หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ: เจาะลึกความต่าง เลือกหุ้นแบบไหนให้ตอบโจทย์การลงทุนของคุณ

บทนำ: ทำความรู้จักหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ

ในแวดวงการลงทุนที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน การเข้าใจเครื่องมือทางการเงินพื้นฐานย่อมเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับนักลงทุนทุกประเภท โดยเฉพาะในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือที่รู้จักกันในชื่อ SET ซึ่งหุ้นถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก หุ้นเหล่านี้ไม่ใช่แค่เอกสารที่แสดงถึงส่วนแบ่งในบริษัท แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมโยงนักลงทุนเข้ากับโอกาสในการเติบโตและผลประกอบการขององค์กรนั้นๆ

ภาพประกอบใบหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิพร้อมแว่นขยายและนักลงทุนที่กำลังครุ่นคิด

บทความนี้จึงมุ่งนำเสนอความแตกต่างหลักระหว่างหุ้นสามัญกับหุ้นบุริมสิทธิ ครอบคลุมตั้งแต่คำอธิบายพื้นฐาน คุณลักษณะเด่น สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ ไปจนถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้น เราจะวิเคราะห์เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน พร้อมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและเคล็ดลับที่เหมาะกับนักลงทุนในไทย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจและมีข้อมูลครบถ้วน

หุ้นสามัญ คืออะไร?

หุ้นสามัญถือเป็นประเภทหุ้นพื้นฐานที่บริษัทส่วนใหญ่เลือกเสนอขายต่อสาธารณะ มันแทนถึงการเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัทโดยตรง และเป็นวิธีหลักที่องค์กรใช้ในการระดมทุนจากประชาชนทั่วไป ผู้ที่ถือหุ้นสามัญจึงกลายเป็นเจ้าของแท้จริงของบริษัท และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางธุรกิจผ่านสิทธิที่ได้รับ

ภาพประกอบนักลงทุนในห้องประชุมยกมือลงคะแนน แสดงถึงการมีส่วนร่วมของผู้ถือหุ้นสามัญ

คุณสมบัติและสิทธิของผู้ถือหุ้นสามัญ

ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับสิทธิพื้นฐานหลายอย่างที่สะท้อนถึงสถานะเจ้าของที่แท้จริง สิทธิที่โดดเด่นที่สุดคือสิทธิในการลงคะแนนเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งครอบคลุมเรื่องสำคัญๆ เช่น การเลือกคณะกรรมการบริหาร การอนุมัติงบประมาณ หรือการตัดสินใจเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ โดยปกติแล้ว แต่ละหุ้นจะมีหนึ่งเสียง ทำให้ผู้ถือหุ้นจำนวนมากมีน้ำหนักในการกำหนดนโยบายของบริษัท

นอกจากนั้น ผู้ถือหุ้นสามัญยังมีสิทธิรับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในรูปแบบเงินปันผล แต่การจ่ายเงินปันผลนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิได้รับส่วนของพวกเขาก่อนเสมอ และจำนวนเงินที่ได้จะขึ้นอยู่กับผลประกอบการรวมถึงมติของคณะกรรมการ หากบริษัททำกำไรได้ดีและเลือกจ่ายปันผลจำนวนมาก ผู้ถือหุ้นสามัญก็จะได้รับประโยชน์เต็มที่ แต่ถ้าผลประกอบการไม่เป็นดังหวังหรือบริษัทตัดสินใจไม่จ่ายปันผล ก็อาจไม่ได้รับอะไรเลย

สิทธิอีกประการคือสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มเมื่อบริษัทออกหุ้นใหม่ ซึ่งช่วยรักษาส่วนแบ่งความเป็นเจ้าของไม่ให้ถูกเจือจาง และเมื่อบริษัทต้องยุติกิจการ ผู้ถือหุ้นสามัญจะมีสิทธิในสินทรัพย์ที่เหลือหลังจากชำระหนี้ทั้งหมด แม้จะอยู่ในลำดับท้ายสุดหลังจากผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิและเจ้าหนี้

ภาพประกอบมือถือบัตรลงคะแนนข้างกองเหรียญและอาคารบริษัท แสดงถึงสิทธิของผู้ถือหุ้น

ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในหุ้นสามัญ

การเลือกลงทุนในหุ้นสามัญมาพร้อมทั้งโอกาสและความท้าทายที่นักลงทุนควรชั่งน้ำหนักให้ดี:

ข้อดี:

  • โอกาสเพิ่มมูลค่าทุน: หุ้นสามัญมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนสูงเมื่อบริษัทขยายตัว ราคาหุ้นอาจพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • การมีส่วนร่วมในบริหาร: สิทธิลงคะแนนช่วยให้คุณมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจสำคัญและแสดงจุดยืนต่อการดำเนินงานของบริษัท
  • รายได้จากปันผล: ถ้าบริษัทมีกำไรสม่ำเสมอและนโยบายจ่ายปันผลชัดเจน คุณจะได้รับกระแสเงินสดเป็นประจำ

ข้อเสีย:

  • ความผันผวนสูง: ราคาหุ้นสามัญมักแกว่งไกวตามสภาวะเศรษฐกิจ ตลาด และผลประกอบการ ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนหากราคาตก
  • ความเสี่ยงใหญ่: ถ้าบริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้เงินคืนเป็นคนสุดท้าย หลังจากเจ้าหนี้และหุ้นบุริมสิทธิ
  • ปันผลไม่แน่นอน: การจ่ายเงินปันผลขึ้นกับกำไรและนโยบายบริษัท ซึ่งอาจขาดหายไปในบางปี

หุ้นบุริมสิทธิ คืออะไร?

หุ้นบุริมสิทธิเป็นอีกประเภทหนึ่งที่ผสมผสานลักษณะของหุ้นสามัญกับตราสารหนี้ ผู้ถือหุ้นเหล่านี้ยังคงเป็นเจ้าของบริษัท แต่ได้รับสิทธิพิเศษเหนือกว่าผู้ถือหุ้นสามัญ โดยเฉพาะในด้านการรับปันผลและการคืนทุนเมื่อบริษัทปิดตัว ทำให้เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาความมั่นคงและรายได้คงที่มากกว่าความตื่นเต้นจากโอกาสเติบโต

คุณสมบัติและสิทธิพิเศษของผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ

จุดเด่นหลักของหุ้นบุริมสิทธิคือสิทธิรับปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ โดยมักกำหนดอัตราคงที่ไว้ล่วงหน้า ทำให้ได้รับเงินก่อนเสมอ แม้บริษัทจะมีกำไรจำกัด หากกำไรไม่พอจ่ายให้ทั้งหมด ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิก็ยังได้ก่อน

อีกทั้งยังมีสิทธิคืนทุนก่อนในกรณีบริษัทเลิกกิจการ โดยรับจากสินทรัพย์ก่อนหุ้นสามัญ แต่ยังตามหลังเจ้าหนี้นี้ช่วยลดความเสี่ยงการสูญเสียทุนเมื่อเทียบกับหุ้นสามัญ

อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิลงคะแนนในที่ประชุม เว้นแต่กรณีที่กระทบสิทธิของตนโดยตรง เช่น การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขปันผล ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารโดยตรง

ประเภทของหุ้นบุริมสิทธิที่ควรรู้ (สำหรับตลาดไทย)

หุ้นบุริมสิทธิมีหลายรูปแบบ แต่ละแบบมีลักษณะเฉพาะที่นักลงทุนไทยคว้าทำความรู้จักก่อนลงทุน:

  • หุ้นบุริมสิทธิชนิดสะสม: ถ้าบริษัทจ่ายปันผลไม่ครบในปีนั้น เงินที่ค้างจะสะสมไว้ จ่ายให้ก่อนหุ้นสามัญในภายหลัง
  • หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่สะสม: ถ้าไม่จ่ายในปีนั้น เงินปันผลนั้นหายไป ไม่มีการสะสม
  • หุ้นบุริมสิทธิชนิดไถ่ถอนได้: บริษัทสามารถซื้อคืนหุ้นได้ตามราคาที่กำหนด มักเกิดเมื่อดอกเบี้ยตลาดต่ำ บริษัทอาจไถ่เพื่อออกหุ้นใหม่ที่ปันผลต่ำกว่า
  • หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่ไถ่ถอนได้: บริษัทไม่สามารถซื้อคืนได้
  • หุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพได้: ผู้ถือสามารถแลกเป็นหุ้นสามัญตามเงื่อนไข ซึ่งเปิดโอกาสรับผลประโยชน์จากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นถ้าบริษัททำดี
  • หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่แปลงสภาพได้: ไม่สามารถแลกเป็นหุ้นสามัญ

ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิ

ข้อดี:

  • รายได้มั่นคง: ปันผลคงที่และได้ก่อนหุ้นสามัญ ทำให้คาดการณ์กระแสเงินสดได้ง่าย
  • เสี่ยงน้อยกว่า: ลำดับสิทธิสูงกว่าในปันผลและคืนทุน ลดโอกาสสูญเสียเมื่อบริษัทล้ม
  • เหมาะกับผู้ต้องการเงินสดประจำ: ดีสำหรับผู้เกษียณหรือคนที่อยากได้รายได้สม่ำเสมอ

ข้อเสีย:

  • โอกาสกำไรจากราคาจำกัด: ราคาหุ้นไม่ค่อยเพิ่มมาก เน้นปันผลมากกว่าการเติบโต
  • ไม่มีสิทธิลงคะแนน: ไม่ได้มีส่วนในบริหารบริษัท
  • อาจถูกไถ่คืน: บางประเภทบริษัทสามารถเรียกคืนได้ ซึ่งอาจบังคับให้ลงทุนใหม่ในสภาวะผลตอบแทนต่ำ

เปรียบเทียบชัดๆ: หุ้นสามัญ vs หุ้นบุริมสิทธิ

เพื่อช่วยให้นักลงทุนมองเห็นความต่างได้แจ่มชัด เราสรุปประเด็นสำคัญในตารางต่อไปนี้:

คุณสมบัติ หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ
สิทธิลงคะแนน มีสิทธิลงคะแนนในที่ประชุม (หนึ่งหุ้นหนึ่งเสียง) โดยทั่วไปไม่มี หรือมีเฉพาะกรณีกระทบสิทธิตน
เงินปันผล ได้หลังหุ้นบุริมสิทธิ อัตราไม่คงที่ ขึ้นกับกำไรและนโยบาย ได้ก่อนหุ้นสามัญ มักคงที่ มีแบบสะสมและไม่สะสม
ลำดับชำระบัญชี ลำดับสุดท้าย (หลังเจ้าหนี้และหุ้นบุริมสิทธิ) ก่อนหุ้นสามัญ (แต่หลังเจ้าหนี้)
โอกาสกำไร สูงจากราคาหุ้นที่เพิ่ม (capital appreciation) จำกัด เน้นปันผล
ความเสี่ยง สูง (ผันผวน ลำดับคืนทุนต่ำ) ต่ำกว่า (รายได้มั่นคง ลำดับคืนทุนสูงกว่า)
สภาพคล่อง สูงในตลาดรองไทย ต่ำกว่าหุ้นสามัญในตลาดไทย
สถานะเจ้าของ เจ้าของแท้ มีส่วนบริหาร เจ้าของพิเศษ ไม่มีส่วนบริหารโดยตรง

ในตลาดหุ้นไทย หุ้นสามัญมักมีสภาพคล่องสูงกว่ามาก เพราะมีการซื้อขายคึกคักและดึงดูดนักลงทุนที่ชื่นชอบการเติบโตของราคา ในทางตรงกันข้าม หุ้นบุริมสิทธิบางตัวอาจซื้อขายยาก ส่งผลต่อราคาในตลาดรอง

หุ้นกู้ หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ: เข้าใจความแตกต่างของเครื่องมือทางการเงิน

นอกจากเปรียบเทียบหุ้นสองประเภทนี้แล้ว นักลงทุนหลายคนยังอยากรู้จักความสัมพันธ์กับหุ้นกู้ ซึ่งเป็นตราสารหนี้ ในขณะที่หุ้นทั้งสองเป็นตราสารทุน การแยกแยะเหล่านี้ช่วยจัดพอร์ตลงทุนให้สมดุล

คุณสมบัติ หุ้นกู้ หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นสามัญ
สถานะ เจ้าหนี้บริษัท เจ้าของ (สิทธิพิเศษ) เจ้าของ
ผลตอบแทน ดอกเบี้ยคงที่ ปันผลคงที่ (มักคงที่) ปันผลไม่คงที่ + กำไรจากราคา
สิทธิลงคะแนน ไม่มี โดยทั่วไปไม่มี มี
ลำดับชำระเมื่อเลิกกิจการ ลำดับแรก (ก่อนหุ้นทั้งหมด) รองลงมา (ก่อนสามัญ หลังกู้) สุดท้าย
ความเสี่ยง ต่ำ (ถ้าบริษัทมั่นคง) ปานกลาง (ต่ำกว่าสามัญ สูงกว่ากู้) สูง
กำหนดไถ่ถอน มีวันครบกำหนด ไม่มี (บางชนิดไถ่ได้) ไม่มี

หุ้นกู้คือเครื่องมือที่บริษัทกู้เงินจากนักลงทุน โดยผู้ถือเป็นเจ้าหนี้ ได้รับดอกเบี้ยสม่ำเสมอและคืนเงินต้นเมื่อครบกำหนด ความเสี่ยงต่ำเพราะได้ชำระก่อนหากบริษัทล้ม

สรุปแล้ว หุ้นกู้เป็นหนี้ที่ต้องจ่ายคืนพร้อมดอกเบี้ยไม่ว่ากำไรหรือขาดทุน ส่วนหุ้นสามัญและบุริมสิทธิเป็นส่วนของเจ้าของ หุ้นบุริมสิทธิอยู่ตรงกลางระหว่างกู้กับสามัญ ให้ความมั่นคงรายได้แต่เสี่ยงกว่ากู้

กรณีศึกษาในตลาดหุ้นไทย: เมื่อบริษัทเลือกออกหุ้นแต่ละประเภท

การตัดสินใจออกหุ้นสามัญหรือบุริมสิทธิของบริษัทจดทะเบียนใน SET มักสะท้อนวัตถุประสงค์ระดมทุนและโครงสร้างทุนที่แตกต่าง

  • การออกหุ้นสามัญ: บริษัทที่กำลังเติบโตหรือมีศักยภาพสูง เช่น ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีหรือกลุ่มขยายตัวเร็ว มักเลือกหุ้นสามัญเพื่อดึงดูดนักลงทุนที่อยากได้กำไรจากราคาที่เพิ่มและมีส่วนเป็นเจ้าของ ตัวอย่างเช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) ซึ่งหุ้นสามัญเป็นหลักในการซื้อขาย บริษัทเหล่านี้ยอมแบ่งสิทธิลงคะแนนและกำไรอนาคตเพื่อแลกทุนขยายกิจการ

ในทางกลับกัน การออกหุ้นบุริมสิทธิพบได้ในบริษัทมั่นคงที่มีกระแสเงินสดแน่นอน เช่น ธนาคารหรือสาธารณูปโภค เพื่อระดมทุนโดยไม่แบ่งอำนาจควบคุมให้ผู้ถือใหม่ และดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการรายได้คงที่เสี่ยงต่ำ ตัวอย่างเก่าๆ อย่างธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) หรือธนาคารกรุงเทพ (BBL) ที่เคยออกหุ้นบุริมสิทธิ ยอดนิยมในช่วงดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมฐานทุนโดยไม่กระทบสิทธิผู้ถือสามัญเดิม

จากข้อมูล SET หุ้นสามัญครองการซื้อขายและจดทะเบียนส่วนใหญ่ เพราะตอบโจทย์การเติบโตกว้าง แต่หุ้นบุริมสิทธิยังเป็นตัวเลือกสำหรับบริษัทเฉพาะและนักลงทุนที่มองความแน่นอน ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

คำแนะนำสำหรับนักลงทุนไทย: เลือกหุ้นแบบไหนดี?

การเลือกหุ้นสามัญหรือบุริมสิทธิขึ้นกับเป้าหมาย เสี่ยงที่รับได้ และระยะเวลาลงทุน นี่คือแนวทางสำหรับนักลงทุนไทย:

  1. พิจารณาเป้าหมาย:
    • ถ้าต้องการเติบโตทุนและรับเสี่ยงสูง หุ้นสามัญเหมาะเพราะมีโอกาสกำไรจากราคาและสิทธิบริหาร
    • ถ้าต้องการรายได้คงที่เสี่ยงปานกลาง หุ้นบุริมสิทธิตอบโจทย์ ด้วยปันผลก่อนและคงที่ เหมาะผู้วางแผนเกษียณ
  2. ประเมินเสี่ยง:
    • มือใหม่หรือรับเสี่ยงน้อย เลือกหุ้นบุริมสิทธิที่มั่นคงกว่า
    • มีประสบการณ์รับเสี่ยงสูง ลองหุ้นสามัญเพื่อผลตอบแทนใหญ่
  3. สภาพคล่อง:
    • หุ้นสามัญซื้อขายง่ายในไทย
    • หุ้นบุริมสิทธิบางตัวคล่องต่ำ อาจลำบากตอนขาย
  4. สิทธิและหน้าที่:
    • อยากมีส่วนตัดสินใจ เลือกหุ้นสามัญ
    • เน้นผลตอบแทนไม่ยุ่งบริหาร หุ้นบุริมสิทธิเหมาะ
  5. กระจายเสี่ยง: ไม่ว่าจะเลือกอะไร ควรกระจายไปหลายประเภท อุตสาหกรรม หรือผสมกับหุ้นกู้ กองทุน เพื่อลดเสี่ยงรวม
  6. ภาษีปันผล: ในไทย ปันผลจากหุ้นทั้งสองหักภาษี 10% ที่จ่าย สามารถรวมคำนวณภาษีบุคคลตอนสิ้นปีเพื่อขอคืน (ถ้าได้) หรือปล่อยให้หักไปเลย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญภาษี ข้อมูลเพิ่มจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

สรุปและข้อคิด

หุ้นสามัญและบุริมสิทธิเป็นเครื่องมือหลักในตลาดทุน แต่ละแบบมีลักษณะ สิทธิ และเสี่ยงที่ต่างกันชัดเจน การรู้จักความต่างเหล่านี้เป็นฐานสำคัญในการเลือกเครื่องมือที่ตรงกับเป้าหมายและสถานการณ์ส่วนตัว

หุ้นสามัญเปิดโอกาสเติบโตทุนและสิทธิลงคะแนน แต่ผันผวนและเสี่ยงสูง ส่วนหุ้นบุริมสิทธิให้รายได้มั่นคงด้วยปันผลสม่ำเสมอและลำดับคืนทุนดีกว่า แต่โอกาสราคาเพิ่มจำกัดและไร้สิทธิบริหาร

ก่อนลงทุนใดๆ ควรศึกษาบริษัทละเอียด ประเมินเสี่ยงที่รับได้ และคิดถึงเป้าหมายตัวเอง การปรึกษาที่ปรึกษาการเงินจะช่วยวางแผนให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุด

1. หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิออกเสียงหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว หุ้นบุริมสิทธิจะไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท เว้นแต่ในกรณีพิเศษที่การตัดสินใจนั้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิเท่านั้น

2. หุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ ต่างกันอย่างไรในแง่ของเงินปันผล?

หุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินปันผลก่อนหุ้นสามัญ และมักจะได้รับในอัตราที่คงที่ตามที่กำหนดไว้ ในขณะที่หุ้นสามัญจะได้รับเงินปันผลหลังจากที่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิได้รับแล้ว และจำนวนเงินปันผลจะแปรผันตามผลประกอบการและนโยบายการจ่ายปันผลของบริษัท

3. ถ้าบริษัทเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นประเภทใดจะได้รับเงินคืนก่อน?

เมื่อบริษัทเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับคืนเงินทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ แต่ยังคงอยู่ในลำดับที่ตามหลังเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นกู้

4. หุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพได้คืออะไร และมีข้อดีอย่างไรสำหรับนักลงทุนไทย?

หุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพได้คือหุ้นที่ผู้ถือมีสิทธิแปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด ข้อดีสำหรับนักลงทุนไทยคือ เป็นการผสมผสานความมั่นคงของรายได้จากเงินปันผลคงที่ของหุ้นบุริมสิทธิ กับโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการเติบโตของราคาหุ้นสามัญหากบริษัทมีผลประกอบการที่ดี

5. การลงทุนในหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ แบบไหนเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ในตลาดหุ้นไทยมากกว่ากัน?

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ในตลาดหุ้นไทยที่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับความผันผวนสูง หุ้นบุริมสิทธิอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากให้ความมั่นคงด้านรายได้จากเงินปันผลและมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นสามัญ อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจทั้งสองประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจลงทุน

6. บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไทยนิยมออกหุ้นบุริมสิทธิเพื่อวัตถุประสงค์ใด?

บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไทยมักออกหุ้นบุริมสิทธิเพื่อระดมทุนโดยไม่ต้องการให้สิทธิในการออกเสียงแก่ผู้ลงทุนรายใหม่ และเพื่อดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการรายได้ที่สม่ำเสมอและมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นสามัญ มักพบในสถาบันการเงินหรือบริษัทที่มีความมั่นคงสูง

7. เงินปันผลจากหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ ต้องเสียภาษีในประเทศไทยอย่างไร?

เงินปันผลจากทั้งหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในประเทศไทยจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 นักลงทุนสามารถเลือกที่จะไม่นำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตอนสิ้นปี หรือนำมารวมเพื่อขอคืนภาษีได้ (ถ้ามี) ขึ้นอยู่กับรายได้รวม

8. หุ้นบุริมสิทธิมีสภาพคล่องในตลาดรอง (Secondary Market) ของไทยมากน้อยแค่ไหน?

สภาพคล่องของหุ้นบุริมสิทธิในตลาดรองของไทยโดยทั่วไปจะต่ำกว่าหุ้นสามัญอย่างมาก เนื่องจากมีจำนวนการซื้อขายที่น้อยกว่า ทำให้การซื้อขายอาจทำได้ยากและอาจส่งผลต่อราคาขายได้

9. มีโอกาสที่หุ้นบุริมสิทธิจะถูกแปลงเป็นหุ้นสามัญหรือไม่?

ใช่ มีโอกาสที่หุ้นบุริมสิทธิจะถูกแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ หากเป็นหุ้นบุริมสิทธิชนิดแปลงสภาพได้ (Convertible Preferred Shares) ซึ่งผู้ถือหุ้นสามารถใช้สิทธิแปลงสภาพได้ตามอัตราและเงื่อนไขที่บริษัทกำหนดไว้

10. ควรพิจารณาอะไรบ้างก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทไทย?

ก่อนลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทไทย ควรพิจารณาถึงอัตราเงินปันผลที่เสนอ, ประเภทของหุ้นบุริมสิทธิ (สะสม/ไม่สะสม, ไถ่ถอนได้/ไม่ได้, แปลงสภาพได้/ไม่ได้), ความมั่นคงทางการเงินของบริษัทผู้ออก, สภาพคล่องในตลาดรอง, และเป้าหมายการลงทุนส่วนบุคคลของคุณ

More From Author

เครื่องมือในการบริหารจัดการเงิน: 5 วิธีแสดงสภาพคล่องธุรกิจคุณให้เห็นชัดเจน

ตราสารเงิน คืออะไร? 5 สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ต้องรู้เพื่อสร้างผลตอบแทนมั่นคง

發佈留言