death cross คือ 5 สิ่งที่นักลงทุนไทยต้องรู้เมื่อสัญญาณมรณะปรากฏ

Death Cross คืออะไร? ทำความเข้าใจสัญญาณขาลงที่สำคัญ

นิยามของ Death Cross: เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันและ 200 วัน

Death Cross คือรูปแบบทางเทคนิคที่ปรากฏบนกราฟราคา โดยเกิดจากการที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นเลื่อนลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว ซึ่งปกติแล้วจะอ้างถึงเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (50-day Simple Moving Average หรือ SMA) ที่ตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (200-day Simple Moving Average หรือ SMA) รูปแบบนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่นักลงทุนทั่วโลก

เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า MA เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ช่วยให้เห็นภาพรวมของแนวโน้มราคาในช่วงเวลาที่กำหนด โดย SMA คำนวณจากราคาปิดเฉลี่ยในจำนวนวันนั้น ๆ ขณะที่ EMA หรือ Exponential Moving Average จะเน้นน้ำหนักกับข้อมูลราคาล่าสุดมากกว่า ทำให้ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงได้ไวขึ้น

ภาพประกอบกราฟทางเทคนิคที่แสดงเส้น SMA 50 วันตัดลงต่ำกว่าเส้น SMA 200 วัน บ่งชี้แนวโน้มขาลง

กลไกการเกิดและการตีความเบื้องต้น

การเกิด Death Cross สะท้อนถึงความอ่อนแรงของโมเมนตัมในช่วงสั้น ๆ และการเปลี่ยนผ่านสู่แนวโน้มขาลงในระยะยาว เมื่อเส้น 50 วันที่แสดงราคาเฉลี่ยระยะใกล้ตัดลงต่ำกว่าเส้น 200 วันที่แสดงราคาเฉลี่ยระยะไกล แสดงว่าราคาเฉลี่ยใน 50 วันล่าสุดต่ำกว่าราคาเฉลี่ยใน 200 วัน

ในเบื้องต้น การตีความสัญญาณนี้ชี้ว่าตลาดกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะตลาดขาลง หรืออย่างน้อยก็เผชิญกับแรงขายที่รุนแรงและยั่งยืน ซึ่งอาจทำให้ราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ปรับตัวลงอย่างชัดเจน สัญญาณนี้มักจุดประกายความกังวลและกระตุ้นให้เกิดการเทขายเพิ่มเติมจากนักลงทุน

ภาพประกอบกราฟหุ้นที่มีเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้นแสดงแนวโน้มราคาเฉลี่ยในช่วงเวลา

Death Cross กับ Golden Cross: สัญญาณคู่ตรงข้ามในโลกการลงทุน

เปรียบเทียบความหมายและนัยยะ

ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค สัญญาณตรงข้ามกับ Death Cross คือ Golden Cross ซึ่งเป็นสัญญาณขาขึ้นที่สำคัญและมักถูกมองว่าเป็นสัญญาณกระทิง

  • Death Cross (สัญญาณหมี): เกิดเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันตัดลงต่ำกว่าเส้น 200 วัน ชี้ถึงแนวโน้มขาลง
  • Golden Cross (สัญญาณกระทิง): เกิดเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันตัดขึ้นเหนือเส้น 200 วัน ชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้น

ทั้งคู่มีความหมายตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง โดย Death Cross เผยให้เห็นถึงความอ่อนแอและแรงขายที่กำลังเพิ่มขึ้น ขณะที่ Golden Cross บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งและแรงซื้อที่ไหลเข้าสู่ตลาด ช่วยให้นักลงทุนจับกระแสได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ภาพประกอบนักลงทุนที่กังวลขณะดูกราฟหุ้นที่มี Death Cross สีแดงแสดงความผันผวนของตลาด

ความสำคัญในการตัดสินใจลงทุน

นักลงทุนหลายคนนำ Death Cross และ Golden Cross มาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน เพราะทั้งสองเป็นส่วนสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้เห็นภาพแนวโน้มราคาในระยะกลางถึงยาวได้อย่างชัดเจน

สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับสัญญาณเหล่านี้ Death Cross อาจเป็นจุดที่ต้องพิจารณาขายหรือลดการถือครองเพื่อควบคุมความเสี่ยง ในทางตรงกันข้าม Golden Cross มักกระตุ้นให้เข้าซื้อหรือเพิ่มน้ำหนักการลงทุน โดยรวมแล้ว สัญญาณเหล่านี้ช่วยเสริมการวางแผนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

คุณสมบัติ Death Cross Golden Cross
ทิศทางการตัดกัน เส้น 50 วัน ตัดลงต่ำกว่าเส้น 200 วัน เส้น 50 วัน ตัดขึ้นเหนือเส้น 200 วัน
นัยยะทางตลาด สัญญาณขาลง (Bearish) สัญญาณขาขึ้น (Bullish)
ผลกระทบเบื้องต้น ราคาอาจปรับฐานลง, แรงเทขาย ราคาอาจปรับตัวขึ้น, แรงซื้อ
การตัดสินใจลงทุน พิจารณาลดความเสี่ยง, ขาย, ปรับพอร์ต พิจารณาเข้าซื้อ, เพิ่มสัดส่วนการลงทุน

การระบุ Death Cross ในกราฟ: ตัวอย่างและการสังเกต

ขั้นตอนการดู Death Cross บนแพลตฟอร์มเทรด

การค้นหา Death Cross บนแพลตฟอร์มเทรดยอดนิยมอย่าง TradingView, MetaTrader หรือเครื่องมือดูกราฟหุ้นอื่น ๆ ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงทำตามขั้นตอนพื้นฐานเหล่านี้เพื่อให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ

  1. เปิดกราฟสินทรัพย์: เลือกหุ้น, คริปโตเคอร์เรนซี หรือสินทรัพย์ที่สนใจสำหรับการวิเคราะห์
  2. เพิ่มตัวชี้วัด Moving Average: เข้าสู่เมนู “Indicators” หรือ “ตัวชี้วัด” แล้วค้นหา “Moving Average” หรือ “เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่”
  3. ตั้งค่าเส้น MA 50 วัน: เพิ่มเส้น MA แรก โดยกำหนด Period เป็น 50 เลือกประเภท SMA หรือ EMA ตามที่ถนัด และตั้งสีให้เด่นชัด เช่น สีฟ้า
  4. ตั้งค่าเส้น MA 200 วัน: เพิ่มเส้น MA ที่สอง กำหนด Period เป็น 200 เลือกประเภทเดียวกัน และใช้สีที่แตกต่าง เช่น สีแดง
  5. สังเกตจุดตัด: จับตาดูบนกราฟ หากเส้น MA 50 วัน (สีฟ้า) ตัดลงต่ำกว่าเส้น MA 200 วัน (สีแดง) นั่นคือจุดเกิด Death Cross

การฝึกฝนด้วยกราฟจริงจะช่วยให้คุณชำนาญในการจับสัญญาณนี้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อรวมกับการตั้งแจ้งเตือนเพื่อไม่พลาดโอกาส

กรณีศึกษา: Death Cross ในตลาดหุ้นไทย (SET) และคริปโตเคอร์เรนซี

Death Cross เคยปรากฏหลายครั้งทั้งในตลาดหุ้นไทยและคริปโต ซึ่งมักนำไปสู่การปรับฐานครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตที่ส่งผลกระทบกว้างขวาง

  • ตลาดหุ้นไทย (SET): ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์สำคัญที่กระทบตลาดโลกและภายใน ดัชนี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือหุ้นรายตัวมักแสดงสัญญาณนี้ เช่น ในวิกฤตการเงินโลกปี 2008 หรือการระบาดของ COVID-19 ปี 2020 ดัชนี SET Index เกิด Death Cross ตามด้วยการร่วงลงรุนแรง นักลงทุนที่จับสัญญาณได้เร็วและปรับกลยุทธ์ทัน มักหลีกเลี่ยงความสูญเสียได้ดี
  • คริปโตเคอร์เรนซี: ตลาดคริปโตที่ผันผวนสูงอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum ก็พบ Death Cross บ่อยครั้ง ตัวอย่างในช่วงปลายปี 2021 ถึงต้นปี 2022 ที่ Bitcoin ทำจุดสูงสุดแล้วปรับฐาน สัญญาณนี้ปรากฏและราคาลดลงชัดเจน ดังนั้น นักลงทุนคริปโตควรติดตามอย่างใกล้ชิดไม่ต่างจากหุ้น

กรณีเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสังเกตสัญญาณ เพื่อเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนในตลาด

ผลกระทบและกลยุทธ์การลงทุนเมื่อเกิด Death Cross

Death Cross บ่งบอกอะไรต่อตลาดและนักลงทุน?

เมื่อ Death Cross เกิดขึ้น สัญญาณนี้ส่งผลหลายด้านต่อตลาดและนักลงทุน โดยช่วยเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น

  • การเปลี่ยนแนวโน้ม: ถือเป็นสัญญาณชี้ชัดว่าช่วงขาขึ้นระยะยาวกำลังจบลง และตลาดอาจหันเข้าสู่ขาลง
  • แรงเทขายและความกังวล: มักจุดชนวนความกังวล ส่งผลให้เกิดการเทขายเพิ่ม ซึ่งกดดันให้ราคาลดลงต่อเนื่อง
  • ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น: ในหลายกรณี พบปริมาณการซื้อขายพุ่งสูง แสดงถึงความตื่นตระหนกและการเคลื่อนไหวของนักลงทุน
  • ผลกระทบต่อจิตวิทยา: สัญญาณนี้มีอิทธิพลต่อจิตวิทยาการลงทุน สร้างความกลัวและความไม่แน่นอน ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ขาดเหตุผล

โดยรวม สัญญาณนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกราฟ แต่ยังสะท้อนอารมณ์ตลาดที่นักลงทุนต้องเข้าใจเพื่อตอบสนองอย่างเหมาะสม

กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงและการปรับพอร์ต

การเผชิญ Death Cross ไม่จำเป็นต้องขายทุกอย่าง แต่เป็นโอกาสในการทบทวนและปรับกลยุทธ์เพื่อจัดการความเสี่ยงให้ดีขึ้น โดยสามารถเริ่มจากขั้นตอนพื้นฐานเหล่านี้

  • การลดความเสี่ยง (Risk Reduction): ลดน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ที่แสดงสัญญาณ Death Cross หรือสินทรัพย์เสี่ยงสูง เพื่อป้องกันผลกระทบ
  • การกระจายความเสี่ยง (Diversification): ตรวจสอบพอร์ต หากเน้นสินทรัพย์ใดมากเกินไป ให้กระจายไปยังตัวเลือกปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล กองทุนรวมตลาดเงิน หรือทองคำ เพื่อสร้างสมดุล
  • การใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Hedging Tools): สำหรับนักลงทุนขั้นสูง ลองใช้เครื่องมืออนุพันธ์อย่าง Futures หรือ Options เพื่อคุ้มครองจากความผันผวน
  • การปรับสัดส่วนสินทรัพย์ (Asset Rebalancing): ถ้าพอร์ตมีหุ้นมากเกิน ลดลงและเพิ่มสินทรัพย์ผันผวนต่ำ เพื่อรักษาสมดุลโดยรวม
  • การถือเงินสด (Holding Cash): เพิ่มสัดส่วนเงินสดเพื่อรักษาสภาพคล่อง และรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อตลาดเริ่มฟื้น

กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้คุณยืนหยัดได้ในช่วงยากลำบาก โดยไม่ต้องตัดสินใจ impulsively

จิตวิทยาการลงทุน: รับมือกับความกลัวในตลาดขาลง

ช่วงที่ตลาดแสดง Death Cross และเข้าสู่ขาลง นักลงทุนมักเผชิญความท้าทายทางจิตใจอย่างหนัก ความกลัวและความตื่นตระหนกที่อยากขายหมดทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ แต่การยอมให้อารมณ์นำมักนำไปสู่ความเสียหาย

เพื่อรับมืออย่างมีสติ ลองทำตามแนวทางเหล่านี้

  • ยึดมั่นในแผนการลงทุน: ถ้าคุณมีแผนที่วางไว้อย่างรอบคอบ ให้ยึดติดกับมัน แทนที่จะเปลี่ยนตามกระแส
  • หลีกเลี่ยงการตัดสินใจแบบ FOMO (Fear Of Missing Out) ย้อนกลับ: อย่ารีบขายเพราะเห็นคนอื่นทำ ใจเย็นและประเมินสถานการณ์
  • ทบทวนเป้าหมาย: นึกถึงเป้าหมายระยะยาวของคุณ เพื่อมองข้ามความผันผวนชั่วคราว
  • ศึกษาและทำความเข้าใจ: ใช้ช่วงนี้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงและการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อเพิ่มความมั่นใจและลดความกลัวจากความไม่รู้

การจัดการจิตใจให้ดีจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล แม้ในสถานการณ์ตึงเครียด

ข้อจำกัดและข้อควรระวังในการใช้ Death Cross

สัญญาณหลอกและ Lagging Indicator

ถึงแม้ Death Cross จะเป็นสัญญาณเตือนที่ทรงพลัง แต่ก็มีข้อจำกัดที่นักลงทุนต้องระวังเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด

  • สัญญาณหลอก (False Signals): ในตลาดผันผวนสูงหรือช่วงราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบ สัญญาณนี้อาจหลอกได้ ตลาดอาจฟื้นตัวเร็ว ทำให้การขายตามสัญญาณกลายเป็นความผิดพลาด
  • Lagging Indicator: เป็นตัวชี้วัดที่ล่าช้า หมายความว่าสัญญาณเกิดหลังแนวโน้มขาลงเริ่มไปแล้ว คุณอาจพลาดจุดขายสูงสุด หรือขายหลังราคาร่วงหนัก

การตระหนักถึงจุดอ่อนเหล่านี้ช่วยให้ใช้สัญญาณได้อย่างสมดุล โดยไม่พึ่งพามากเกินไป

การใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่นเพื่อยืนยันสัญญาณ

เพื่อให้ Death Cross มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น อย่าใช้เดี่ยว ๆ แต่รวมกับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่น เพื่อยืนยันและลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอก

  • RSI (Relative Strength Index): ถ้า Death Cross เกิดพร้อม RSI ต่ำกว่า 30 (เขต Oversold) อาจบ่งชี้ว่าตลาดขายมากเกิน และมีโอกาสเด้งกลับชั่วคราว
  • MACD (Moving Average Convergence Divergence): ถ้า MACD Line ตัดลงต่ำกว่า Signal Line และ Histogram เข้าแดนลบ ร่วมกับ Death Cross จะยืนยันแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง
  • ปริมาณการซื้อขาย (Volume): ถ้าปริมาณซื้อขายพุ่งสูงผิดปกติตอนเกิดสัญญาณ แสดงถึงแรงขายที่จริงจัง
  • แนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance): พิจารณาร่วมกับระดับแนวรับ ถ้าราคาหลุดแนวรับหลัง Death Cross จะตอกย้ำขาลง

การรวมตัวชี้วัดเหล่านี้ให้มุมมองที่ครบถ้วน ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจลงทุน

Death Cross คืออะไร และทำไมนักลงทุนไทยถึงต้องรู้?

Death Cross คือสัญญาณทางเทคนิคที่เกิดขึ้นเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง นักลงทุนไทยควรรู้เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงในตลาดหุ้นและคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

Death Cross กับ Golden Cross แตกต่างกันอย่างไร มีผลต่อตลาดหุ้นไทยแค่ไหน?

Death Cross บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง (Bearish) ในขณะที่ Golden Cross บ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น (Bullish) ทั้งสองสัญญาณเป็นตัวบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มสำคัญที่ส่งผลต่อ ตลาดหุ้นไทย (SET) และ คริปโตเคอร์เรนซี โดย Death Cross มักนำไปสู่แรงเทขายและการปรับฐานของราคา

Death Cross เป็นสัญญาณที่แม่นยำเสมอไปหรือไม่ และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง?

ไม่เสมอไป Death Cross เป็นตัวชี้วัดแบบ Lagging Indicator ซึ่งหมายความว่ามันเกิดขึ้นหลังจากที่แนวโน้มได้เริ่มต้นไปแล้ว และอาจให้ สัญญาณหลอก ได้ โดยเฉพาะในตลาดที่ Sideways ข้อจำกัดคือมันไม่ได้แม่นยำ 100% และควรใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่นเพื่อยืนยันสัญญาณ

เมื่อเกิด Death Cross ขึ้น นักลงทุนควรมีกลยุทธ์การลงทุนอย่างไรในตลาดหุ้นและคริปโตไทย?

เมื่อเกิด Death Cross ขึ้น นักลงทุนควรเน้น การบริหารความเสี่ยง อาจพิจารณา ลดความเสี่ยง โดยการลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสัญญาณ, กระจายความเสี่ยง ไปยังสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า, หรือ ถือเงินสด เพื่อรอจังหวะการเข้าลงทุนใหม่ สิ่งสำคัญคือการยึดมั่นใน แผนการลงทุน และหลีกเลี่ยงการตัดสินใจด้วยอารมณ์

เราสามารถใช้ Death Cross ร่วมกับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น RSI หรือ MACD ได้อย่างไร?

เพื่อเพิ่ม ความแม่นยำ ควรใช้ Death Cross ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น เช่น หาก Death Cross เกิดขึ้นพร้อมกับ RSI ที่ต่ำลงเรื่อยๆ หรือ MACD ที่ตัดลงต่ำกว่า Signal Line และอยู่ในแดนลบ ก็จะเป็นการยืนยันสัญญาณขาลงที่แข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขาย ที่เพิ่มขึ้นขณะเกิดสัญญาณก็เป็นอีกหนึ่งตัวยืนยันที่สำคัญ

มีตัวอย่างหุ้นไทยตัวไหนบ้างที่เคยเกิด Death Cross และผลลัพธ์เป็นอย่างไร?

หุ้นไทยหลายตัวเคยแสดงสัญญาณ Death Cross ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหรือช่วงที่อุตสาหกรรมนั้นๆ ได้รับผลกระทบ เช่น หุ้นในกลุ่มพลังงานหรือธนาคารบางตัวที่เผชิญกับปัจจัยลบ เมื่อเกิด Death Cross มักตามมาด้วยการปรับฐานของราคาอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตการณ์ปี 2008 หรือ COVID-19 ซึ่งราคามักจะลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากสัญญาณปรากฏ

Death Cross เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหนในตลาดหุ้นไทย และมีช่วงเวลาใดที่น่าจับตาเป็นพิเศษ?

Death Cross ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยเท่าสัญญาณระยะสั้นอื่นๆ แต่เมื่อเกิดขึ้นมักมีนัยสำคัญ มักจะน่าจับตาเป็นพิเศษในช่วงที่ตลาดกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง เช่น ช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว, เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน, หรือมีเหตุการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาพรวมของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

การเกิด Death Cross ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี มีความแตกต่างจากตลาดหุ้นหรือไม่?

หลักการของ Death Cross ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเหมือนกับตลาดหุ้น แต่เนื่องจากตลาดคริปโตมีความผันผวนสูงกว่ามาก สัญญาณ Death Cross ในคริปโตจึงอาจมีความรุนแรงและรวดเร็วกว่า และอาจเกิด สัญญาณหลอก ได้บ่อยครั้งขึ้น นักลงทุนจึงต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค ร่วมกับปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ อย่างรอบคอบ

มีเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มใดบ้างที่ช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถติดตาม Death Cross ได้ง่าย?

นักลงทุนไทยสามารถใช้ แพลตฟอร์มเทรด และเครื่องมือกราฟต่างๆ ที่นิยม เช่น TradingView, MetaTrader 4/5, หรือโปรแกรมดูกราฟที่มาพร้อมกับโปรแกรมเทรดของโบรกเกอร์หุ้นไทย (เช่น Streaming) เพื่อเพิ่มเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันและ 200 วัน และตั้งค่าการแจ้งเตือน (Alert) เมื่อเกิดการตัดกันได้

ถ้าตลาดเกิด Death Cross แล้ว นักลงทุนมือใหม่ควรทำอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยง?

สำหรับ นักลงทุนมือใหม่ การลดความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเกิด Death Cross ควรเริ่มต้นด้วยการทบทวนพอร์ตโฟลิโอ, พิจารณา ลดความเสี่ยง โดยการขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงบางส่วน, เพิ่มสัดส่วนเงินสด, หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อวาง แผนการลงทุน ที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่รับได้ หลีกเลี่ยงการตัดสินใจอย่างตื่นตระหนกและเน้นการเรียนรู้

More From Author

Pips แปลว่าอะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับเทรดเดอร์ Forex มือใหม่ในไทย

ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อราคาน้ำมันดิบ: 5 สิ่งที่ขับเคลื่อนราคาพลังงานโลกและผลกระทบต่อไทย

發佈留言

近期留言

尚無留言可供顯示。