RMB ย่อมาจากอะไร? ความหมายและที่มาของ “หยวน”
หลายคนอาจสงสัยว่า RMB คืออะไรกันแน่ คำตอบคือมันย่อมาจาก Renminbi ซึ่งเป็นชื่อทางการของสกุลเงินที่ใช้ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ชาวไทยส่วนใหญ่มักรู้จักในชื่อเงินหยวน Renminbi แปลว่า “เงินของประชาชน” และเป็นสกุลเงินหลักที่หมุนเวียนในแผ่นดินใหญ่ของจีน

ส่วนคำว่า “หยวน” หรือ Yuan ไม่ได้หมายถึงชื่อสกุลเงินโดยตรง แต่เป็นหน่วยวัดมูลค่าของ Renminbi คล้ายกับที่บาทเป็นหน่วยของเงินบาทไทย หรือดอลลาร์เป็นหน่วยของเงินดอลลาร์อเมริกัน ดังนั้น เมื่อพูดถึง “1 หยวน” ก็คือเงิน Renminbi หนึ่งหน่วยนั่นเอง
ธนาคารกลางของจีนที่ชื่อ ธนาคารประชาชนจีน (People’s Bank of China) เป็นผู้รับผิดชอบในการออกและจัดการสกุลเงินนี้ เพื่อควบคุมปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจให้สมดุล
CNY คืออะไร? รหัสสากลของเงินหยวนจีน
CNY ย่อมาจาก Chinese Yuan ซึ่งเป็นรหัสมาตรฐานสากลตาม ISO 4217 สำหรับสกุลเงินจีน ใช้ในการระบุในตลาดการเงินทั่วโลกและธุรกรรมข้ามพรมแดน มาตรฐาน ISO 4217 นี้กำหนดรหัสสามตัวอักษรให้กับสกุลเงินต่างๆ เพื่อให้การสื่อสารทางการเงินชัดเจนและลดโอกาสเกิดความเข้าใจผิดในการแลกเปลี่ยนเงิน

ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน การเทรดค่าเงิน หรือดูอัตราแลกเปลี่ยนจากธนาคารและสถาบันการเงินระหว่างประเทศ คุณมักจะเจอรหัส CNY บ่อยๆ มันช่วยให้ทุกอย่างในวงการการเงินโลกเป็นมาตรฐานเดียวกัน ทำให้การทำงานราบรื่นยิ่งขึ้น
ถึงแม้ RMB กับ CNY จะชี้ถึงสกุลเงินเดียวกัน แต่การนำไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ อาจต่างกันนิดหน่อย ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยหลายคนชอบงง
ความแตกต่างที่สำคัญ: RMB กับ CNY เหมือนกันไหม?
พื้นฐานแล้ว RMB และ CNY หมายถึงเงินของจีนทั้งคู่ แต่จุดต่างหลักๆ อยู่ที่การใช้งานและตลาดที่เกี่ยวข้อง

- RMB (Renminbi): เป็นชื่อทั่วไปที่ใช้ในจีนแผ่นดินใหญ่ ชาวจีนเรียกสกุลเงินตัวเองว่า Renminbi หรือ Yuan ในชีวิตประจำวัน
- CNY (Chinese Yuan): เป็นรหัส ISO สำหรับตลาดระหว่างประเทศ ใช้ในการอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน ทำธุรกรรมข้ามชาติ และรายงานการเงิน โดยเฉพาะ CNY ยังหมายถึงหยวนในตลาดในประเทศ (Onshore Yuan) ที่ซื้อขายภายใต้การกำกับของธนาคารกลางจีน
อีกประเด็นสำคัญคือเรื่องตลาดในประเทศ (Onshore) กับนอกประเทศ (Offshore)
- CNY (Onshore Yuan): หยวนที่หมุนเวียนในจีนแผ่นดินใหญ่ อัตราแลกเปลี่ยนถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยธนาคารประชาชนจีน
- CNH (Offshore Yuan): หยวนที่ซื้อขายนอกจีน เช่น ในฮ่องกง สิงคโปร์ หรือลอนดอน อัตราแลกเปลี่ยนยืดหยุ่นกว่า ขึ้นอยู่กับกลไกตลาดโดยตรง ไม่ถูกควบคุมจากธนาคารกลาง สำหรับคนไทยที่แลกเงินเพื่อเที่ยวหรือทำธุรกิจในจีนแผ่นดินใหญ่ มักเกี่ยวข้องกับ CNY แต่ถ้าทำธุรกรรมกับบริษัทจีนนอกแผ่นดินใหญ่ อาจต้องใช้ CNH
โดยสรุป สำหรับคนไทยทั่วไปที่ไม่ยุ่งกับธุรกรรมซับซ้อน RMB กับ CNY สามารถใช้แทนกันได้ในความหมายเงินหยวนจีน แต่ในทางเทคนิคทางการเงินระหว่างประเทศ CNY คือรหัสหลักที่ใช้กัน
สัญลักษณ์เงินหยวนจีน (¥) มีความหมายอย่างไร?
เครื่องหมาย “¥” คือสัญลักษณ์ของเงินหยวนจีน ซึ่งคล้ายกับสัญลักษณ์เงินเยนญี่ปุ่นมาก จุดต่างที่สังเกตได้คือ ¥ ของหยวนมักมีเส้นขวางเดียวตัดผ่านตัว Y ส่วนเยนอาจมีเส้นเดียวหรือสองเส้น แต่เพื่อความชัดเจน ในเอกสารทางการเงินมักระบุรหัส CNY หรือ JPY ควบคู่ไปด้วย
สัญลักษณ์นี้แพร่หลายทั่วโลก ใช้แสดงมูลค่าเงินหยวนในใบเสร็จ เอกสารการเงิน หรือราคาสินค้า
RMB กับ CNY ในบริบทของคนไทย: การแลกเปลี่ยนและการใช้งานจริง
คนไทยที่ต้องติดต่อกับเงินจีน ไม่ว่าจะเที่ยว ซื้อของออนไลน์จากจีน หรือทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออก การรู้จักความสัมพันธ์ระหว่าง RMB กับ CNY ถือว่าสำคัญมาก เพราะช่วยให้จัดการเงินได้คล่องตัว
สมมติคุณไปเที่ยวหรือทำธุรกิจในจีน หรือสั่งสินค้าจาก Taobao Alibaba สกุลเงินจริงที่ใช้คือ Renminbi (RMB) แต่พอไปแลกเงินที่ธนาคารหรือร้านในไทย จะเห็นป้ายอัตราแลกเปลี่ยนใช้รหัส “CNY” ซึ่งอ้างอิงจากหยวนในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่
ช่องทางการแลกเปลี่ยนเงินหยวนในประเทศไทย
ในไทย มีหลายทางเลือกในการแลกเงินหยวน (CNY) ดังนี้
- ธนาคารพาณิชย์: ธนาคารใหญ่ๆ เช่น ธนาคารกสิกรไทย (Kasikornbank), ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB), ธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank) ให้บริการแลกหยวนเป็นบาท หรือบาทเป็นหยวน โดยใช้อัตรากลางตลาด
- ร้านแลกเงิน: ร้านเอกชนอย่าง SuperRich หรือ Grand Superrich มักให้อัตราดีกว่าธนาคาร โดยเฉพาะถ้าแลกจำนวนมาก
- บริการโอนเงินระหว่างประเทศ: ถ้าต้องโอนเงินไปจีนหรือรับจากจีน Wise (เดิม TransferWise) เป็นตัวเลือกยอดนิยม เพราะค่าธรรมเนียมชัดเจนและอัตราแข่งขัน สามารถเช็คและโอนผ่านแอปหรือเว็บได้ง่าย
การตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยน THB กับ CNY/RMB
การเช็คอัตราแลกเปลี่ยนช่วยให้วางแผนการเงินได้ดี ไม่ว่าจะใช้จ่ายหรือทำธุรกิจ วิธีเช็คมีหลายแบบ
- เว็บไซต์ธนาคาร: ดูอัตรารายวันจากเว็บธนาคารไทยต่างๆ
- เว็บไซต์ร้านแลกเงิน: เปรียบเทียบอัตราจากร้านเอกชน
- แอปหรือเว็บเปรียบเทียบ: เช่น Wise สำหรับอัตรากลางและค่าธรรมเนียม Google Finance หรือแอปอื่นๆ เพื่อภาพรวมตลาด
ข้อควรพิจารณาสำหรับคนไทย
- ค่าธรรมเนียม: แต่ละช่องทางมีค่าต่างกัน ควรเปรียบเทียบก่อน
- อัตราแลกเปลี่ยน: ค่าเงินเปลี่ยนแปลงบ่อย ติดตามและแลกตอนที่เหมาะสม
- การชำระเงินในจีน: ชาวจีนนิยมจ่ายผ่านมือถืออย่าง WeChat Pay หรือ Alipay นักท่องเที่ยวไทยสามารถลิงก์บัตรเครดิตไทยกับแอปเหล่านี้ หรือใช้บริการจากธนาคารไทยที่รองรับ เช่น KBank K+ ในจีน
- ข้อจำกัดนำเข้า/ส่งออกเงิน: จีนมีกติกาเรื่องจำนวนเงินสดที่นำเข้า-ออก ควรเช็คกับศุลกากรก่อนไป
ประวัติโดยย่อและการยอมรับในระดับสากลของเงินหยวน
เงินหยวนหรือ Renminbi มีประวัติยาวนาน เริ่มใช้ครั้งแรกปี 1948 ก่อนก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยธนาคารประชาชนจีน เพื่อรวมสกุลเงินกระจัดกระจายในสมัยนั้น ตลอดหลายสิบปี เงินหยวนผ่านการปฏิรูปหลายครั้งเพื่อให้เข้ากับเศรษฐกิจจีนที่เติบโต
จุดเปลี่ยนใหญ่คือปี 2016 เมื่อ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รับเงินหยวน (CNY) เข้าตะกร้า SDR (Special Drawing Rights) ซึ่งเป็นสินทรัพย์สำรองนานาชาติ SDR ประกอบด้วยสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์ ยูโร เยน และปอนด์ การยอมรับนี้แสดงถึงบทบาทเพิ่มขึ้นของจีนในเศรษฐกิจโลก
การเข้าร่วม SDR ทำให้เงินหยวนน่าเชื่อถือมากขึ้นในฐานะสกุลเงินสำรองและลงทุน หลายประเทศเริ่มถือเงินหยวนในทุนสำรอง ส่งผลให้มีบทบาทเด่นในค้าขายและลงทุนข้ามชาติมากกว่าเดิม
สรุป: RMB, CNY และหยวน คุณเข้าใจถูกต้องแล้วหรือยัง?
สรุปสำหรับคนไทยที่เกี่ยวข้องกับเงินจีน สิ่งที่ควรรู้คือ
- RMB (Renminbi) ชื่อทางการที่คนจีนใช้ในชีวิตประจำวัน
- หยวน (Yuan) หน่วยนับของ Renminbi
- CNY (Chinese Yuan) รหัส ISO สำหรับตลาดระหว่างประเทศ หมายถึงหยวนในตลาดในประเทศ (Onshore Yuan)
- CNH (Offshore Yuan) หยวนนอกจีน ยืดหยุ่นกว่า CNY
โดยทั่วไป สำหรับเที่ยวหรือค้าปลีกในจีน ใช้ RMB หรือหยวนได้สบาย แต่ธุรกรรมทางการเงินหรือเช็คอัตราที่ธนาคาร จะเจอ CNY เป็นหลัก การรู้จุดต่างเหล่านี้ช่วยให้หลีกเลี่ยงความสับสนและจัดการเงินจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
RMB กับ CNY ต่างกันยังไงเมื่อคนไทยจะไปเที่ยวจีน หรือทำธุรกิจกับจีน?
พื้นฐานแล้ว RMB กับ CNY ชี้ถึงเงินหยวนจีนสกุลเดียวกัน
- RMB (Renminbi) เป็นชื่อทางการและคำที่คนจีนใช้ในชีวิตประจำวัน
- CNY (Chinese Yuan) เป็นรหัสสากลสำหรับธุรกรรมการเงินข้ามชาติและแสดงอัตราแลกเปลี่ยนในธนาคารหรือร้านแลกเงินไทย
ดังนั้น คนไทยไปเที่ยวจีนก็ใช้เงิน RMB แต่พอแลกในไทยจะเห็นอัตรา CNY
1 หยวนจีน (RMB/CNY) มีค่าเท่ากับกี่บาทไทยในปัจจุบัน และดูอัตราแลกเปลี่ยนได้จากที่ไหนบ้าง?
อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวนกับบาทไทยเปลี่ยนแปลงตลอด คุณเช็คล่าสุดได้จาก
- เว็บธนาคารไทย เช่น ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์
- เว็บร้านแลกเงินเอกชน เช่น SuperRich
- แอปหรือเว็บเปรียบเทียบ เช่น Wise (เดิม TransferWise) หรือ Google Finance
ในประเทศไทย มีธนาคารหรือจุดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศใดบ้างที่รับแลกเงินหยวนเป็นเงินบาท?
ธนาคารพาณิชย์หลักๆ ในไทย เช่น ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกรุงไทย ให้บริการแลกหยวนเป็นบาทและบาทเป็นหยวน รวมถึงร้านแลกเงินเอกชนใหญ่ๆ ก็ทำได้เหมือนกัน
หากต้องการโอนเงินหยวนจากจีนมาไทย หรือจากไทยไปจีน ควรใช้รหัสสกุลเงิน RMB หรือ CNY ในการทำธุรกรรม?
สำหรับธุรกรรมข้ามชาติอย่างการโอนเงิน ควรใช้รหัส CNY (Chinese Yuan) เพราะเป็นมาตรฐาน ISO 4217 ในระบบการเงินโลก ช่วยให้ทำได้ถูกต้องและไม่สับสน
การใช้บัตรเครดิต/เดบิตไทย หรือแอปพลิเคชัน Mobile Banking ในจีน มีข้อจำกัดหรือค่าธรรมเนียมอะไรที่คนไทยควรรู้บ้าง?
บัตรเครดิต/เดบิตไทยในจีนอาจมีค่าธรรมเนียมแปลงสกุล (FX Fee) ราว 2-2.5% และไม่ใช้ได้ทุกที่ เพราะจีนนิยมจ่ายผ่านมือถือ (WeChat Pay, Alipay)
แอป Mobile Banking ไทยบางตัว เช่น KBank K+ รองรับจ่าย QR ในจีน แต่มีเงื่อนไข ควรเช็คกับธนาคารก่อนไป
เงินหยวนดิจิทัล (e-CNY) คืออะไร และคนไทยสามารถใช้งาน หรือแลกเปลี่ยนได้หรือไม่?
เงินหยวนดิจิทัล (e-CNY) หรือ DCEP เป็นสกุลเงินดิจิทัลจากธนาคารประชาชนจีน มีสถานะเท่าเงินกระดาษ
ตอนนี้ยังทดลองใช้ในจีนเท่านั้น คนไทยทั่วไปยังเข้าถึงไม่ได้อย่างเป็นทางการ มักจำกัดผู้ใช้ในโครงการทดลอง
ทำไมบางครั้งถึงเห็นรหัสสกุลเงิน CNH ในตลาดการเงิน และมีความแตกต่างกับ CNY อย่างไรสำหรับนักลงทุนไทย?
CNH คือ Chinese Yuan Offshore หยวนที่ซื้อขายนอกจีนแผ่นดินใหญ่ เช่น ฮ่องกง ขณะที่ CNY คือ Onshore ในจีน
สำหรับนักลงทุนไทย CNH สำคัญเพราะเปิดทางให้เข้าถึงหยวนง่ายขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนยืดหยุ่นตามตลาด มากกว่า CNY ที่ธนาคารกลางควบคุม
การลงทุนในสกุลเงินหยวนมีความเสี่ยงหรือผลตอบแทนอย่างไรสำหรับคนไทยที่สนใจ?
ลงทุนในหยวนมีทั้งโอกาสกำไรและความเสี่ยง กำไรอาจจากหยวนแข็งค่ากับบาท แต่เสี่ยงอ่อนค่าและนโยบายเศรษฐกิจจีน
คนไทยสนใจควรศึกษาลึก ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และประเมินความเสี่ยง เพราะค่าเงินต่างชาติตลกตัวสูง
มีข้อควรระวังอะไรบ้างเมื่อคนไทยแลกเปลี่ยนหรือใช้จ่ายเงินหยวน เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนหลอก?
เพื่อไม่โดนหลอก ควรทำตามนี้
- แลกกับธนาคารหรือร้านที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
- เช็คอัตราก่อน และระวังอัตราผิดปกติ
- นับเงินให้ครบและตรวจธนบัตรปลอม (ดูลายน้ำ เนื้อสัมผัส แถบโลหะ)
- อย่าแลกกับคนแปลกหน้าในที่สาธารณะ
- ระวังจ่ายผ่านช่องทางไม่น่าเชื่อถือหรือ QR ที่ไม่รู้ที่มา
สัญลักษณ์เงินหยวน (¥) กับเงินเยนญี่ปุ่น (¥) แตกต่างกันอย่างไร และจะแยกแยะได้อย่างไร?
ทั้งสองใช้ “¥” เหมือนกัน อาจงงได้
โดยทั่วไป
- ¥ หยวนจีน: เส้นขวาง 1 เส้นตัด Y
- ¥ เยนญี่ปุ่น: เส้น 1 หรือ 2 เส้นตัด Y
แยกดีที่สุดคือดูบริบทหรือรหัส เช่น CNY สำหรับหยวน JPY สำหรับเยน