บทนำ: ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเหรียญยูโรและทองคำ – คุณแยกแยะได้ถูกต้องแล้วหรือยัง?
หลายคนคงเคยสงสัยกันบ้างว่าเหรียญยูโร โดยเฉพาะรุ่น 10, 20 และ 50 เซนต์ที่ดูมีสีทองเหลืองอร่าม จะทำจากทองคำจริงๆ หรือเปล่า ความสับสนนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะสีสันที่ใกล้เคียงกับทองแท้ ทำให้ใครหลายคนคิดว่ามันต้องมีส่วนผสมของโลหะมีค่าอยู่ข้างใน แต่เอาเข้าจริง เหรียญยูโรพวกนี้ไม่ได้ทำจากทองคำเลย สีทองที่เห็นนั้นมาจากโลหะผสมพิเศษชื่อว่า “นอร์ดิคโกลด์” (Nordic Gold) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานประจำวัน

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจความจริงเบื้องหลังเหรียญยูโรและเหรียญต่างประเทศอื่นๆ ที่มีลุคคล้ายทองคำ พร้อมทั้งแนะนำเทคนิคการแยกแยะระหว่างเหรียญทองแท้กับเหรียญสีทองธรรมดา เรายังจะพูดถึงคุณค่าของเหรียญหายากสำหรับนักสะสม รวมถึงคู่มือปฏิบัติสำหรับคนที่อยากซื้อขายเหรียญทองคำในไทย เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและฉลาด โดยอาศัยข้อมูลที่ถูกต้อง
เปิดเผยส่วนประกอบที่แท้จริงของเหรียญยูโร: ความจริงเบื้องหลังสีทอง
เมื่อพูดถึงเหรียญยูโร สีทองที่ดึงดูดสายตานั้นมักทำให้เกิดคำถามมากมาย แต่หากเราลองเจาะลึกเข้าไป จะพบว่าทุกอย่างมีเหตุผลทางเทคนิคที่ชัดเจน โดยเฉพาะการเลือกใช้วัสดุที่ทั้งประหยัดและมีประสิทธิภาพ

เหรียญ 10, 20, 50 เซนต์ยูโร: คือ “นอร์ดิคโกลด์” ไม่ใช่ทองคำ
เหรียญยูโรรุ่น 10, 20 และ 50 เซนต์นั้นมีสีทองสวยงามที่หลอกตาให้หลายคนคิดว่าเป็นทองจริง แต่ความจริงคือมันผลิตจากโลหะผสมนอร์ดิคโกลด์ ซึ่งประกอบด้วยทองแดง 89%, อะลูมิเนียม 5%, สังกะสี 5% และดีบุก 1% เลยไม่มีทองคำปนอยู่แม้สักน้อย วัสดุนี้ถูกเลือกเพราะคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่น ทนต่อการสึกหรอ ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ช่วยป้องกันการปลอมแปลงได้ดี และยังให้สีสันคล้ายทองแต่ต้นทุนต่ำกว่ามาก
การใช้นอร์ดิคโกลด์นี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank – ECB) ที่ต้องการเหรียญที่ทั้งมีเอกลักษณ์และปลอดภัย จาก ข้อมูลของ ECB ระบุไว้ว่านอร์ดิคโกลด์ได้รับการยอมรับในเรื่องความแข็งแรงและสมบัติทางกายภาพที่เหมาะสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน สิ่งที่แตกต่างชัดเจนระหว่างนอร์ดิคโกลด์กับทองแท้คือน้ำหนักที่เบากว่า และมูลค่าที่ไม่เทียบกัน เหรียญยูโรมีค่าแค่ตามหน้าบนเหรียญเท่านั้น ไม่ใช่จากเนื้อโลหะเหมือนเหรียญทองจริง
เหรียญ 1 ยูโร และ 2 ยูโร: หัตถกรรมโลหะสองสี
ส่วนเหรียญ 1 ยูโรและ 2 ยูโรนั้นซับซ้อนกว่านั้น เพราะเป็นแบบสองโลหะ (Bi-metallic) ที่เชื่อมต่อกันอย่างแนบแน่น เหรียญ 1 ยูโรมีวงนอกจากนิกเกิลทองเหลือง และวงในจากทองแดง-นิกเกิล ขณะที่เหรียญ 2 ยูโรมีวงนอกจากทองแดง-นิกเกิล และวงในจากนิกเกิลทองเหลืองผสมทองแดง-นิกเกิล
การออกแบบสองสีนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อยกระดับความปลอดภัย โดยโครงสร้างที่ยุ่งยากทำให้เลียนแบบได้ยาก แม้จะสวยงามและมีโลหะหลายชนิด แต่ก็ไม่มีทองคำเหมือนกัน มูลค่าของเหรียญเหล่านี้ยังคงยึดตามตัวเลขบนหน้าเหรียญ ไม่ใช่จากวัสดุที่นำมาผลิต
วิธีแยกแยะเหรียญทองคำต่างประเทศแท้: คู่มือการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับนักสะสมหรือนักลงทุน การรู้จักแยกเหรียญทองแท้จากของเลียนแบบคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยหลีกเลี่ยงความผิดพลาด คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ โดยเริ่มจากพื้นฐานไปจนถึงเทคนิคขั้นสูง

ลักษณะและเครื่องหมายสำคัญของเหรียญทองคำ
เหรียญทองแท้มักมีเครื่องหมายรับรอง (Hallmarks) ที่ชัดเจนตามมาตรฐานสากล เช่น:
- ความบริสุทธิ์ (Purity): ระบุด้วยตัวเลข เช่น 999.9 (ทอง 99.99%), 999 (ทอง 99.9%), 916.7 (เท่ากับ 22K) หรือ 750 (เท่ากับ 18K)
- หน่วยกะรัต (Karat): เช่น 24K (ทองบริสุทธิ์), 22K, 18K
- น้ำหนัก (Weight): ระบุเป็นออนซ์ (oz) เช่น 1 oz, 1/2 oz, 1/4 oz หรือกรัม (g)
- โรงกษาปณ์ (Mint Mark): จากโรงงานดังระดับโลก เช่น United States Mint, Royal Canadian Mint, Perth Mint (ออสเตรเลีย) หรือ Austrian Mint ซึ่งมีสัญลักษณ์เฉพาะตัว
เครื่องหมายเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นที่ดีในการยืนยันแหล่งกำเนิดและความบริสุทธิ์ หากขาดหายไป ควรระวังทันที
วิธีการตรวจสอบเบื้องต้น: น้ำหนัก ขนาด และการทดสอบด้วยแม่เหล็ก
นอกเหนือจากเครื่องหมายแล้ว การทดสอบทางกายภาพง่ายๆ ก็ช่วยยืนยันได้ในระดับหนึ่ง:
- น้ำหนักและขนาด: เหรียญทองแท้แต่ละแบบมีสเปกมาตรฐาน เช่น น้ำหนัก เส้นผ่านศูนย์กลาง และความหนา คุณสามารถเช็คข้อมูลจากเว็บโรงกษาปณ์หรือสมาคมทองคำที่น่าเชื่อถือ แล้วนำเหรียญมาวัดเปรียบเทียบด้วยเครื่องชั่งดิจิทัลที่แม่นยำ เพื่อให้แน่ใจ
- การทดสอบด้วยแม่เหล็ก: ทองคำไม่ใช่โลหะแม่เหล็ก ดังนั้นเหรียญแท้จะไม่ติดแม่เหล็ก ถ้าติด แสดงว่าอาจเป็นของปลอมหรือผสมโลหะอื่น แต่จำไว้ว่านี่เป็นแค่การตรวจเบื้องต้น ไม่ครอบคลุม 100%
หากอยากรู้ลึกกว่านั้น ลองศึกษาจาก World Gold Council ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลชั้นนำเกี่ยวกับคุณสมบัติทองคำและวิธีตรวจสอบทั่วโลก
กลโกงการปลอมแปลงเหรียญทองคำและการป้องกัน
ตลาดเหรียญทองเต็มไปด้วยการหลอกลวงที่แยบยล นักลงทุนควรตื่นตัวกับรูปแบบเหล่านี้:
- เหรียญชุบทอง (Gold Plating): เอาโลหะธรรมดาชุบชั้นทองบางๆ ให้ดูสวยเหมือนของจริง แต่ไม่มีคุณค่าจริง ต้องเช็คน้ำหนัก ความหนา และเครื่องหมายให้ละเอียด
- เหรียญปลอมแปลง (Counterfeits): ลอกเลียนทั้งหมด อาจใช้วัสดุน้ำหนักใกล้เคียงแต่ราคาถูกกว่า
- เหรียญยัดไส้ (Filled Coins): ภายนอกทองแท้ แต่ข้างในยัดโลหะถูก ต้องใช้เครื่องวัดความหนาแน่นหรือ XRF (X-ray Fluorescence) เพื่อตรวจจับ
เคล็ดลับป้องกันที่ดีที่สุดคือซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ มีชื่อเสียง และมาพร้อมใบรับรอง เพื่อความอุ่นใจ
มูลค่าการสะสมของเหรียญยูโรหายาก: เหตุใดจึงมีราคาสูง?
ถึงแม้เหรียญยูโรจะไม่มีทองคำ แต่บางรุ่นก็กลายเป็นของมีค่าอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยเหตุผลที่มาจากความพิเศษทางประวัติศาสตร์และตลาดสะสม ซึ่งทำให้มันแตกต่างจากเหรียญทั่วไป
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อมูลค่าของเหรียญยูโร
มูลค่าของเหรียญยูโรหายากเกิดจากองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำงานร่วมกัน:
- ปีที่ผลิต (Mint Year): เหรียญจากปีเริ่มต้นหรือปีที่ผลิตน้อยมักราคาพุ่ง
- จำนวนการผลิต (Mintage): ถ้าผลิตน้อย (Low Mintage) ก็ยิ่งหายากและแพงตามไปด้วย
- เหรียญที่ระลึก (Commemorative Editions): ประเทศในยูโรโซนชอบออกเหรียญ 2 ยูโรพิเศษสำหรับเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งทำจำนวนจำกัดและดีไซน์ไม่ซ้ำ เช่น จากโมนาโกหรือนครรัฐวาติกัน ที่นักสะสมไล่ล่ากันสนุก
- เหรียญผิดพลาด (Error Coins): ถ้ามีข้อผิดพลาดในการผลิต เช่น ลายกลับด้าน โลหะผิด หรือปั๊มไม่สมบูรณ์ ก็กลายเป็นไอเท็มสุดฮอตเพราะความเอกลักษณ์
- สภาพของเหรียญ (Condition): เหรียญที่ยังสมบูรณ์แบบ ไม่มีรอยสึกหรือเสียหาย จะขายได้ราคาดีกว่าแบบที่ใช้มานาน
ยกตัวอย่าง เหรียญ 2 ยูโรบางตัว ราคาพุ่งไปถึงหลักพันยูโรหรือมากกว่านั้น ขึ้นกับความหายากและสภาพ
การสะสมและการลงทุน: ความแตกต่างระหว่างเหรียญยูโรกับเหรียญทองคำ
ก่อนจะลงมือสะสมหรือลงทุน ต้องเข้าใจความต่างระหว่างสองประเภทนี้ให้ชัด:
- เหรียญยูโร (มูลค่าจากการสะสม): คุณค่ามาจากด้าน numismatic หรือคุณค่าของสะสม ซึ่งผูกกับความหายาก ประวัติ และความนิยมในตลาด มันเหมือนลงทุนในศิลปะที่อาจผันผวนตามกระแส
- เหรียญทองคำ (มูลค่าจากการลงทุนในโลหะมีค่า): หลักๆ มาจากเนื้อทองจริง (Intrinsic Value) ที่ผูกกับราคาตลาดโลก ทำให้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเศรษฐกิจปั่นป่วน เหมาะสำหรับรักษามูลค่ายาวๆ
การแยกแยะนี้จะช่วยให้คุณเลือกทางที่เหมาะกับเป้าหมาย ไม่ว่าจะสะสมเพื่อความสนุกหรือลงทุนเพื่อกำไร
ในประเทศไทย: คู่มือการซื้อและขายเหรียญทองคำต่างประเทศฉบับสมบูรณ์
ถ้าคุณอยู่ในไทยและสนใจซื้อขายเหรียญทองต่างประเทศ มีหลายเรื่องที่ต้องรู้เพื่อให้ทุกอย่างราบรื่น โดยเฉพาะแหล่งที่เชื่อถือได้และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
ร้านค้าทองคำและร้านรับซื้อเหรียญที่น่าเชื่อถือในประเทศไทย
การเลือกแหล่งซื้อขายที่น่าไว้วางใจคือขั้นตอนแรกที่สำคัญ:
- ร้านค้าทองคำ: ร้านดังอย่างห้างทองฮั่วเซ่งเฮง ห้างทองเยาวราชกรุงเทพ หรือห้างทองแม่ทองสุก มักรับซื้อขายทองแท่งและบางครั้งรวมถึงเหรียญต่างประเทศ อย่าลืมถามรายละเอียดและเช็คใบรับรอง
- ร้านรับซื้อเหรียญและของสะสม: มีร้านเฉพาะทางที่เชี่ยวชาญเหรียญเก่า ต่างประเทศ และสะสม ซึ่งช่วยประเมินมูลค่าได้แม่นยำ เลือกที่ชื่อเสียงดีและมีประสบการณ์นาน
- บริษัทประมูล: แพลตฟอร์มประมูลออนไลน์หรือบริษัทของสะสมที่น่าเชื่อถือ เป็นทางเลือกดีสำหรับหาเหรียญหายากหรือขายในราคาดี
ก่อนตัดสินใจ ควรเช็คราคาจากหลายที่และดูรีวิว เพื่อความมั่นใจ
ขั้นตอนการซื้อขาย ข้อควรระวัง และข้อกำหนดทางกฎหมาย
การทำธุรกรรมเหรียญทองต่างประเทศในไทยต้องคำนึงถึงหลายด้าน:
- การตรวจสอบความแท้: ก่อนซื้อ ให้นำเหรียญไปเช็คกับผู้เชี่ยวชาญหรือแล็บที่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันของปลอม
- ใบเสร็จและใบรับรอง: ขอเอกสารทุกครั้ง เพื่อใช้ยืนยันในภายหลัง
- ภาษี: อาจมี VAT หรือภาษีกำไรถ้าลงทุนใหญ่ ควรปรึกษานักบัญชี
- กฎหมายการนำเข้า-ส่งออก: การเคลื่อนย้ายเหรียญต้องตามกฎศุลกากร จาก ธนาคารแห่งประเทศไทย มีระเบียบเรื่องเงินตราต่างด้าวและโลหะมีค่า ศึกษาก่อนดีกว่า
- การป้องกันการฟอกเงิน (AML): ธุรกรรมใหญ่ๆ อาจต้องยืนยันตัวตน ร้านค้าจะขอข้อมูลเพื่อป้องกัน
- ข้อควรระวังเกี่ยวกับการหลอมเหรียญ: การหลอมเหรียญที่เป็น legal tender อาจถือเป็นทำลายทรัพย์รัฐ และมีโทษทางกฎหมายทั้งในไทยและต่างประเทศ
เข้าใจกฎเหล่านี้จะทำให้การซื้อขายของคุณปลอดภัยและไร้ปัญหา
บทสรุป: แยกแยะให้ชัดเจน สะสมอย่างชาญฉลาด
สรุปจากที่เล่ามา เหรียญยูโรสีทองไม่ใช่ทองแท้ แต่เป็นนอร์ดิคโกลด์ที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานจริง ส่วนเหรียญ 1 และ 2 ยูโรก็เป็นสองโลหะเพื่อความทนทานและป้องกันปลอม ไม่ใช่เพื่อมูลค่าทอง
การแยกเหรียญยูโรสีทองจากทองต่างประเทศแท้จึงต้องอาศัยการดูเครื่องหมาย น้ำหนัก ขนาด และทดสอบแม่เหล็ก แต่ทางที่ดีคือปรึกษาผู้รู้และซื้อจากแหล่งดี
สำหรับนักสะสม เหรียญยูโรหายากมีค่าจากความพิเศษ ไม่ใช่เนื้อทอง ซึ่งต่างจากการลงทุนทองที่ผูกกับตลาดโลก
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ “ยูโร เหรียญ ต่าง ประเทศ เนื้อ ทอง คํา” มากขึ้น และตัดสินใจสะสมหรือลงทุนในไทยได้อย่างชาญฉลาดและปลอดภัย
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. เหรียญยูโรไม่ผสมทองคำจริงหรือ? แล้วทำไมเหรียญ 10, 20, 50 เซนต์ยูโรถึงดูเหมือนสีทอง?
ถูกต้องครับ เหรียญยูโรไม่ผสมทองคำเลย เหรียญ 10, 20, 50 เซนต์ยูโรมีสีทองเนื่องจากทำจากโลหะผสมที่เรียกว่า “นอร์ดิคโกลด์” ซึ่งประกอบด้วยทองแดง อะลูมิเนียม สังกะสี และดีบุก โลหะผสมนี้ถูกเลือกใช้เพราะมีสีคล้ายทองคำ มีความทนทาน ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และป้องกันการปลอมแปลงได้ดี แต่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าทองคำมาก
2. นอกจากเหรียญทองคำแล้ว มีเหรียญต่างประเทศหายาก (รวมถึงยูโร) ชนิดใดบ้างที่ราคาสูงในตลาดสะสมของไทย?
ในตลาดสะสมของไทย เหรียญต่างประเทศหายากที่มีราคาสูงมักจะเป็นเหรียญที่มีจำนวนการผลิตน้อย เหรียญที่ระลึกพิเศษ หรือเหรียญที่มีข้อผิดพลาดในการผลิต ตัวอย่างเหรียญยูโรที่มีราคาสูง ได้แก่ เหรียญ 2 ยูโรที่ระลึกจากประเทศเล็กๆ เช่น โมนาโก นครรัฐวาติกัน หรือซานมารีโน รวมถึงเหรียญ 2 ยูโรที่มีข้อผิดพลาดในการผลิต นอกจากนี้ เหรียญเก่าจากประเทศต่างๆ ที่มีสภาพดีเยี่ยมและหายากก็เป็นที่ต้องการเช่นกัน
3. ในประเทศไทย ฉันควรไปที่ไหนเพื่อตรวจสอบหรือซื้อขายเหรียญทองคำต่างประเทศอย่างปลอดภัยและน่าเชื่อถือ?
คุณควรเลือกซื้อขายจากร้านค้าทองคำชั้นนำที่มีชื่อเสียง เช่น ห้างทองฮั่วเซ่งเฮง, ห้างทองเยาวราชกรุงเทพ หรือร้านรับซื้อเหรียญสะสมที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ยาวนาน ควรหลีกเลี่ยงการซื้อขายจากแหล่งที่ไม่รู้จักหรือไม่น่าเชื่อถือ และควรขอใบรับรองความแท้และใบเสร็จรับเงินทุกครั้ง
4. จะใช้วิธีง่ายๆ ในการตรวจสอบได้อย่างไรว่าเหรียญต่างประเทศที่อยู่ในมือเป็นทองคำแท้? (เช่น วิธีที่คนไทยนิยมใช้)
วิธีง่ายๆ ที่สามารถทำได้คือ:
- ตรวจสอบเครื่องหมาย: มองหาเครื่องหมายบ่งบอกความบริสุทธิ์ เช่น 999.9, 24K, 22K และชื่อโรงกษาปณ์
- ทดสอบด้วยแม่เหล็ก: ทองคำแท้จะไม่ถูกดูดด้วยแม่เหล็ก หากเหรียญถูกดูด แสดงว่าไม่ใช่ทองคำแท้หรือมีส่วนผสมโลหะอื่น
- เปรียบเทียบน้ำหนัก: เหรียญทองคำแท้จะมีน้ำหนักเฉพาะตัว หากรู้สึกเบาผิดปกติ อาจไม่ใช่ทองคำ
อย่างไรก็ตาม วิธีเหล่านี้เป็นเพียงการตรวจสอบเบื้องต้น เพื่อความมั่นใจ ควรนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบด้วยเครื่องมือเฉพาะทาง
5. การซื้อเหรียญทองคำต่างประเทศเพื่อการลงทุนในประเทศไทยต้องระวังเรื่องกฎหมายหรือภาษีอะไรบ้าง?
การซื้อขายทองคำในประเทศไทยอาจมีเรื่องภาษีที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือภาษีกำไรจากการลงทุนในกรณีที่เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี นอกจากนี้ การนำเข้า-ส่งออกเหรียญทองคำต่างประเทศอาจมีกฎระเบียบของกรมศุลกากรและธนาคารแห่งประเทศไทยที่ต้องปฏิบัติตาม และการทำธุรกรรมขนาดใหญ่อาจอยู่ภายใต้กฎหมายป้องกันการฟอกเงิน
6. มีคนพูดว่า “เหรียญ 2 ยูโร ราคาแพง” หรือ “เหรียญ 10 ยูโร 2002 ราคา” สูงมาก นี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่? มูลค่าของมันมาจากอะไร?
เป็นเรื่องจริงครับ เหรียญ 2 ยูโรบางรุ่นมีราคาสูงมากในตลาดนักสะสม เช่น เหรียญ 2 ยูโรที่ระลึกจากประเทศที่มีการผลิตน้อย (เช่น โมนาโก, นครรัฐวาติกัน) หรือเหรียญที่มีข้อผิดพลาดในการผลิต มูลค่าของมันไม่ได้มาจากเนื้อทองคำ (เพราะไม่มีทองคำ) แต่มาจากความหายาก จำนวนการผลิตที่จำกัด ความต้องการของนักสะสม และสภาพความสมบูรณ์ของเหรียญ
7. ถ้าฉันพบเหรียญต่างประเทศที่สงสัยว่าหายากหรือมีราคาสูงในประเทศไทย ควรทำอย่างไร?
หากคุณพบเหรียญต่างประเทศที่สงสัยว่าหายากหรือมีราคาสูง ควรปฏิบัติดังนี้:
- อย่าทำความสะอาด: การทำความสะอาดอาจทำให้เหรียญเสียหายและลดมูลค่าลง
- เก็บรักษาอย่างดี: ใส่ในซองหรือกล่องสำหรับเก็บเหรียญ เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: นำเหรียญไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเหรียญสะสมหรือร้านรับซื้อเหรียญที่มีชื่อเสียงประเมินมูลค่า
- หาข้อมูล: ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญรุ่นนั้นๆ เพื่อทำความเข้าใจถึงประวัติและความหายาก
8. การหลอมเหรียญยูโรเพื่อสกัดโลหะในประเทศไทยถูกกฎหมายหรือไม่? มีผลทางกฎหมายอะไรบ้าง?
การหลอมเหรียญที่เป็นเงินตราที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (Legal Tender) เพื่อสกัดโลหะ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญไทยหรือเหรียญต่างประเทศ อาจถือเป็นการทำลายทรัพย์สินของรัฐบาลหรือธนาคารกลาง และอาจมีผลทางกฎหมายตามมาในบางประเทศ สำหรับประเทศไทย การทำลายเงินตรา (เหรียญหรือธนบัตร) มีบทลงโทษตามกฎหมาย แม้ว่าเหรียญยูโรจะไม่มีทองคำ แต่การหลอมเพื่อสกัดโลหะอื่นก็ยังคงเป็นประเด็นทางกฎหมายที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ควรซื้อขายเหรียญตามช่องทางปกติที่ถูกต้องตามกฎหมาย