CFD ย่อมาจากอะไร? 2 ความหมายสำคัญที่คุณต้องรู้ก่อนลงทุน

บทนำ: CFD ย่อมาจากอะไร? – สองความหมายที่คุณควรรู้

พอพูดถึงคำว่า “CFD” แล้ว หลายคนอาจนึกถึงความหมายที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะสองความหมายหลักที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย การรู้ให้ชัดเจนว่าความหมายไหนเหมาะกับบริบทใด โดยเฉพาะในแวดวงการลงทุน จึงช่วยให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้องมากขึ้น

ภาพประกอบคนสับสนกับสองเส้นทางที่ติดป้าย CFD แทนความหมายทางการเงินและวิทยาศาสตร์

CFD ทางการเงิน: สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (Contract for Difference)

ในวงการการเงิน คำว่า CFD มักหมายถึงสัญญาซื้อขายส่วนต่าง ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นักลงทุนทั่วโลกนิยมใช้ รวมถึงคนไทยที่อยากทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาในตลาดต่างๆ โดยไม่ต้องถือสินทรัพย์จริงๆ เอง ในบทความนี้ เราจะโฟกัสไปที่ด้านนี้เป็นหลัก เพื่อให้คุณเข้าใจการทำงาน โอกาสที่เปิดกว้าง และความเสี่ยงที่ต้องระวังให้ดี

ภาพประกอบมือถือแว่นขยายส่องดูกราฟและแผนภูมิทางการเงินพร้อมข้อความ Contract for Difference

CFD ทางวิทยาศาสตร์: พลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณ (Computational Fluid Dynamics)

แต่ถ้าออกนอกเรื่องการเงิน CFD ยังหมายถึงพลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณ ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่ใช้คอมพิวเตอร์และวิธีคำนวณทางตัวเลขมาวิเคราะห์การไหลของของเหลวหรือก๊าซ เช่น การออกแบบปีกเครื่องบินให้ลมไหลดี หรือศึกษาการไหลเวียนเลือดในร่างกาย แม้จะใช้ตัวย่อเดียวกัน แต่การนำไปใช้จริงนั้นห่างไกลกันมาก

ภาพประกอบนักวิทยาศาสตร์ใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์พลศาสตร์ของไหล เช่น การไหลของอากาศเหนือปีกเครื่องบิน

สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) คืออะไร? คำจำกัดความและหลักการทำงาน

สัญญาซื้อขายส่วนต่าง หรือ CFD คือข้อตกลงระหว่างนักลงทุนกับโบรกเกอร์ ที่จะชำระส่วนต่างของราคาสินทรัพย์ตั้งแต่เปิดดีลจนปิดดีล พูดง่ายๆ คือ คุณไม่ได้ซื้อหุ้น ทองคำ หรือสินค้าอื่นๆ จริงๆ แต่แค่เก็งกำไรจากทิศทางราคา ถ้าคาดถูกก็ได้กำไร แต่ถ้าผิดพลาดก็ขาดทุนตามไปด้วย

การทำงานของ CFD นั้นตรงไปตรงมาแต่ทรงพลังมาก คุณสามารถเปิดตำแหน่งซื้อถ้าคิดว่าราคาจะขึ้น หรือขายก่อนถ้าคาดว่าราคาจะลง ซึ่งต่างจากการลงทุนแบบเก่าที่มักทำกำไรได้แค่ตลาดขึ้นเท่านั้น ทำให้ CFD มีความยืดหยุ่นที่เหนือกว่า

ทำความเข้าใจ CFD ผ่านตัวอย่างง่ายๆ

เพื่อให้เห็นภาพชัด ลองดูตัวอย่างการเทรด CFD หุ้นสมมติดูสิ

  • สมมติคุณมองว่าราคาหุ้น A จะขึ้น เลยเปิดตำแหน่งซื้อ CFD 100 สัญญาที่ราคา 50 บาทต่อหุ้น
  • เงินมาร์จิ้นเริ่มต้นที่ต้องวางอาจแค่ 5% ของมูลค่ารวม เช่น 100 สัญญา x 50 บาท x 5% = 250 บาท
  • ถ้าราคาขึ้นเป็น 52 บาท และคุณปิดดีล กำไรก็คือ (52 – 50) x 100 = 200 บาท
  • แต่ถ้าราคาลงเหลือ 48 บาท และปิดดีล ขาดทุนก็ (48 – 50) x 100 = -200 บาท

สรุปคือ กำไรขาดทุนมาจากส่วนต่างราคาคูณจำนวนสัญญา ซึ่งช่วยให้เห็นภาพการเก็งกำไรได้ชัดเจน

กลไกสำคัญในการเทรด CFD: เลเวอเรจ, มาร์จิ้น และการซื้อขายสองทาง

การเทรด CFD อาศัยกลไกหลักสามอย่างที่นักลงทุนต้องรู้ลึกๆ เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและควบคุมความเสี่ยงได้ดี

เลเวอเรจ (Leverage): เพิ่มอำนาจการซื้อขายแต่เพิ่มความเสี่ยง

เลเวอเรจคือการยืมกำลังจากโบรกเกอร์เพื่อควบคุมดีลใหญ่ด้วยเงินน้อย เช่น อัตราทด 1:100 หมายถึงใช้เงิน 1 บาท ควบคุมสินค่าคือ 100 บาทได้

ผลกระทบที่ตามมา:

  • ขยายกำไร: ถ้าตลาดไปตามคาด แม้ราคาเปลี่ยนนิดเดียว เลเวอเรจก็ทำให้กำไรพุ่งสูงกว่าปกติ
  • ขยายขาดทุน: แต่ถ้าตลาดสวนทาง ขาดทุนก็จะใหญ่โตเช่นกัน อาจทำให้ทุนหายวับในพริบตา หรือเกินกว่าที่ฝากไว้

ดังนั้น เลเวอเรจเหมือนดาบสองคม ต้องใช้อย่างรอบคอบพร้อมแผนรับมือความเสี่ยง

มาร์จิ้น (Margin): หลักประกันในการเปิดสถานะ

มาร์จิ้นคือเงินที่ต้องฝากไว้กับโบรกเกอร์เพื่อเปิดและถือดีล CFD ที่ใช้เลเวอเรจ มันไม่ใช่ค่าธรรมเนียม แต่เป็นส่วนของทุนที่ถูกแช่แข็งเพื่อรับมือความเสี่ยง

  • มาร์จิ้นเริ่มต้น: ยอดขั้นต่ำที่ต้องมีในบัญชีเพื่อเริ่มดีลใหม่
  • มาร์จิ้นคงค้าง: ยอดขั้นต่ำที่ต้องรักษาไว้ ถ้าต่ำกว่านี้ โบรกเกอร์จะแจ้งเตือนให้เติมเงิน หรือปิดดีลบางส่วน ถ้าไม่ทำ โบรกเกอร์อาจปิดเองเพื่อป้องกันความเสียหาย

การซื้อขายสองทาง: ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง (Long & Short)

จุดเด่นอีกอย่างของ CFD คือทำกำไรได้ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง

  • ตำแหน่งซื้อ (Long): เปิดซื้อเมื่อคาดว่าราคาขึ้น กำไรเกิดเมื่อราคาเกินจุดเปิด
  • ตำแหน่งขาย (Short): เปิดขายเมื่อคาดว่าราคาลง กำไรเกิดเมื่อราคาต่ำกว่าจุดเปิด

ความยืดหยุ่นแบบนี้ช่วยให้นักลงทุนปรับตัวเข้ากับตลาดได้ทุกสถานการณ์ จึงไม่แปลกที่ CFD จะได้รับความนิยมขนาดนี้

ข้อดีและข้อเสียของการเทรด CFD

เหมือนเครื่องมือลงทุนอื่นๆ CFD ก็มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนที่ต้องชั่งน้ำหนักก่อนลงสนาม

ข้อดี: โอกาสที่หลากหลายและความยืดหยุ่น

  • เข้าถึงตลาดกว้าง: CFD เปิดโอกาสให้เทรดตลาดโลกได้ง่ายๆ เช่น หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำหรือน้ำมัน สกุลเงินฟอเร็กซ์ และคริปโต ทุกอย่างในบัญชีเดียว
  • เลเวอเรจช่วยเพิ่มทุน: ใช้เงินน้อยแต่ควบคุมดีลใหญ่ เปิดช่องทำกำไรได้มาก
  • กำไรสองทิศทาง: ไม่ว่าตลาดขึ้นหรือลง ก็มีโอกาสทำเงิน
  • ไม่มีวันหมดอายุ: ต่างจากฟิวเจอร์ส คุณถือดีลได้นานตามใจ แต่ต้องคำนึงถึงค่า rollover ถ้าถือข้ามคืน
  • สภาพคล่องดี: เข้าออกตลาดได้เร็ว ไม่ติดขัด

ข้อเสีย: ความเสี่ยงสูงและค่าใช้จ่ายแฝง

  • เลเวอเรจเสี่ยงหนัก: แม้ช่วยเพิ่มกำไร แต่ก็ขยายขาดทุนได้จนทุนหมดเกลี้ยงหรือเกิน
  • ค่าใช้จ่ายซ่อน: รวมถึง
    • สเปรด: ส่วนต่างราคาซื้อขายที่เป็นกำไรหลักของโบรกเกอร์
    • ค่า rollover: ค่าธรรมเนียมข้ามคืน คิดรายวัน
    • ค่าคอมมิชชั่น: บางโบรกเกอร์คิดเพิ่ม โดยเฉพาะ CFD หุ้น
  • ขาดทุนเกินทุน: ถ้าตลาดผันผวนแรง อาจเสียมากกว่าที่ฝาก แม้โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีระบบป้องกันยอดติดลบ
  • ซับซ้อนเกินมือใหม่: ต้องเข้าใจตลาดและความเสี่ยงดี มิฉะนั้นเสี่ยงสูง

สินค้าอ้างอิงที่สามารถเทรดด้วย CFD

CFDs โดดเด่นตรงที่ครอบคลุมสินทรัพย์หลากหลาย ช่วยให้นักลงทุนกระจายพอร์ตและลุ้นโอกาสจากตลาดต่างๆ ได้ สินค้าหลักที่เทรดได้มีดังนี้

  • ฟอเร็กซ์หรือสกุลเงิน: ตลาดใหญ่สุดในโลก เทรดคู่เงินหลักอย่าง EUR/USD, GBP/JPY, USD/THB
  • หุ้น: CFD หุ้นบริษัทดังทั่วโลก เช่น Apple, Google, Tesla บางโบรกเกอร์มีหุ้นไทยด้วย
  • ดัชนี: เทรดดัชนีใหญ่ๆ อย่าง S&P 500, Dow Jones, FTSE 100, DAX 30 หรือ SET50
  • สินค้าโภคภัณฑ์: ทองคำ, น้ำมันดิบ, เงิน, ก๊าซธรรมชาติ และสินค้าเกษตรบางตัว
  • คริปโตเคอร์เรนซี: บางแห่งมี Bitcoin, Ethereum, Ripple เก็งกำไรราคาโดยไม่ต้องถือเหรียญจริง
  • พันธบัตร: ไม่ค่อยฮิตเท่า แต่บางโบรกเกอร์มี CFD พันธบัตรรัฐบาล

เทรด CFD อย่างไรในประเทศไทย: คำแนะนำสำหรับนักลงทุนไทย

ถ้าคุณเป็นนักลงทุนไทยที่อยากลอง CFD มีเรื่องต้องคิดและขั้นตอนที่ควรทำ เพื่อให้ทุกอย่างปลอดภัยและถูกกฎหมาย

การเลือกโบรกเกอร์ CFD ที่น่าเชื่อถือและได้รับอนุญาต

ขั้นแรกต้องเลือกโบรกเกอร์ดีๆ ที่ได้รับการกำกับจากหน่วยงานน่าเชื่อถือระดับโลก เพราะในไทย ก.ล.ต. ยังไม่ดูแล CFD โดยตรง โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เลยมาจากต่างประเทศ เช่น ได้รับใบอนุมัติจาก CySEC, FCA, ASIC หรือ FSCA

เกณฑ์เลือกโบรกเกอร์:

  • การกำกับดูแล: เช็คว่าองค์กรกำกับเข้มงวดแค่ไหน
  • ชื่อเสียง: อ่านรีวิวและดูประวัติ
  • แพลตฟอร์ม: ใช้งานง่าย เช่น MT4 หรือ MT5
  • ค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบสเปรด คอมมิชชั่น rollover
  • บริการลูกค้า: ช่วยเหลือเร็ว มีภาษาไทย
  • สินค้าที่มี: ครอบคลุมสิ่งที่คุณอยากเทรด

ขั้นตอนการเริ่มต้นเทรด CFD

  1. ศึกษาข้อมูล: รู้จัก CFD ลึกๆ รวมความเสี่ยง
  2. เลือกโบรกเกอร์: ตามเกณฑ์ข้างบน
  3. เปิดบัญชี: ลงทะเบียน ยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนและบิลยืนยันที่อยู่
  4. ฝากเงิน: โอนธนาคาร บัตรเครดิต หรือ e-wallet
  5. เลือกแพลตฟอร์ม: ดาวน์โหลด MT4/5 หรือใช้เว็บ
  6. วางแผน: กำหนดกลยุทธ์ บริหารความเสี่ยงด้วย Stop Loss Take Profit
  7. เริ่มเทรด: ตามแผนที่วางไว้

ภาษีจากการเทรด CFD ในประเทศไทย

เรื่องภาษี CFD เป็นหัวข้อที่คนไทยสงสัยเยอะ เพราะเป็นการลงทุนต่างประเทศ กำไรจาก CFD ถือเป็นเงินได้ประเภท 40(4)(ซ) ตามประมวลรัษฎากร คือกำไรจากการลงทุนอื่นๆ

หลักการสำคัญ:

  • ถ้าคุณอยู่ไทยและนำกำไร CFD เข้ามาในปีเดียวกันหรือปีถัดไป ต้องรวมคำนวณภาษีบุคคลธรรมดาตามขั้นบันได
  • กำไรหุ้นไทยในตลาดหลักทรัพย์อาจยกเว้นภาษี แต่ CFD ไม่รวม
  • ถ้าไม่นำเงินกลับในเวลาที่กำหนด ตามกฎกรมสรรพากร กรมสรรพากร อาจไม่ต้องเสียภาษีไทย แต่กฎเปลี่ยนได้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญภาษีให้เหมาะกับตัวคุณ

การบริหารความเสี่ยงและจิตวิทยาในการเทรด CFD

การเทรด CFD ต้องไม่ใช่แค่รู้ตลาด แต่ต้องจัดการความเสี่ยงและอารมณ์ให้ดี เพราะเลเวอเรจทำให้ทุกอย่างเข้มข้นขึ้น

  • ตั้ง Stop Loss และ Take Profit:
    • Stop Loss: ปิดดีลอัตโนมัติถ้าราคาไปผิดทาง เพื่อจำกัดขาดทุน
    • Take Profit: ปิดดีลเพื่อล็อกกำไรเมื่อถึงเป้า
  • ใช้เลเวอเรจพอดี: อย่าใช้สูงเกิน ถ้ายังใหม่ เริ่มต่ำๆ แล้วค่อยเพิ่ม
  • ควบคุมขนาดเทรด: เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของทุนต่อดีล
  • จิตวิทยา:
    • อย่าเทรดตามอารมณ์: กลัวหรือโลภห้ามนำ ทำตามแผน
    • มีวินัย: ยึดกฎเสมอ
    • เรียนรู้จากผิดพลาด: จดบันทึกเทรด ทบทวนปรับปรุง

CFD กับการลงทุนรูปแบบอื่น: เปรียบเทียบ Forex, หุ้น และ Futures

การรู้ความต่างระหว่าง CFD กับเครื่องมืออื่นๆ ช่วยให้เลือกถูกตามสไตล์และความเสี่ยงที่รับไหว

คุณสมบัติ CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) Forex (ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา) หุ้น (ตลาดหลักทรัพย์) Futures (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า)
การเป็นเจ้าของสินทรัพย์ ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง ไม่ได้เป็นเจ้าของสกุลเงินจริง เป็นเจ้าของหุ้นจริง ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง (เป็นสัญญา)
สินทรัพย์อ้างอิง หลากหลาย (หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, Forex, คริปโตฯ) คู่สกุลเงินต่างๆ หุ้นของบริษัทจดทะเบียน สินค้าโภคภัณฑ์, ดัชนี, สกุลเงิน, อัตราดอกเบี้ย
เลเวอเรจ สูง (1:30 ถึง 1:500 ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และสินทรัพย์) สูง (คล้าย CFD) ต่ำ (หรือไม่มี หากซื้อด้วยเงินสด) สูง (ผ่าน Margin)
วันหมดอายุ ส่วนใหญ่ไม่มีวันหมดอายุ (มีค่า Rollover) ไม่มีวันหมดอายุ ไม่มีวันหมดอายุ มีวันหมดอายุที่แน่นอน
การซื้อขายสองทาง (Long/Short) ทำได้ ทำได้ ทำได้ (ผ่านการยืมหุ้น) ทำได้
ค่าใช้จ่ายหลัก สเปรด, ค่า Rollover, (คอมมิชชั่นบางกรณี) สเปรด, ค่า Rollover ค่าคอมมิชชั่น, ค่าธรรมเนียมตลาด ค่าคอมมิชชั่น, ค่าธรรมเนียมตลาด, ค่า Rollover (หากถือข้ามวันหมดอายุ)
การกำกับดูแลในไทย ยังไม่มีโดยตรง (โบรกเกอร์ต่างประเทศ) ยังไม่มีโดยตรง (โบรกเกอร์ต่างประเทศ) ก.ล.ต. ก.ล.ต. (ผ่าน TFEX)

CFD คล้ายฟอเร็กซ์ตรงเลเวอเรจและกำไรสองทาง แต่ครอบคลุมสินค้าหลากหลายกว่า ส่วนฟิวเจอร์สมีวันหมดอายุชัดเจน เหมาะ hedging หรือเก็งกำไรระยะสั้น หุ้นเน้นถือยาวและได้ส่วนแบ่งกำไรบริษัท

สรุป: CFD เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ต้องใช้ด้วยความเข้าใจ

CFDs คือเครื่องมือที่ช่วยเก็งกำไรจากความผันผวนตลาดได้หลากหลาย ด้วยเลเวอเรจและการเทรดสองทาง แต่ความเสี่ยงก็สูงตาม โดยเฉพาะเลเวอเรจที่อาจทำให้เสียเกินทุน

สำหรับคนไทย เข้าถึงผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศที่กำกับดี ต้องรู้ภาษีให้ชัด การจัดการความเสี่ยง วินัย และควบคุมอารมณ์คือกุญแจสู่ความสำเร็จ

ก่อนเริ่ม ศึกษาลึกๆ รู้จักผลิตภัณฑ์และตลาด ประเมินความเสี่ยงส่วนตัว ลองใช้เดโมก่อน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญถ้าจำเป็น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ CFD (FAQ)

CFD เสียภาษีไหมในประเทศไทย? ต้องยื่นยังไง?

กำไรจากการเทรด CFD ที่นำเข้ามาในประเทศไทย จะถือเป็นเงินได้พึงประเมินและต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้า อย่างไรก็ตาม กฎหมายภาษีอาจซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงได้ จึงแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีของไทยเพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุด

CFD กับ Forex ต่างกันอย่างไร และควรเลือกเทรดแบบไหนดี?

CFD เป็นสัญญาที่อ้างอิงกับสินทรัพย์หลากหลายประเภท (หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, สกุลเงิน ฯลฯ) ในขณะที่ Forex คือการเทรดคู่สกุลเงินโดยเฉพาะ CFD จึงมีความยืดหยุ่นและหลากหลายกว่าในแง่ของสินทรัพย์อ้างอิง การเลือกเทรดแบบไหนดีขึ้นอยู่กับความสนใจในตลาดของคุณและความเข้าใจในสินทรัพย์นั้นๆ

มือใหม่ควรเริ่มต้นเทรด CFD อย่างไร? มีขั้นตอนแนะนำไหม?

มือใหม่ควรเริ่มต้นด้วยการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทำความเข้าใจความเสี่ยง เลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ เปิดบัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อฝึกฝนโดยไม่มีความเสี่ยง จากนั้นค่อยเริ่มฝากเงินจริงด้วยจำนวนน้อยๆ และวางแผนการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวดเสมอ

การเทรด CFD มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ต้องระวังเป็นพิเศษ?

ความเสี่ยงหลักคือการขาดทุนจำนวนมากจากการใช้เลเวอเรจ ซึ่งอาจเกินกว่าเงินลงทุนเริ่มต้นของคุณ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด ค่าธรรมเนียมแฝง และความเสี่ยงของโบรกเกอร์ ควรใช้คำสั่ง Stop Loss เสมอ

โบรกเกอร์ CFD ที่ไหนที่น่าเชื่อถือและได้รับอนุญาตสำหรับคนไทย?

เนื่องจาก ก.ล.ต. ไทยยังไม่กำกับดูแล CFD โดยตรง นักลงทุนไทยจึงต้องเลือกโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานสากลที่มีชื่อเสียง เช่น FCA (สหราชอาณาจักร), ASIC (ออสเตรเลีย) หรือ CySEC (ไซปรัส ควรตรวจสอบใบอนุญาตและชื่อเสียงของโบรกเกอร์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ

เราสามารถทำกำไรจาก CFD ได้จริงหรือ? และมีโอกาสขาดทุนมากน้อยแค่ไหน?

นักลงทุนสามารถทำกำไรจาก CFD ได้จริงหากคาดการณ์ทิศทางราคาได้ถูกต้อง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะขาดทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีความรู้ความเข้าใจ การบริหารความเสี่ยงที่ไม่ดี หรือการใช้เลเวอเรจที่มากเกินไป สถิติแสดงให้เห็นว่านักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่ที่เทรด CFD มักจะขาดทุน

CFD Simulation คืออะไร? เกี่ยวข้องกับการเทรด CFD หรือไม่?

CFD Simulation มักจะหมายถึง Computational Fluid Dynamics Simulation (การจำลองพลศาสตร์ของไหลเชิงคํานวณ) ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการเทรด CFD ทางการเงิน การจำลองนี้ใช้ในทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเพื่อวิเคราะห์การไหลของของไหล ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายส่วนต่าง

ทำไม CFD ถึงไม่มีวันหมดอายุเหมือน Future?

CFD เป็นสัญญาที่ตกลงกันเองระหว่างนักลงทุนกับโบรกเกอร์โดยตรง ไม่ได้มีการซื้อขายผ่านตลาดกลางที่มีการกำหนดวันหมดอายุที่ชัดเจนเหมือนกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ทำให้มีความยืดหยุ่นในการถือครองสถานะได้นานขึ้น อย่างไรก็ตาม การถือสถานะข้ามคืนอาจมีค่า Rollover ที่ต้องจ่าย

การเทรดทอง CFD คืออะไร? แตกต่างจากการซื้อทองคำจริงอย่างไร?

การเทรดทอง CFD คือการเก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาทองคำโดยที่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของทองคำแท่งจริง ๆ ข้อดีคือใช้เงินลงทุนน้อยกว่า (ด้วยเลเวอเรจ) ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นขาลง และไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษา แต่แตกต่างจากการซื้อทองคำจริงที่ให้คุณเป็นเจ้าของสินทรัพย์และสามารถนำไปขายได้โดยตรง

คนไทยส่วนใหญ่พูดถึง CFD อย่างไรใน Pantip? มีข้อคิดเห็นอะไรน่าสนใจบ้าง?

ใน Pantip มักมีการพูดถึง CFD ในเชิงของการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงแต่ให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน หลายคนจะเน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาข้อมูล การเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ และการบริหารเงินทุนที่ดี ผู้ใช้งานบางรายอาจแบ่งปันประสบการณ์ทั้งด้านบวกและลบ รวมถึงคำแนะนำในการบริหารความเสี่ยงเพื่อไม่ให้ขาดทุนมากเกินไป

More From Author

M1: กุญแจสำคัญสู่ความเข้าใจเศรษฐกิจไทยในชีวิตประจำวันของคุณ

กระบวนการ IPO คือ: 9 ขั้นตอนสำคัญสู่การระดมทุนและเติบโตในตลาดหลักทรัพย์ไทย

發佈留言

近期留言

尚無留言可供顯示。