จำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงของตลาดในยุคใหม่
สรุป: การเลือกโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ FCA คือการตัดสินใจที่ชาญฉลาด
Financial Conduct Authority (FCA) ทำหน้าที่สำคัญในการกำกับดูแลตลาดการเงินสหราชอาณาจักร เพื่อปกป้องนักลงทุนและรักษาความโปร่งใสของระบบ ใบอนุญาตจาก FCA ยืนยันถึงมาตรฐานความน่าเชื่อถือ การคุ้มครองทุน และการยึดมั่นในกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด
สำหรับนักลงทุนไทยที่มองหาโอกาสในตลาดต่างประเทศ การเลือกโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มภายใต้ FCA หรือหน่วยงานชั้นนำอื่นๆ คือทางเลือกที่ฉลาด เพราะช่วยให้เงินของคุณได้รับการดูแลภายใต้ระบบที่เชื่อถือได้ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าการลงทุนทุกประเภทยังมีความเสี่ยง แม้จะมีหน่วยงานกำกับดูแลที่ดี นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและประเมินระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ก่อนเริ่มต้นเสมอ
FCA กำกับดูแลโบรกเกอร์ที่ให้บริการแก่ผู้อยู่อาศัยในประเทศไทยสำหรับการซื้อขายฟอเร็กซ์หรือ CFD หรือไม่?
FCA กำกับดูแลโบรกเกอร์ที่จดทะเบียนและมีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักรเป็นหลัก แม้ว่าโบรกเกอร์เหล่านี้จะเปิดรับลูกค้าจากทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย แต่การคุ้มครองตามกฎหมายของ FCA จะใช้กับลูกค้าที่ลงทะเบียนภายใต้บริษัทลูกที่ได้รับใบอนุญาตของ FCA ซึ่งมักจะเป็นสาขาในสหราชอาณาจักร คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัญชีของคุณอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ FCA โดยตรงหรือไม่
หากฉันมีข้อพิพาทกับโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA กฎหมายไทยจะช่วยอะไรได้บ้าง?
โดยทั่วไปแล้ว ข้อพิพาทกับโบรกเกอร์ต่างประเทศจะอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศที่โบรกเกอร์นั้นได้รับการกำกับดูแล ในกรณีของ FCA คุณจะต้องใช้กลไกการแก้ไขข้อพิพาทของสหราชอาณาจักร เช่น Financial Ombudsman Service (FOS) กฎหมายไทยมักจะไม่มีผลโดยตรงกับบริษัทที่อยู่นอกเขตอำนาจศาลของไทย เว้นแต่จะมีข้อตกลงระหว่างประเทศหรือเงื่อนไขเฉพาะในสัญญา
FCA (หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของสหราชอาณาจักร) และ ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) ของไทย มีความแตกต่างหลักๆ ในด้านหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างไร?
FCA และ ก.ล.ต. มีหน้าที่คล้ายกันคือการกำกับดูแลตลาดการเงินและปกป้องนักลงทุน แต่มีขอบเขตอำนาจที่ต่างกัน:
- FCA: เป็นหน่วยงานกำกับดูแลของสหราชอาณาจักร มีบทบาทสำคัญในระดับโลก เนื่องจากลอนดอนเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญ FCA กำกับดูแลบริษัทหลากหลายประเภท รวมถึงโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์และ CFD ที่ให้บริการลูกค้าทั่วโลก
- ก.ล.ต. ไทย: เป็นหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนของประเทศไทย มีอำนาจกำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์ กองทุนรวม และตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย เพื่อปกป้องนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก
ฉันจะตรวจสอบใบอนุญาตของโบรกเกอร์บนเว็บไซต์ทางการของ FCA ได้อย่างไร?
คุณสามารถตรวจสอบได้ที่ FCA Register เพียงแค่ป้อนชื่อบริษัทของโบรกเกอร์หรือหมายเลข Firm Reference Number (FRN) ที่โบรกเกอร์แจ้งมา จากนั้นตรวจสอบข้อมูลที่ปรากฏว่าตรงกันหรือไม่ ทั้งชื่อบริษัท ที่อยู่ และสถานะใบอนุญาต
โบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA ปลอดภัย 100% เสมอไปหรือไม่? มีอะไรที่ฉันต้องระวังเป็นพิเศษบ้าง?
แม้ว่า FCA จะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวด แต่ก็ไม่มีการลงทุนใดที่ปลอดภัย 100% การกำกับดูแลของ FCA ช่วยลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมได้มาก แต่ยังคงมีความเสี่ยงด้านตลาดจากการลงทุนเอง (เช่น ราคาผันผวน) สิ่งที่คุณต้องระวังคือ:
- ความเสี่ยงของตลาด: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยงที่จะขาดทุน
- การแอบอ้าง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณกำลังติดต่อกับบริษัทที่ได้รับการกำกับดูแลจริง ไม่ใช่บริษัทปลอม (clone firm)
- เงื่อนไขการซื้อขาย: อ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขการซื้อขาย เช่น เลเวอเรจ สเปรด และค่าธรรมเนียม
ฉันจะระบุบริษัทที่อ้างว่าได้รับการกำกับดูแลจาก FCA แต่เป็นบริษัทฉ้อโกงได้อย่างไร?
บริษัทฉ้อโกงมักจะใช้ชื่อคล้ายกับบริษัทจริง หรือให้ข้อมูลติดต่อที่แตกต่างจากที่ระบุใน FCA Register สังเกตสัญญาณเตือนดังนี้:
- เว็บไซต์ดูไม่เป็นมืออาชีพ หรือมีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์
- แรงกดดันให้ลงทุนจำนวนมากหรือให้ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
- ให้ผลตอบแทนที่สูงเกินจริงและรับประกันผลกำไร
- ช่องทางการติดต่อไม่ตรงกับที่ปรากฏใน FCA Register
วิธีที่ดีที่สุดคือการตรวจสอบข้อมูลบน FCA Register ด้วยตัวคุณเองเสมอ
FCA มีข้อกำหนดเฉพาะสำหรับอัตราทด (Leverage) และการป้องกันยอดคงเหลือติดลบ (Negative Balance Protection) สำหรับการซื้อขายฟอเร็กซ์หรือไม่? สิ่งนี้มีผลต่อนักเทรดชาวไทยอย่างไร?
ใช่ FCA มีข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับโบรกเกอร์ที่ให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อยในสหราชอาณาจักร โดยจำกัดอัตราทดสำหรับคู่สกุลเงินหลักไว้ที่ 1:30 และกำหนดให้มีการป้องกันยอดคงเหลือติดลบ (Negative Balance Protection) ซึ่งหมายความว่านักลงทุนจะไม่ขาดทุนเกินกว่าเงินทุนที่ฝากไว้
สิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างมากต่อนักเทรดชาวไทยที่เลือกใช้โบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ FCA เนื่องจากเป็นการเพิ่มความปลอดภัยและจำกัดความเสี่ยงของการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย
นอกเหนือจาก FCA แล้ว มีหน่วยงานกำกับดูแลระดับโลกอื่นๆ ที่นักลงทุนไทยควรพิจารณาเป็นอันดับแรกอีกหรือไม่?
แน่นอน นอกเหนือจาก FCA แล้ว ยังมีหน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำอื่นๆ ที่น่าเชื่อถือซึ่งนักลงทุนไทยควรพิจารณาเมื่อเลือกโบรกเกอร์ต่างประเทศ เช่น:
- ASIC (Australian Securities and Investments Commission) ของออสเตรเลีย
- CySEC (Cyprus Securities and Exchange Commission) ของไซปรัส (เป็นที่นิยมในยุโรป)
- FINMA (Swiss Financial Market Supervisory Authority) ของสวิตเซอร์แลนด์
- NFA (National Futures Association) และ CFTC (Commodity Futures Trading Commission) ของสหรัฐอเมริกา
การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนของคุณ
หากฉันใช้โบรกเกอร์ที่ไม่ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA ฉันอาจเผชิญกับความเสี่ยงอะไรบ้าง?
การใช้โบรกเกอร์ที่ไม่ได้รับการกำกับดูแลมีความเสี่ยงสูงมาก คุณอาจเผชิญกับปัญหาดังต่อไปนี้:
- การฉ้อโกง: โบรกเกอร์อาจหลอกลวงหรือเชิดเงินของคุณไป
- ไม่มีการแยกเงินทุน: เงินทุนของคุณอาจถูกนำไปใช้หนี้ของบริษัท
- ไม่มีการชดเชย: หากโบรกเกอร์ล้มละลาย คุณอาจไม่ได้รับเงินคืน
- ไม่มีกลไกการร้องเรียน: ยากที่จะแก้ไขข้อพิพาทหรือขอความช่วยเหลือ
- การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม: โบรกเกอร์อาจใช้เงื่อนไขการซื้อขายที่ไม่โปร่งใสหรือเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
FCA กำกับดูแลบริการทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีหรือไม่? ผู้ใช้ชาวไทยที่ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีควรระวังอะไร?
FCA มีบทบาทในการกำกับดูแลบางส่วนของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการป้องกันการฟอกเงิน (AML) และการจัดหาเงินทุนเพื่อการก่อการร้าย (CTF) สำหรับบริษัทที่ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี อย่างไรก็ตาม FCA ได้ประกาศว่าสินทรัพย์คริปโตส่วนใหญ่ที่นักลงทุนรายย่อยซื้อขายกันนั้น ไม่ได้รับการกำกับดูแลเต็มรูปแบบ เหมือนผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ
สำหรับผู้ใช้ชาวไทยที่ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี ควรระวังว่า:
- ความเสี่ยงสูง: ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูงและไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนเท่ากับตลาดหลักทรัพย์ทั่วไป
- การกำกับดูแลที่จำกัด: การคุ้มครองจาก FCA (หรือหน่วยงานอื่นๆ) อาจไม่ครอบคลุมการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมด
- การฉ้อโกง: มีการฉ้อโกงในตลาดคริปโตสูงมาก ควรตรวจสอบแพลตฟอร์มและโครงการต่างๆ อย่างละเอียด
ควรลงทุนอย่างระมัดระวังและศึกษาข้อมูลให้มากที่สุดก่อนตัดสินใจ