Inverse Head and Shoulders: 5 สัญญาณสำคัญที่นักลงทุนไทยต้องรู้เพื่อจับจังหวะกลับตัวเป็นขาขึ้น

อะไรคือรูปแบบ Inverse Head and Shoulders?

ในแวดวงการวิเคราะห์ทางเทคนิค รูปแบบ Inverse Head and Shoulders หรือที่รู้จักกันในชื่อหัวและไหล่กลับหัว ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่ช่วยบ่งบอกถึงการพลิกกลับของแนวโน้ม จากขาลงสู่ขาขึ้น นักลงทุนจำนวนมากนำรูปแบบนี้มาใช้เพื่อค้นหาจุดต่ำสุดของราคาหุ้น และโอกาสที่น่าจะเข้าซื้อได้กำไร โดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทยหรือ SET ที่ซึ่งการจับสัญญาณการเปลี่ยนทิศทางสามารถสร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อการตัดสินใจลงทุน หากเข้าใจรูปแบบนี้อย่างลึกซึ้ง นักลงทุนไทยจะสามารถจับจังหวะการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้การซื้อขายมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

กราฟตลาดหุ้นแสดงรูปแบบ Inverse Head and Shoulders การพลิกกลับขาขึ้นในตลาดไทย

การวิเคราะห์เชิงลึกของรูปแบบ Inverse Head and Shoulders: ส่วนประกอบหลักและลักษณะที่ควรสังเกต

รูปแบบ Inverse Head and Shoulders ประกอบด้วยส่วนสำคัญสามส่วนหลัก ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิทยาของผู้เข้าร่วมตลาด จากการครอบงำโดยแรงขาย สู่การเริ่มต้นของแรงซื้อที่แข็งแกร่งขึ้น การทำความเข้าใจแต่ละส่วนจะช่วยให้นักลงทุนระบุรูปแบบนี้ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

กราฟละเอียดแสดงไหล่ซ้าย หัว ไหล่ขวา และเส้น Neckline พร้อมแท่งปริมาณการซื้อขาย

ไหล่ซ้าย

ไหล่ซ้ายคือจุดต่ำสุดครั้งแรกที่เกิดขึ้น หลังจากแนวโน้มขาลงดำเนินไปสักพัก ราคามักจะร่วงลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่ราคาเริ่มเด้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตกลงอีกครั้ง การเด้งขึ้นนี้อาจบ่งบอกถึงความพยายามเบื้องต้นของผู้ซื้อที่พยายามแทรกซึมเข้ามาในตลาด แต่ยังไม่เพียงพอที่จะพลิกทิศทางได้ ปริมาณการซื้อขายมักจะสูงในช่วงที่ราคาลง และลดลงบ้างเมื่อราคาเด้งขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงขายยังคงมีอิทธิพลเหนือกว่า

หัว

หัวคือจุดต่ำสุดครั้งที่สองและต่ำที่สุดในรูปแบบทั้งหมด โดยราคาจะลงต่ำกว่าระดับของไหล่ซ้ายอย่างชัดเจน จุดนี้มักสะท้อนถึงความสิ้นหวังในตลาด ซึ่งเป็นช่วงที่แรงขายพุ่งถึงจุดสูงสุด นักลงทุนบางส่วนอาจยอมแพ้และเทขายหุ้นออกไป ส่งผลให้ราคาดิ่งลงสู่จุดต่ำสุด แต่เมื่อราคาเริ่มเด้งขึ้นจากจุดนี้อย่างรวดเร็ว มันบ่งชี้ว่าผู้ซื้อเริ่มเข้ามาในปริมาณที่มากพอสมควร ปริมาณการซื้อขายอาจพุ่งสูงในช่วงราคาต่ำสุด และค่อยๆ ลดลงเมื่อราคาฟื้นตัว แสดงถึงการอ่อนแรงของฝ่ายขาย

ไหล่ขวา

ไหล่ขวาคือจุดต่ำสุดครั้งที่สาม โดยราคาจะลงมาในระดับที่สูงกว่าหัว และใกล้เคียงกับไหล่ซ้าย การที่ราคาไม่สามารถสร้างจุดต่ำใหม่ที่ต่ำกว่าหัวได้ ชี้ให้เห็นว่าฝ่ายขายกำลังอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ฝ่ายซื้อเริ่มเข้าควบคุม ปริมาณการซื้อขายมักจะต่ำในช่วงสร้างไหล่ขวา แต่จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อราคาเด้งจากไหล่ขวาและเข้าใกล้เส้น Neckline ซึ่งเป็นสัญญาณยืนยันการพลิกกลับ

เส้น Neckline

เส้น Neckline หรือเส้นคอ เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการยืนยันรูปแบบนี้ โดยลากเชื่อมจุดสูงสุดสองจุด ระหว่างไหล่ซ้ายกับหัว และหัวกับไหล่ขวา เส้นนี้อาจเป็นเส้นตรงหรือเอียงขึ้นลงเล็กน้อย เมื่อราคาทะลุเส้น Neckline ขึ้นไปพร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมาก นั่นคือสัญญาณยืนยันการพลิกเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่ง หลังทะลุผ่าน เส้นนี้จะเปลี่ยนจากแนวต้านเป็นแนวรับ หากเส้นมีชันขึ้นเล็กน้อย สัญญาณจะยิ่งน่าเชื่อถือมากขึ้น

ทำไมรูปแบบ Inverse Head and Shoulders ถึงบ่งบอกถึงการพลิกกลับเป็นขาขึ้น? วิเคราะห์จิตวิทยาตลาด

รูปแบบ Inverse Head and Shoulders ไม่ใช่แค่เส้นกราฟธรรมดา แต่เป็นภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงจิตวิทยาในตลาดอย่างลึกซึ้ง การเข้าใจที่มาของมันจะช่วยให้นักลงทุนตีความสัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพแสดงการเปลี่ยนแปลงจิตวิทยาตลาดจากการเทขายด้วยความตื่นตระหนกสู่ความมั่นใจของผู้ซื้อในรูปแบบขาขึ้น

ในช่วงที่ราคาร่วงลงเพื่อสร้างไหล่ซ้ายและหัว ตลาดมักเข้าสู่ภาวะตื่นตระหนกและเทขายอย่างหนัก โดยเฉพาะนักลงทุนไทยที่อาจรีบขายเพื่อลดความเสี่ยงหรือรับรู้ขาดทุน แรงขายที่เกินจริงทำให้ราคาต่ำกว่ามูลค่าจริง ซึ่งนำไปสู่การก่อตัวของหัว แต่เมื่อราคาเด้งจากจุดต่ำสุดของหัว มันแสดงว่าฝ่ายขายเริ่มหมดแรง และผู้ซื้อที่มองว่าราคาต่ำน่าซื้อเริ่มสะสมหุ้น

ต่อมา เมื่อราคาลงเพื่อสร้างไหล่ขวาแต่ไม่ต่ำกว่าหัว นี่คือสัญญาณว่าความมั่นใจของผู้ขายลดลงมาก นักลงทุนที่เคยกดราคาลงเริ่มลังเล ขณะที่ผู้ซื้อค่อยๆ ฟื้นความเชื่อมั่น การเด้งขึ้นจากไหล่ขวาพร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่ม เป็นการยืนยันว่าผู้ซื้อควบคุมตลาดได้จริง และพร้อมผลักราคาขึ้น

สำหรับนักลงทุนไทย รูปแบบนี้มักปรากฏหลังการปรับฐานหรือวิกฤตระยะสั้นที่นำไปสู่การเทขายหนัก ซึ่งตามด้วยช่วงที่ตลาดขาดความเชื่อมั่น การสร้างจุดต่ำที่สูงขึ้นในไหล่ขวาบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของความเชื่อมั่น และความพร้อมของตลาดที่จะกลับสู่ขาขึ้น ทำให้เป็นสัญญาณซื้อที่แข็งแกร่ง

การนำรูปแบบ Inverse Head and Shoulders ไปใช้จริง: กลยุทธ์ซื้อขายและจัดการความเสี่ยง

การนำรูปแบบนี้ไปใช้ในการซื้อขายจริงต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและวินัยในการจัดการความเสี่ยง เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรและจำกัดการขาดทุน

จุดเข้าซื้อ

จุดเข้าที่ดีที่สุดคือเมื่อราคาทะลุเส้น Neckline ขึ้นไปพร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมาก บางคนอาจเข้าทันทีที่ทะลุ แต่เพื่อความปลอดภัย อาจรอการทดสอบเส้น Neckline อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เส้นนี้จะกลายเป็นแนวรับ หากราคายืนเหนือเส้นได้หลังทดสอบ จะเป็นสัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่งกว่า

การคำนวณราคาเป้าหมาย

เพื่อหาเป้าหมายราคา ให้วัดระยะทางแนวตั้งจากจุดต่ำสุดของหัวถึงเส้น Neckline แล้วนำระยะนั้นไปบวกกับจุดทะลุ Neckline เช่น ถ้าระยะจากหัวถึง Neckline 10 บาท และทะลุที่ 100 บาท เป้าหมายแรกจะอยู่ที่ 110 บาท การคำนวณนี้ช่วยให้นักลงทุนมีเป้าหมายชัดเจนในการถอนกำไร

การตั้งจุดตัดขาดทุน

การตั้งจุดตัดขาดทุนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อควบคุมความเสี่ยง โดยปกติจะตั้งต่ำกว่าจุดต่ำสุดของไหล่ขวาเล็กน้อย หรือต่ำกว่าเส้น Neckline ที่ทะลุลงมา หากราคาต่ำกว่าจุดนี้ รูปแบบอาจล้มเหลว และควรขายเพื่อจำกัดขาดทุน

การยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขาย

ปริมาณการซื้อขายมีบทบาทสำคัญในการยืนยันความแข็งแกร่ง หากทะลุ Neckline พร้อมปริมาณสูง แสดงถึงแรงซื้อจริง แต่ถ้าปริมาณต่ำ อาจเป็นสัญญาณหลอกที่ต้องระวัง

การรวมกับตัวชี้วัดอื่นๆ: กลยุทธ์ยอดนิยมของนักลงทุนไทย

นักลงทุนไทยมักนำรูปแบบนี้ไปใช้คู่กับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ เช่น RSI หากแสดง Oversold ต่ำกว่า 30 ในช่วงหัว และเด้งขึ้นพร้อมทะลุ Neckline จะยืนยันสัญญาณซื้อได้ดี หรือ MACD ที่ตัดขึ้นแบบ Golden Cross พร้อมทะลุ Neckline นอกจากนี้ นักลงทุนไทยยังใช้แพลตฟอร์มอย่าง Streaming by SETtrade, Liberator หรือ Bualuang iTrading เพื่อวิเคราะห์กราฟ ซึ่งมีเครื่องมือวาดเส้นและตัวชี้วัดครบถ้วน ทำให้การทำงานสะดวกยิ่งขึ้น

กรณีศึกษาการนำรูปแบบ Inverse Head and Shoulders ไปใช้ในตลาดหุ้นไทย (SET)

การดูตัวอย่างจริงจากตลาดหุ้นไทยจะช่วยให้เห็นภาพการนำรูปแบบนี้ไปใช้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

กรณีศึกษา: หุ้น AOT (บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน))
ในช่วงต้นปี 2020 เมื่อโควิด-19 กระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างหนัก ราคาหุ้น AOT ร่วงลงรุนแรง แต่ในช่วงปลายปี 2020 ถึงต้นปี 2021 หุ้นนี้เริ่มสร้างรูปแบบ Inverse Head and Shoulders ชัดเจน:
– ไหล่ซ้าย: เดือนพฤษภาคม 2020 ราคาระดับ 50-55 บาท
– หัว: เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2020 ต่ำสุด 45-48 บาท
– ไหล่ขวา: เดือนมกราคม 2021 ระดับ 55-60 บาท
– เส้น Neckline: เชื่อมจุดสูงสุด อยู่ที่ 63-65 บาท
เมื่อราคาทะลุ 65 บาทในกลางเดือนมกราคม 2021 พร้อมปริมาณสูง นี่คือสัญญาณซื้อที่แข็งแกร่ง หลังจากนั้นราคาขึ้นต่อเนื่องหลายเดือน สอดคล้องกับเป้าหมายที่คำนวณได้

กรณีศึกษา: หุ้น SCB (ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน))
ในช่วงวิกฤตการเงินเอเชีย 1997 และการปรับฐาน หุ้น SCB เคยแสดงรูปแบบนี้ แม้ข้อมูลเก่าจะหายาก แต่หลักการคล้ายกัน คือหลังราคาร่วงหนักจนเกิดหัว และเด้งแต่ทะลุแนวต้านไม่ได้ เมื่อแรงซื้อพุ่งทะลุ Neckline ก็เป็นสัญญาณพลิกกลับ นักลงทุนที่จับได้จะได้ผลตอบแทนดีในระยะยาว

จากข้อมูลของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แสดงว่ารูปแบบทางเทคนิคเหล่านี้ส่งผลต่อราคาจริง แม้ไม่แม่นยำ 100% แต่การศึกษากรณีจริงช่วยให้นำไปปรับใช้ได้

ข้อจำกัด อัตราความล้มเหลว และข้อผิดพลาดที่พบบ่อยของรูปแบบ Inverse Head and Shoulders

แม้รูปแบบนี้จะมีพลัง แต่ก็มีข้อจำกัดและโอกาสล้มเหลวที่ต้องระวัง การเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยให้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • สัญญาณหลอก: ราคาอาจทะลุ Neckline แล้วตกลงมาใหม่ ซึ่งเป็นการทะลุหลอกที่ทำให้ขาดทุนหากเข้าซีเร็ว ต้องดูปริมาณสูงเพื่อกรอง
  • ขาดปริมาณสนับสนุน: ถ้าทะลุแต่ปริมาณต่ำ สัญญาณอาจอ่อนและล้มเหลวง่าย ต้องยืนยันด้วยปริมาณสูง
  • รูปแบบไม่สมมาตร: ถ้าไหล่ขวาไม่ใกล้เคียงไหล่ซ้าย หรือเส้น Neckline ชันเกิน รูปแบบอาจไม่สมบูรณ์และน่าเชื่อถือน้อยลง
  • ข้อผิดพลาดทั่วไปของนักลงทุนไทย:
    • เข้าซื้อเร็ว: ก่อนยืนยันหรือไม่มีปริมาณ อาจติดดอย
    • ไม่ตั้งตัดขาดทุน: ทำให้ขาดทุนลุกลาม
    • ไม่ดูภาพรวมตลาด: เช่นในขาลงรุนแรง ประสิทธิภาพลด
    • เชื่อรูปแบบ 100%: ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นด้วย

จาก Investopedia อัตราความสำเร็จแตกต่างตามตลาดและหุ้น แต่โดยรวมเชื่อถือได้หากยืนยันดี การเข้าใจความเสี่ยงช่วยให้นักลงทุนไทยใช้ได้รอบคอบ

สรุป: การนำรูปแบบ Inverse Head and Shoulders ไปใช้อย่างแม่นยำเพื่อเพิ่มโอกาสชนะในการซื้อขาย

รูปแบบ Inverse Head and Shoulders เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ทรงพลังสำหรับนักลงทุนที่ต้องการจับการพลิกกลับขาขึ้นและโอกาสซื้อดี การเข้าใจส่วนประกอบอย่างไหล่ซ้าย หัว ไหล่ขวา และ Neckline รวมถึงยืนยันด้วยปริมาณ เป็นกุญแจสำคัญ

กลยุทธ์ซื้อขายที่ชัดเจน ตั้งแต่จุดเข้า คำนวณเป้าหมาย และตั้งตัดขาดทุนเพื่อจัดการความเสี่ยง เป็นสิ่งจำเป็น การใช้คู่กับ RSI หรือ MACD ที่นักลงทุนไทยนิยม จะเพิ่มความแม่นยำ

การศึกษากรณีในตลาดหุ้นไทยช่วยเห็นภาพจริง และตระหนักถึงข้อจำกัดอย่างสัญญาณหลอก การจัดการความเสี่ยงอย่างดีจะช่วยเพิ่มอัตราการชนะและผลตอบแทนยั่งยืนในตลาดไทย

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Inverse Head and Shoulders ในตลาดหุ้นไทย (SET) เป็นสัญญาณซื้อที่เชื่อถือได้หรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว Inverse Head and Shoulders ถือเป็นสัญญาณ “การกลับตัวเป็นขาขึ้น” ที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือในตลาดหุ้นไทย (SET) หากได้รับการยืนยันที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการทะลุ “เส้น Neckline” พร้อมกับ “ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” อย่างไรก็ตาม ไม่มีรูปแบบใดที่แม่นยำ 100% อัตราความสำเร็จอาจแตกต่างกันไปตามสภาวะตลาดและหุ้นแต่ละตัว นักลงทุนควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ และการบริหารความเสี่ยงเสมอ

หากรูปแบบ Inverse Head and Shoulders เกิดสัญญาณหลอก (Fakeout) นักลงทุนไทยควรทำอย่างไรเพื่อลดการขาดทุน?

หากเกิดสัญญาณหลอก (Fakeout) คือราคาหุ้นทะลุ “เส้น Neckline” ขึ้นไปแล้วตกลงมาต่ำกว่าเส้น Neckline อีกครั้ง นักลงทุนไทยควรปฏิบัติตามแผน “จุดตัดขาดทุน (Stop Loss)” ที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรกอย่างเคร่งครัด โดยทั่วไปจุดตัดขาดทุนจะตั้งไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ “ไหล่ขวา” หรือต่ำกว่าเส้น Neckline ที่ถูกทะลุลงมา การทำตามจุดตัดขาดทุนจะช่วยจำกัดความเสียหายและป้องกันไม่ให้การขาดทุนบานปลาย

นักลงทุนไทยมักจะใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคใดบ้างเพื่อช่วยยืนยันรูปแบบ Inverse Head and Shoulders?

นักลงทุนไทยมักจะใช้ตัวชี้วัดยอดนิยมหลายตัวเพื่อช่วยยืนยันสัญญาณจาก Inverse Head and Shoulders ได้แก่:

  • RSI (Relative Strength Index): หาก RSI แสดงสัญญาณ Oversold (ต่ำกว่า 30) ในช่วงที่เกิด “หัว” และกลับตัวขึ้นพร้อมกับการทะลุ “Neckline” ถือเป็นการยืนยันที่ดี
  • MACD (Moving Average Convergence Divergence): การที่ MACD ตัดเส้นสัญญาณขึ้น (Golden Cross) พร้อมกับการทะลุ Neckline ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่ง
  • Moving Averages (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่): การที่ราคาทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวขึ้นไปพร้อมกับรูปแบบ ก็เป็นสัญญาณบวกเพิ่มเติม

รูปแบบ Inverse Head and Shoulders แตกต่างจากรูปแบบ Head and Shoulders ทั่วไปอย่างไร?

รูปแบบ Inverse Head and Shoulders (หัวและไหล่กลับหัว) เป็นรูปแบบ “การกลับตัวเป็นขาขึ้น” (Bullish Reversal) ที่บ่งบอกถึงการสิ้นสุดแนวโน้มขาลง ในขณะที่รูปแบบ Head and Shoulders (หัวและไหล่) ทั่วไปเป็นรูปแบบ “การกลับตัวเป็นขาลง” (Bearish Reversal) ที่บ่งบอกถึงการสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้น ส่วนประกอบของทั้งสองรูปแบบคล้ายกัน (ไหล่ซ้าย หัว ไหล่ขวา และ Neckline) แต่ทิศทางกลับหัวกันและให้สัญญาณที่ตรงข้ามกัน

ฉันสามารถหาและวิเคราะห์รูปแบบ Inverse Head and Shoulders บนแพลตฟอร์มการซื้อขายของไทยได้อย่างไร?

คุณสามารถหาและวิเคราะห์รูปแบบ Inverse Head and Shoulders ได้บนแพลตฟอร์มการซื้อขายยอดนิยมของไทย เช่น Streaming by SETtrade, Liberator, หรือ Bualuang iTrading แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะมีเครื่องมือวาดกราฟที่ให้คุณสามารถลากเส้น Neckline และระบุจุดไหล่และหัวได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังมีตัวชี้วัดทางเทคนิคต่างๆ ให้เลือกใช้เพื่อช่วยในการยืนยัน

ในตลาดหุ้นไทย หุ้นขนาดเล็กและหุ้น Blue Chip ที่เกิด Inverse Head and Shoulders มีความหมายและข้อพิจารณาด้านความเสี่ยงต่างกันหรือไม่?

มีความแตกต่างกัน หุ้น Blue Chip (หุ้นขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง) ที่เกิด Inverse Head and Shoulders มักจะให้สัญญาณที่น่าเชื่อถือกว่าและมีความผันผวนน้อยกว่า เนื่องจากมีสภาพคล่องสูงและนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจ ในขณะที่หุ้นขนาดเล็กที่เกิดรูปแบบเดียวกันอาจมีความผันผวนสูงกว่าและมีโอกาสเกิดสัญญาณหลอกได้ง่ายกว่า เนื่องจากสภาพคล่องที่น้อยกว่าและราคาอาจถูกปั่นได้ง่ายกว่า นักลงทุนควรพิจารณาขนาดของหุ้นและสภาพคล่องประกอบการตัดสินใจเสมอ

นอกจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว นักลงทุนไทยยังจะพิจารณาปัจจัยพื้นฐานหรือข่าวสารใดบ้างเพื่อยืนยันรูปแบบ Inverse Head and Shoulders?

นอกเหนือจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค นักลงทุนไทยมักจะพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและข่าวสารเพื่อประกอบการตัดสินใจ เช่น:

  • ข่าวสารเชิงบวกของบริษัท: เช่น ผลประกอบการที่ดีขึ้น การประกาศแผนธุรกิจใหม่ หรือการได้รับสัญญาโครงการสำคัญ
  • ภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม: หากเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มฟื้นตัว หรืออุตสาหกรรมที่หุ้นนั้นอยู่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น จะช่วยสนับสนุนสัญญาณการกลับตัว
  • นโยบายภาครัฐ: นโยบายที่ส่งเสริมการลงทุนหรือกระตุ้นเศรษฐกิจสามารถเป็นปัจจัยบวกได้
  • การวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์: บทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์หรือสถาบันการเงินที่แนะนำให้ซื้อหุ้นนั้นๆ

นักลงทุนไทยมือใหม่ที่ใช้ Inverse Head and Shoulders ในการซื้อขายมักจะทำผิดพลาดอะไรบ่อยที่สุด? ควรหลีกเลี่ยงอย่างไร?

นักลงทุนไทยมือใหม่มักทำผิดพลาดบ่อยที่สุดคือ “การเข้าซื้อเร็วเกินไป” ก่อนที่รูปแบบจะได้รับการยืนยันที่ชัดเจน หรือ “ไม่ตั้งจุดตัดขาดทุน” เพื่อจำกัดความเสี่ยงเมื่อรูปแบบล้มเหลว วิธีหลีกเลี่ยงคือ:

  • รอให้ราคา “ทะลุผ่านเส้น Neckline” อย่างชัดเจน พร้อมกับ “ปริมาณการซื้อขายที่สูง” ก่อนเข้าซื้อ
  • ตั้งจุดตัดขาดทุน ที่ต่ำกว่าไหล่ขวาหรือ Neckline ทันทีที่เข้าซื้อ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
  • ฝึกฝนการอ่านกราฟและทำความเข้าใจจิตวิทยาตลาดอย่างสม่ำเสมอ
  • ไม่ลงทุนในจำนวนเงินที่มากเกินกว่าจะรับความเสี่ยงได้

More From Author

ค่าเงินสมัยก่อน: 1 ชั่งในอดีต ซื้ออะไรได้บ้างในวันนี้? ไขปริศนากำลังซื้อเงินโบราณ

Double Top Pattern คืออะไร? ทำความรู้จักรูปแบบกลับตัว M ยอดนิยม พร้อมกลยุทธ์เทรดที่นักลงทุนควรรู้

發佈留言