บทนำ: เงินเยนแข็งค่า…สัญญาณอะไรในตลาดโลก?
ช่วงหลังมานี้ สถานการณ์ในตลาดเงินตราโลกกำลังดึงดูดความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะการที่เงินเยนญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวและแข็งค่าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากเผชิญกับภาวะอ่อนค่าต่อเนื่องมาหลายปี ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่แค่เรื่องที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง แต่ยังกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านการท่องเที่ยว การค้าขาย หรือการลงทุนของประชาชนชาวไทยในหลายรูปแบบ

บทความนี้จะพาคุณสำรวจสาเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ว่าจะมาจากการปรับทิศทางนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือแรงผลักดันจากเศรษฐกิจโลกในภาพรวม พร้อมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับไทยในแง่มุมต่างๆ เช่น การท่องเที่ยว การค้า การลงทุน และภาพรวมเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เราจะพูดถึงแนวโน้มที่คาดการณ์ในอนาคต รวมถึงเคล็ดลับปฏิบัติจริงที่ช่วยให้ชาวไทยปรับตัวเข้ากับความผันผวนของเงินเยนได้อย่างมั่นใจ

เจาะลึกสาเหตุหลักที่ทำให้เงินเยนแข็งค่า
สิ่งที่จุดประกายให้เงินเยนพลิกเกมนี้คือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น ซึ่งเป็นก้าวสำคัญหลังจากนโยบายผ่อนคลายแบบสุดขีดที่ยืดเยื้อมานานหลายสิบปี เพื่อต่อกรกับปัญหาเงินฝืด

การปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเงินเยนให้แข็งค่าคือการปรับทิศทางนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) หลังจากใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบสุดโต่งมานานเพื่อสู้กับภาวะเงินฝืด ตอนนี้ BOJ เริ่มแสดงสัญญาณและลงมือเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง
- การยกเลิกนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ: ในเดือนมีนาคม 2567 BOJ ตัดสินใจยกเลิกอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ติดลบ (จาก -0.1% เป็น 0-0.1%) ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในรอบ 17 ปี การสิ้นสุดยุคนี้ทำให้ผลตอบแทนจากการถือเงินเยนดูน่าดึงดูดมากขึ้น ส่งผลให้เงินทุนไหลกลับเข้าญี่ปุ่น
- การยุติการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (YCC): BOJ ยังยกเลิกการจำกัดผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ซึ่งเคยถูกควบคุมไม่ให้เกินระดับหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงนี้ปล่อยให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวตามตลาด ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยกับประเทศอื่นๆ แคบลง และลดแรงดึงดูดของการกู้เยนไปลงทุนต่างประเทศแบบ Carry Trade
- สัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม: แม้การปรับครั้งแรกจะเล็กน้อย แต่ตลาดคาดว่า BOJ อาจขึ้นดอกเบี้ยอีกหากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในเป้าหมาย 2% อย่างมั่นคง ซึ่งความคาดหวังนี้กลายเป็นตัวหนุนให้เงินเยนแข็งค่าต่อเนื่อง
บทบาทของเงินเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven)
เมื่อเศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เงินเยนมักถูกเลือกเป็นที่พักพิงปลอดภัยสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยง ปัจจัยที่เสริมบทบาทนี้มีหลายอย่าง
- ความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์: ความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกสร้างความปั่นป่วนในตลาดการเงิน ทำให้ผู้เล่นหันไปหาสินทรัพย์ที่มั่นคงยิ่งขึ้น
- ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก: การชะลอตัวในบางประเทศ หรือความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและภาวะถดถอย ส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและมุ่งสู่สกุลเงินปลอดภัยอย่างเยน
- ความสัมพันธ์กับเงินดอลลาร์สหรัฐ: แม้ดอลลาร์จะเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง แต่เมื่อดอลลาร์อ่อนตัวจากปัจจัยบางประการ นักลงทุนก็หันไปหาเยนเป็นทางเลือกสำรอง
การเปลี่ยนแปลงของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศ
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างญี่ปุ่นกับเศรษฐกิจหลักอื่นๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยูโรโซน เป็นตัวกำหนดค่าเงินเยนมานาน ในช่วงก่อนหน้า ส่วนต่างที่กว้างขวาง (ดอกเบี้ยญี่ปุ่นต่ำมาก ขณะที่สหรัฐฯ สูง) สร้างโอกาสให้เกิด Carry Trade คือการกู้เยนราคาถูกเพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ผลตอบแทนสูงในสกุลอื่น เช่น ดอลลาร์
แต่เมื่อ BOJ ขึ้นดอกเบี้ยและยกเลิก YCC ในขณะที่ตลาดคาดว่า Fed อาจลดดอกเบี้ยในเร็ววัน ส่วนต่างนี้เริ่มหดตัว ทำให้ Carry Trade น้อยลง นักลงทุนจึงปิดสถานะกู้เยน สร้างแรงซื้อเยนกลับเข้าตลาดและผลักดันให้เงินเยนแข็งค่าอย่างรวดเร็ว
ผลกระทบจากเงินเยนแข็งค่าต่อประเทศไทยและคนไทย
ภาคการท่องเที่ยว: โอกาสและความท้าทายสำหรับนักท่องเที่ยวไทย
สำหรับชาวไทยที่หลงใหลในการท่องเที่ยวญี่ปุ่น การแข็งค่าของเงินเยนสร้างความท้าทายที่ชัดเจน
- ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น: เงินเยนที่แข็งค่าทำให้เงินบาทซื้อได้น้อยลง ส่งผลให้ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ที่พัก และช้อปปิ้งในญี่ปุ่นแพงขึ้น ชาวไทยต้องใช้บาทมากกว่าเดิมเพื่อแลกเยนเท่าเดิม
- การวางแผนและงบประมาณ: ต้องคิดแผนการเดินทางและเงินทุนให้ละเอียดยิ่งขึ้น อาจลดกิจกรรมบางส่วนหรือเลือกที่พักราคาประหยัด เพื่อให้ทริปยังคงเป็นไปได้
(มุมมองที่แตกต่าง) แต่ในทางกลับกัน เงินเยนแข็งค่าอาจเปิดโอกาสให้ไทย โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้มาไทยมากขึ้น เนื่องจากเยนของพวกเขามีพลังซื้อสูงกว่าเมื่อเทียบกับบาท ทำให้การท่องเที่ยวไทยดูถูกกว่า ซึ่งช่วยกระตุ้นภาคบริการและเศรษฐกิจท้องถิ่น นักท่องเที่ยวไทยควรลองวางแผนแลกเงินล่วงหน้า หรือใช้บัตรเครดิตเดบิตที่มีโปรโมชั่น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
ภาคการค้าและการลงทุน: ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า และนักลงทุนไทย
การแข็งค่าของเงินเยนนำมาซึ่งผลกระทบที่ซับซ้อนต่อธุรกิจและการลงทุนในไทย
- ผู้ส่งออกไทยไปญี่ปุ่น: ได้ประโยชน์ ผู้ส่งออกที่รับเงินเป็นเยนจะได้บาทกลับมามากขึ้นเมื่อแลกเปลี่ยน ซึ่งเพิ่มรายได้และส่งเสริมการส่งสินค้าไทยสู่ญี่ปุ่น
- ผู้นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น: เผชิญความเสียหาย ต้นทุนนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องจักร หรือสินค้าอุปโภคจะสูงขึ้น เนื่องจากต้องใช้บาทมากกว่าเพื่อซื้อเยน ส่งผลให้ราคาสินค้าในไทยปรับตัวเพิ่ม
- การลงทุนโดยตรง (FDI): บริษัทญี่ปุ่นในไทยอาจได้เปรียบ หากส่งกำไรกลับญี่ปุ่น เยนที่แข็งค่าจะทำให้บาทจากผลประกอบการมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อแปลงเป็นเยน
- นักลงทุนไทยในตลาดหุ้นญี่ปุ่น/สินทรัพย์ญี่ปุ่น: การถือหุ้นหรือกองทุนญี่ปุ่นจะเห็นมูลค่าเพิ่มเมื่อแปลงกลับเป็นบาท นอกจากกำไรจากหลักทรัพย์เอง
(มุมมองที่แตกต่าง) สำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ที่ทำธุรกิจกับญี่ปุ่น ควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เช่น สัญญาซื้อขายเงินล่วงหน้า (Forward Contract) หรือ Options เพื่อตรึงอัตราและลดความไม่แน่นอน ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่เด่นชัดคือยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งพึ่งพาชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นมาก การปรับซัพพลายเชนจึงเป็นทางเลือกที่จำเป็น
ผลกระทบต่อค่าเงินบาทและเศรษฐกิจมหภาคของไทย
แม้เงินเยนแข็งค่าจะไม่กระทบค่าเงินบาทโดยตรงมากนัก แต่ผลทางอ้อมยังคงต้องเฝ้าระวัง
- การเคลื่อนย้ายเงินทุน: ถ้าเยนยังแข็งค่าต่อเนื่องและเศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวดี อาจดึงเงินทุนจากเอเชียรวมไทยไปญี่ปุ่น ส่งผลให้บาทอ่อนลง
- ดุลการค้า: ต้นทุนนำเข้าจากญี่ปุ่นที่สูงขึ้นอาจกระทบดุลการค้าไทยในระยะสั้น
- นโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT): BOT จะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพื่อรักษาเสถียรภาพเงินบาทและเศรษฐกิจโดยรวม
แนวโน้มเงินเยนในอนาคต: มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญและปัจจัยที่ต้องจับตา
ปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางเงินเยนระยะสั้น-ระยะยาว
ทิศทางเงินเยนข้างหน้าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการที่ต้องจับตาให้ดี
- นโยบายของ BOJ: การตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มของ BOJ จะเป็นตัวกำหนดหลัก ถ้าขึ้นต่อเนื่อง เยนก็มีโอกาสแข็งค่ามากขึ้น
- นโยบายของ Fed และเศรษฐกิจสหรัฐฯ: การเคลื่อนไหวของ Fed และเศรษฐกิจอเมริกันจะกระทบส่วนต่างดอกเบี้ยโลก และบทบาทเยนเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
- ภาวะเงินเฟ้อของญี่ปุ่น: ถ้าเงินเฟ้อยังสูงอย่างยั่งยืน จะผลักดัน BOJ ให้เข้มงวดนโยบายมากขึ้น
- สถานการณ์เศรษฐกิจโลก: ความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจหรือความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์จะยังหนุนเยนให้เป็นที่พักพิง
การคาดการณ์จากสถาบันการเงินชั้นนำ
ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่งได้เผยรายงานคาดการณ์ โดยส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าเงินเยนจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์และสกุลหลักอื่นๆ ในปี 2024-2025
เช่น Bloomberg ชี้ว่าเยนจะแข็งค่าจากการปรับดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปของ BOJ แม้ระดับและเวลาจะขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ขณะที่ InnovestX จาก SCB X ก็มองว่าเยนมีโอกาสจากนโยบาย BOJ ที่เปลี่ยน ซึ่งอาจเป็นจังหวะดีสำหรับนักลงทุนไทยในสินทรัพย์ญี่ปุ่น
แต่การคาดการณ์เหล่านี้เป็นเพียงแนวทาง และอาจเปลี่ยนแปลงตามเศรษฐกิจโลกหรือนโยบายธนาคารกลาง
กลยุทธ์รับมือเงินเยนแข็งค่าสำหรับคนไทย
สำหรับนักท่องเที่ยว: วางแผนแลกเงินอย่างไรให้คุ้มค่า?
นักท่องเที่ยวไทยสามารถนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้เพื่อรับมือกับเงินเยนที่แข็งค่า
- ทยอยแลกเงิน: อย่าแลกหมดในครั้งเดียว แต่แบ่งเป็นก้อนเล็กๆ หลายรอบ เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนดูน่าถูกใจ
- เปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยน: เช็คจากหลายที่ เช่น ธนาคารหรือร้านแลกเงินอิสระอย่าง Super Rich ที่มักให้เรทดีกว่า
- ใช้บัตร Multi-Currency: บัตรเดบิตหรือเครดิตที่รองรับหลายสกุล ช่วยล็อกอัตราไว้ล่วงหน้าหรือได้เรทดีกว่าสำหรับเงินสด
- ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต/เดบิต: สำหรับค่าใช้จ่ายใหญ่ บัตรอาจให้อัตราดีกว่า และเลือกบัตรที่ไม่มีค่าธรรมเนียมแปลงสกุลหรือมีคืนเงิน
- ติดตามข่าวสาร: อัพเดทข่าวเศรษฐกิจและแนวโน้มเยน เพื่อจับจังหวะแลกเงินที่เหมาะสม
ตัวอย่าง: ถ้าวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นปลายปี เริ่มแลกเยนทีละน้อยตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าอัตราดูโอเค แทนที่จะรอแลกหมดก่อนเดินทางไม่กี่วันซึ่งอาจแพงกว่า
สำหรับนักลงทุน: โอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับเยน
เงินเยนแข็งค่าอาจเปิดประตูโอกาสให้นักลงทุนไทย
- ลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในญี่ปุ่น: กองทุนหุ้นญี่ปุ่นหรือพันธบัตรรัฐบาล อาจได้ประโยชน์จากเยนที่แข็งค่า
- ลงทุนใน JPY Futures (TFEX): สำหรับคนที่รู้จักตลาดและรับความเสี่ยงได้ ลองพิจารณาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเยนใน TFEX เพื่อเก็งกำไร
- การกระจายความเสี่ยง: สินทรัพย์ที่อิงเยนช่วยกระจายพอร์ต ลดการพึ่งพาสกุลอื่น
ข้อควรระวัง: การลงทุนเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลละเอียดและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนลงมือ
สำหรับผู้ประกอบการ: การบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะนำเข้า-ส่งออก ควรมุ่งเน้นการจัดการความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Forward Contract): ทำสัญญากับธนาคารเพื่อตรึงอัตราสำหรับธุรกรรมอนาคต ช่วยคำนวณต้นทุนหรือรายได้ได้ชัดเจน
- สัญญา Option: ให้สิทธิ์แต่ไม่บังคับซื้อขายสกุลเงินในอัตราที่กำหนด ยืดหยุ่นกว่าแต่มีค่าธรรมเนียม
- การจับคู่สกุลเงิน (Natural Hedging): สร้างสมดุลระหว่างรายรับและรายจ่ายที่เป็นเยน เพื่อลดความเสี่ยง
- การปรับกลยุทธ์ด้านราคา: นำเข้าอาจปรับราคาสินค้าหรือหาซัพพลายเออร์อื่น เพื่อควบคุมต้นทุน
- การปรับโครงสร้างซัพพลายเชน: ระยะยาว ลดการพึ่งพานำเข้าจากญี่ปุ่น หรือเพิ่มส่งออกเพื่อสมดุล
ตัวอย่าง: ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในไทยที่นำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่น ควรใช้ Forward Contract ล็อกต้นทุนเยนล่วงหน้า 3-6 เดือน เพื่อป้องกันความผันผวนในการผลิต
บทสรุป: เข้าใจเงินเยนแข็งค่า เพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
การแข็งค่าของเงินเยนเกิดจากปัจจัยหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับนโยบายใหญ่ของ BOJ บทบาทเยนเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หรือการหดตัวของส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างประเทศ ผลกระทบต่อไทยมีความซับซ้อน ตั้งแต่นักท่องเที่ยวที่เจอค่าใช้จ่ายพุ่ง ไปจนถึงธุรกิจและนักลงทุนที่ต้องรับมือโอกาสและอุปสรรคใหม่
การเข้าใจสาเหตุและผลกระทบเหล่านี้ พร้อมกลยุทธ์รับมือที่เหมาะสม จะช่วยให้ชาวไทยวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเดินทาง ท่องเที่ยว จัดการธุรกิจ หรือหาโอกาสลงทุน การอัพเดทข่าวสารจากผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอจึงสำคัญ เพื่อนำทางในโลกการเงินที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
เงินเยนแข็งค่า หมายความว่าอย่างไร และส่งผลต่อค่าเงินบาทอย่างไร?
เงินเยนแข็งค่าหมายถึง การที่ต้องใช้เงินสกุลอื่น (เช่น เงินบาท) จำนวนน้อยลงเพื่อแลกได้เงินเยนจำนวนเท่าเดิม หรือเงินเยน 1 หน่วยสามารถแลกเงินสกุลอื่นได้มากขึ้น
สำหรับค่าเงินบาท เมื่อเงินเยนแข็งค่าขึ้น เงินบาทของเราจะมีกำลังซื้อลดลงเมื่อเทียบกับเงินเยน หมายความว่า คุณจะต้องใช้เงินบาทจำนวนมากขึ้นเพื่อแลกได้เงินเยน 1 หน่วย ส่งผลให้การซื้อสินค้าหรือบริการที่อ้างอิงเงินเยนมีราคาสูงขึ้นในมุมของคนไทย
ทำไมเงินเยนถึงแข็งค่าขึ้นในช่วงนี้?
สาเหตุหลักมาจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษ โดยการยกเลิกนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบและยุติการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (YCC) นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกยังทำให้เงินเยนถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และการที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศอื่น ๆ แคบลง ก็ลดแรงจูงใจในการทำ Carry Trade ทำให้เกิดแรงซื้อเงินเยนกลับคืนสู่ตลาด
เงินเยนแข็งค่าดีหรือไม่ดีต่อเศรษฐกิจไทย?
ผลกระทบมีทั้งด้านบวกและลบ:
- **ด้านบวก:** ผู้ส่งออกไทยไปญี่ปุ่นจะได้รับรายได้เป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น และอาจดึงดูดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทยมากขึ้น
- **ด้านลบ:** ผู้นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นจะมีต้นทุนสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าในไทยแพงขึ้น และนักท่องเที่ยวไทยที่ไปญี่ปุ่นมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
โดยรวมแล้ว ผลกระทบสุทธิจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างการค้าและการลงทุนของไทยกับญี่ปุ่นในแต่ละช่วงเวลา
หากวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น ควรแลกเงินเยนเมื่อไหร่ดี?
ไม่มีช่วงเวลาที่แน่นอนว่า “ดีที่สุด” แต่มีกลยุทธ์ที่แนะนำคือ:
- **ทยอยแลกเงิน:** แบ่งการแลกเงินเป็นหลายๆ ครั้งเมื่อเห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับที่รับได้ เพื่อเฉลี่ยความเสี่ยง
- **ติดตามข่าวสาร:** เฝ้าระวังแนวโน้มค่าเงินเยนและข่าวสารเศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่อค่าเงิน
- **เปรียบเทียบอัตรา:** ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนจากธนาคารและร้านรับแลกเงินอิสระ (เช่น Super Rich)
- **พิจารณาใช้บัตร Multi-Currency:** บัตรเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถล็อกอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าหรือได้รับอัตราที่ดีกว่า
นักลงทุนไทยมีโอกาสทำกำไรจากเงินเยนแข็งค่าได้อย่างไรบ้าง?
นักลงทุนไทยสามารถพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับเงินเยน เช่น:
- กองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น: หากเงินเยนแข็งค่าและเศรษฐกิจญี่ปุ่นดีขึ้น มูลค่าของกองทุนเหล่านี้อาจเพิ่มขึ้น
- JPY Futures ใน TFEX: สำหรับผู้ที่เข้าใจตลาดและรับความเสี่ยงได้สูง สามารถเก็งกำไรจากการแข็งค่าของเงินเยนได้
- การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น: แม้ผลตอบแทนโดยตรงอาจไม่สูงมาก แต่การแข็งค่าของเงินเยนจะเพิ่มมูลค่าเมื่อแปลงกลับเป็นเงินบาท
อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ
ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกไทยควรรับมือกับเงินเยนแข็งค่าอย่างไร?
ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เช่น:
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Forward Contract): เพื่อล็อกอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต ทำให้สามารถคำนวณต้นทุนหรือรายรับได้แน่นอน
- สัญญา Option: ให้ความยืดหยุ่นในการซื้อหรือขายสกุลเงินในอัตราที่กำหนด
- การจับคู่สกุลเงิน: พยายามสร้างสมดุลระหว่างรายรับและรายจ่ายที่เป็นสกุลเงินเยน
- พิจารณาปรับกลยุทธ์ด้านราคาหรือแหล่งซัพพลายเชน: เพื่อลดผลกระทบต่อต้นทุนหรือเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
นโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เกี่ยวข้องกับการแข็งค่าของเงินเยนอย่างไร?
นโยบายของ BOJ เป็นปัจจัยหลัก การที่ BOJ ยกเลิกอัตราดอกเบี้ยติดลบและยุติการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (YCC) บ่งชี้ว่าญี่ปุ่นกำลังออกจากยุคนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้ผลตอบแทนจากการถือครองเงินเยนสูงขึ้น และลดแรงจูงใจในการกู้เงินเยนดอกเบี้ยถูกไปลงทุนที่อื่น ส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น
แนวโน้มค่าเงินเยนในระยะยาว (เช่น ปี 2025) มีการคาดการณ์ไว้อย่างไร?
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเงินเยนมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงปี 2024-2025 โดยมีปัจจัยหนุนจากการที่ BOJ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม และการที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยกับประเทศหลักอื่น ๆ แคบลง อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา
เงินเยนแข็งค่าจะมีผลต่อราคาสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นในไทยหรือไม่?
มีผลกระทบโดยตรง เมื่อเงินเยนแข็งค่าขึ้น ผู้นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นจะต้องใช้เงินบาทมากขึ้นในการซื้อเงินเยนเพื่อชำระค่าสินค้า ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น และผู้ประกอบการอาจส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ไปยังผู้บริโภค ทำให้ราคาสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นในไทย เช่น รถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสินค้าอุปโภคบริโภคบางชนิด มีราคาแพงขึ้นได้