ตราสารทุน คืออะไร? 5 สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทย

บทนำ: ทำความรู้จัก “ตราสารทุน” กุญแจสู่การเป็นเจ้าของกิจการ

นักลงทุนมือใหม่ที่กำลังมองหาโอกาสสร้างความมั่งคั่งในตลาดหุ้นไทยควรให้ความสำคัญกับคำว่า “ตราสารทุน” ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ มันไม่ใช่แค่เอกสารหรือตัวเลขในบัญชีเท่านั้น แต่เป็นส่วนสำคัญที่เชื่อมโยงคุณกับการเป็นเจ้าของบริษัทที่คุณเลือกสนับสนุน การลงทุนแบบนี้เหมือนกับการเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจ ทำให้คุณมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับความสำเร็จและผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ

ในบทความนี้ เราจะสำรวจทุกมุมมองของตราสารทุน ตั้งแต่พื้นฐาน ความหมาย ประเภทต่างๆ จุดเด่นและจุดด้อย ความแตกต่างจากตราสารหนี้ และที่สำคัญคือขั้นตอนปฏิบัติจริงสำหรับการเริ่มต้นในตลาดหุ้นไทย เพื่อให้คุณมีพื้นฐานที่มั่นคงก่อนก้าวเข้าสู่โลกการลงทุน

ภาพประกอบนักลงทุนมือใหม่ถือกุญแจตราสารทุนพร้อมกราฟหุ้นที่กำลังเติบโตและเหรียญเงินในพื้นหลัง

ตราสารทุน คืออะไร? ความหมายและหลักการพื้นฐาน

ตราสารทุนหมายถึงหลักทรัพย์ที่แสดงถึงสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของกิจการสำหรับผู้ถือครอง กล่าวง่ายๆ คือ ผู้ถือตราสารทุนจะกลายเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในบริษัทตามสัดส่วนที่ถืออยู่ บริษัทออกตราสารเหล่านี้เพื่อรวบรวมเงินทุนจากประชาชนหรือนักลงทุน โดยนำเงินไปใช้ขยายธุรกิจ ดำเนินงานหรือจัดการหนี้สิน

เมื่อคุณเลือกถือตราสารทุน คุณจะได้รับสิทธิ์บางอย่างในฐานะเจ้าของ เช่น การลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้นสำหรับหุ้นสามัญ การรับเงินปันผลจากกำไรบริษัท และการแบ่งสินทรัพย์เหลือหากบริษัทยุติกิจการหลังหักหนี้ทั้งหมด ผลตอบแทนและความเสี่ยงจะขึ้นอยู่กับผลงานบริษัทและสภาวะตลาด ซึ่งแตกต่างจากตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนคงที่มากกว่า

ภาพประกอบบุคคลถือใบรับรองตราสารทุนพร้อมอาคารบริษัทและถุงเงินในพื้นหลัง

ตราสารทุน ไม่ใช่แค่ “หุ้น” เข้าใจความแตกต่าง

หลายคนมักสับสนระหว่างตราสารทุนกับหุ้น แต่หุ้นเป็นเพียงรูปแบบหลักของตราสารทุนเท่านั้น คำว่าตราสารทุนครอบคลุมกว้างกว่า อาจรวมถึงหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ หรือแม้แต่ใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นและหุ้นกู้แปลงสภาพที่คล้ายตราสารทุน

อย่างไรก็ตาม ในบริบทการลงทุนสาธารณะ ตราสารทุนมักหมายถึงหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การแยกแยะความสัมพันธ์นี้ช่วยให้นักลงทุนวิเคราะห์สินทรัพย์ได้ถูกต้อง ไม่เกิดความสับสน

ภาพประกอบแสดงฟองอากาศกลางที่มีคำตราสารทุน ลูกศรชี้ไปยังฟองเล็กๆ ที่ระบุหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ และใบสำคัญแสดงสิทธิ

เจาะลึกประเภทของ ตราสารทุน: หุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ

ตราสารทุนที่นักลงทุนรู้จักดีที่สุดคือหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งมีลักษณะและสิทธิ์ที่แตกต่างกันชัดเจน การรู้จักความต่างนี้ช่วยในการเลือกทางลงทุนที่เหมาะสม โดยเฉพาะในตลาดไทยที่บริษัทหลากหลายอุตสาหกรรม

1. หุ้นสามัญ (Common Stock)

หุ้นสามัญเป็นรูปแบบที่นิยมและพบเห็นบ่อยที่สุด ผู้ถือหุ้นประเภทนี้มีสถานะเป็นเจ้าของแท้จริง พร้อมสิทธิ์พื้นฐานดังนี้

สิทธิ์ลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อตัดสินเรื่องสำคัญ เช่น เลือกคณะกรรมการ เปลี่ยนข้อบังคับ หรืออนุมัติงบการเงิน นอกจากนี้ยังมีสิทธิ์รับเงินปันผลจากกำไร แต่จะได้รับหลังหุ้นบุริมสิทธิ และขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการ หากบริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้สินทรัพย์เป็นลำดับสุดท้ายหลังหักหนี้และหุ้นบุริมสิทธิ

ด้านผลตอบแทน หุ้นสามัญมีโอกาสทำกำไรสูงจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น หากบริษัทเติบโตดี แม้จะผันผวนมากกว่า แต่เหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงและอยากมีส่วนในการกำหนดทิศทางบริษัท เช่น ในบริษัทไทยชั้นนำอย่าง PTT หรือ CPALL ที่นักลงทุนรายย่อยมักเลือก

2. หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)

หุ้นบุริมสิทธิผสมผสานลักษณะของหุ้นสามัญและตราสารหนี้ ทำให้ผู้ถือมีสิทธิพิเศษเหนือหุ้นสามัญ เช่น

รับเงินปันผลในอัตราคงที่และก่อนหุ้นสามัญ แม้บริษัทกำไรน้อย แต่ส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิ์ลงคะแนน ยกเว้นกรณีพิเศษ หากบริษัทยุติ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้สินทรัพย์ก่อนหุ้นสามัญ

ผลตอบแทนค่อนข้างสม่ำเสมอและคาดเดาได้ แต่โอกาสกำไรจากราคาหุ้นน้อยกว่า จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการรายได้มั่นคงและเสี่ยงต่ำปานกลาง เช่น ผู้เกษียณที่มองหาเงินปันผล定期ในพอร์ต

ตารางเปรียบเทียบหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ

คุณสมบัติ หุ้นสามัญ (Common Stock) หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)
สถานะ เจ้าของกิจการ เจ้าของกิจการ (แต่มีสิทธิพิเศษ)
สิทธิออกเสียง มีสิทธิ โดยทั่วไปไม่มีสิทธิ
การรับเงินปันผล ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ, หลังผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ อัตราคงที่/แน่นอน, ก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ
การได้รับสินทรัพย์คืนเมื่อเลิกกิจการ ลำดับสุดท้าย ก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ
โอกาสทำกำไรจากราคาหุ้น สูงกว่า ต่ำกว่า
ความผันผวน สูงกว่า ต่ำกว่า
ภาพประกอบแสดงหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิพร้อมคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
การทำความเข้าใจความแตกต่างของหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกหุ้นที่เหมาะสมกับเป้าหมาย

ตราสารทุน vs. ตราสารหนี้: ความแตกต่างที่นักลงทุนควรรู้

นอกจากรู้จักประเภทย่อยของตราสารทุนแล้ว นักลงทุนยังควรเข้าใจความต่างจากตราสารหนี้ เพราะทั้งคู่เป็นเครื่องมือหลักที่บริษัทใช้ระดมทุน และนักลงทุนสามารถเลือกผสมเพื่อให้พอร์ตสมดุล

ตราสารหนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ผู้ถือมีสถานะเป็นผู้ให้กู้บริษัทหรือรัฐบาล ได้รับดอกเบี้ยสม่ำเสมอตามสัญญา และได้เงินต้นคืนเมื่อครบกำหนด ตัวอย่างเช่น พันธบัตรรัฐ หุ้นกู้บริษัท หรือตั๋วเงินคลัง ซึ่งให้ความมั่นคงมากกว่าในช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอน

ตารางเปรียบเทียบตราสารทุนและตราสารหนี้

คุณสมบัติ ตราสารทุน (Equity Instrument) ตราสารหนี้ (Debt Instrument)
สถานะ เจ้าของกิจการ (ผู้ถือหุ้น) เจ้าหนี้ (ผู้ให้กู้)
ผลตอบแทน เงินปันผล, กำไรจากราคาหุ้น (Capital Gain) ดอกเบี้ย
ความสม่ำเสมอของผลตอบแทน ไม่แน่นอน, ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ แน่นอน, จ่ายตามกำหนด
สิทธิในการบริหาร มีสิทธิออกเสียง (หุ้นสามัญ) ไม่มีสิทธิออกเสียง
การได้รับสินทรัพย์คืนเมื่อเลิกกิจการ ลำดับสุดท้าย ลำดับแรกๆ (ก่อนตราสารทุน)
ความเสี่ยง สูงกว่า (ราคาผันผวน) ต่ำกว่า (มั่นคงกว่า)
อายุ ไม่มีกำหนด (ต่อเนื่องตราบเท่าที่บริษัทดำรงอยู่) มีกำหนดไถ่ถอน
ภาพประกอบแสดงเครื่องชั่งน้ำหนัก เปรียบเทียบตราสารทุนและตราสารหนี้ โดยมีสัญลักษณ์หุ้นและพันธบัตรอยู่คนละฝั่ง
การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้ช่วยให้คุณสร้างพอร์ตลงทุนที่สมดุล

สำหรับนักลงทุนไทย การกระจายพอร์ตระหว่างตราสารทุนเพื่อเติบโตและตราสารหนี้เพื่อความมั่นคงเป็นกลยุทธ์ยอดนิยม โดยปรับตามเป้าหมายและความเสี่ยงส่วนตัว ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตราสารหนี้ สามารถหาได้จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เว็บไซต์ SET ซึ่งมีคู่มือและตัวอย่างจริง

ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนใน ตราสารทุน

การลงทุนตราสารทุนมีทั้งโอกาสและความท้าทาย นักลงทุนควรชั่งน้ำหนักให้ดีเพื่อตัดสินใจอย่างรอบคอบ โดยพิจารณาจากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัวหลังโควิด

ข้อดีของการลงทุนในตราสารทุน

1. โอกาสผลตอบแทนสูงในระยะยาว โดยเฉพาะบริษัทเติบโต เช่น ในภาคเทคโนโลยีหรือการท่องเที่ยวไทย
2. มีส่วนร่วมในความสำเร็จบริษัท ผ่านราคาหุ้นที่ขึ้นและเงินปันผล
3. ได้รับเงินปันผลเป็นรายได้เสริม หากบริษัททำกำไรดี
4. สภาพคล่องดี หุ้นใน SET ซื้อขายง่าย รวดเร็ว
5. ช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ต เมื่อรวมกับสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ทองคำหรืออสังหา

ข้อเสียของการลงทุนในตราสารทุน

1. ราคาผันผวนรุนแรง จากข่าวหรือเศรษฐกิจ เช่น ผลกระทบจากน้ำท่วมหรือสงครามการค้า
2. เสี่ยงขาดทุนเงินต้น หากขายในช่วงราคาตก
3. ต้องใช้ความรู้และเวลาในการวิเคราะห์งบการเงินและตลาด
4. ข้อมูลไม่เท่าเทียม นักลงทุนรายย่อยอาจเสียเปรียบสถาบันใหญ่
5. ได้รับผลจากปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายรัฐหรือโรคระบาด

ภาพประกอบแสดงเครื่องชั่งน้ำหนัก โดยฝั่งหนึ่งมีเหรียญทองกองสูง (ข้อดี) อีกฝั่งมีก้อนหินและเมฆฝน (ข้อเสีย)
การพิจารณาข้อดีและข้อเสียอย่างรอบด้านคือกุญแจสู่การลงทุนที่ชาญฉลาด

ตราสารทุน เหมาะกับใคร? ค้นหาสไตล์การลงทุนที่ใช่

ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับตราสารทุน การเลือกควรดูจากเป้าหมาย ความเสี่ยงที่รับได้ และสถานะการเงิน โดยเฉพาะในไทยที่นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มจากเงินออม

1. ผู้รับความเสี่ยงสูงถึงปานกลาง ที่พร้อมรับมือราคาลงชั่วคราว
2. ผู้ต้องการเอาชนะเงินเฟ้อในระยะยาว เช่น 5-10 ปี
3. ผู้มีพื้นฐานการลงทุน เช่น เข้าใจงบการเงินเบื้องต้น
4. ผู้มีเวลาติดตามข่าวและผลประกอบการ
5. ผู้ใช้เงินเย็นที่ไม่จำเป็นต้องใช้ด่วน

สำหรับมือใหม่ไทยที่ชินกับฝากธนาคารผลตอบแทนต่ำ ควรศึกษาก่อน เริ่มด้วยเงินน้อยหรือกองทุนรวม เพื่อเรียนรู้โดยไม่เสี่ยงมาก กองทุนเหล่านี้ช่วยกระจายความเสี่ยงผ่านผู้จัดการมือโปร

ภาพประกอบแสดงบุคคลกำลังพิจารณาทางเลือกการลงทุนต่างๆ โดยมีสัญลักษณ์หุ้นอยู่ด้านหน้า
ค้นหาสไตล์การลงทุนที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง

เริ่มต้นลงทุนใน ตราสารทุน อย่างไรในตลาดหุ้นไทย

หากคุณมือใหม่สนใจตลาดหุ้นไทย ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้เริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ โดยเน้นการวางแผนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป

1. ศึกษาพื้นฐานและกำหนดเป้าหมาย เช่น เพื่อเกษียณหรือรายได้เสริม เรียนรู้หุ้นและความเสี่ยงจากแหล่งน่าเชื่อถือ
2. เปิดบัญชีหลักทรัพย์
* เลือกโบรกเกอร์เชื่อถือได้ เช่น Yuanta Securities, SCB Securities, Kiatnakin Phatra Securities, Phillip Securities
* เตรียมบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน บัญชีธนาคาร และเอกสารรายได้
* เปิดออนไลน์ได้ง่ายและเร็ว
3. รู้จักตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
* เป็นศูนย์กลางซื้อขาย ศึกษาบริษัท ดัชนี และข่าวจาก เว็บไซต์ SET
* เรียนรู้เวลาเทรด กฎ และคำสั่งซื้อ
4. วิเคราะห์หุ้น
* พื้นฐาน: ดูงบการเงิน ธุรกิจ และคู่แข่ง
* เทคนิค: ใช้กราฟราคาสำหรับระยะสั้น
* เริ่มจากบริษัทที่รู้จัก เช่น ร้านสะดวกซื้อหรือธนาคารไทย
5. จัดการความเสี่ยง
* กระจาย: ลงทุนหลายหุ้น หลายภาค
* ตั้งจุดหยุดขาดทุนเพื่อจำกัดเสียหาย
* ทยอยลงทุนสม่ำเสมอเพื่อลดจังหวะผิด
6. ติดตามและปรับ
* เช็คผลประกอบการ เศรษฐกิจ และข่าว定期
* ปรับพอร์ตหากจำเป็น

ก.ล.ต. กำกับดูแลตลาดให้โปร่งใส คุ้มครองนักลงทุน ศึกษากฎและสิทธิ์จาก เว็บไซต์ ก.ล.ต. เพื่อความมั่นใจ

ภาพประกอบแสดงขั้นตอนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เริ่มจากศึกษาความรู้ เปิดบัญชี เลือกหุ้น และบริหารความเสี่ยง
แผนที่นำทางสู่การลงทุนในตลาดหุ้นไทยสำหรับมือใหม่

สรุป: ตราสารทุน เครื่องมือสำคัญสู่การสร้างความมั่งคั่ง

ตราสารทุนคือเครื่องมือทรงพลังสำหรับสร้างความมั่งคั่งระยะยาว แม้เสี่ยงและผันผวน แต่ด้วยความเข้าใจ การวางแผน และจัดการความเสี่ยง มันจะเป็นกุญแจสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจและอิสรภาพทางการเงิน

ไม่ใช่การเก็งกำไรสั้น แต่คือการลงทุนในอนาคตบริษัทและเศรษฐกิจไทยที่มีบริษัทศักยภาพมากมาย การเรียนรู้ต่อเนื่อง วินัย และอดทนจะนำไปสู่ความสำเร็จ

ภาพประกอบแสดงมือที่กำลังถือตราสารทุน โดยมีกราฟการเติบโตและเหรียญทองล้อมรอบ
ตราสารทุนเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

1. ตราสารทุน กับ ตราสารหนี้ แตกต่างกันอย่างไรในแง่ของผลตอบแทนและความเสี่ยง?

ตราสารทุนมีความผันผวนสูงกว่า มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงจากเงินปันผลและกำไรจากราคาหุ้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนเงินต้นได้มากกว่า ในขณะที่ตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยที่สม่ำเสมอและมีความเสี่ยงต่ำกว่า แต่โอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงมากก็มีจำกัด

2. นักลงทุนมือใหม่ควรเริ่มต้นลงทุนใน ตราสารทุน ประเภทไหนดีที่สุดในตลาดหุ้นไทย?

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ในตลาดหุ้นไทย ควรเริ่มต้นด้วยหุ้นสามัญของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีผลประกอบการสม่ำเสมอ และอยู่ในอุตสาหกรรมที่เข้าใจง่าย หรือพิจารณาลงทุนผ่านกองทุนรวมตราสารทุนที่บริหารโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อกระจายความเสี่ยง

3. การลงทุนใน ตราสารทุน มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่นักลงทุนควรรู้?

ความเสี่ยงหลักๆ ได้แก่ ความเสี่ยงด้านราคา (ราคาหุ้นผันผวน) ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (อาจขายหุ้นไม่ได้ตามราคาที่ต้องการ) ความเสี่ยงด้านธุรกิจ (ผลประกอบการบริษัทแย่ลง) และความเสี่ยงด้านตลาด (ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี) การกระจายความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้

4. เงินปันผลจาก ตราสารทุน ต้องเสียภาษีอย่างไรในประเทศไทย?

เงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของประเทศไทยจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสามารถนำเงินปันผลที่ได้รับไปเครดิตภาษีเพื่อขอคืนภาษีได้ หากอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของคุณต่ำกว่า 10% หรือนำไปคำนวณภาษีรวมกับรายได้อื่นๆ ในกรณีที่อัตราภาษีสูงกว่า 10%

5. หากต้องการซื้อขาย ตราสารทุน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่ไหนดี?

คุณสามารถเปิดบัญชีหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ในประเทศไทยได้ โบรกเกอร์ยอดนิยมบางแห่งได้แก่ Yuanta Securities, SCB Securities, Kiatnakin Phatra Securities, Phillip Securities, หรือ Krungsri Securities การเลือกโบรกเกอร์ควรพิจารณาจากค่าธรรมเนียม บริการที่ได้รับ และความสะดวกสบายในการใช้งานแพลตฟอร์ม

6. กองทุนรวมตราสารทุน คืออะไร และเหมาะสำหรับใคร?

กองทุนรวมตราสารทุน (Equity Mutual Fund) คือกองทุนรวมที่นำเงินของนักลงทุนหลายคนไปลงทุนในหุ้นหลากหลายบริษัท โดยมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพเป็นผู้คัดเลือกและบริหารจัดการ เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่มีเวลาศึกษาหุ้นรายตัว หรือผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและใช้บริการผู้เชี่ยวชาญ

7. มีข้อควรระวังอะไรบ้างเมื่อลงทุนใน ตราสารทุน ที่เพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์?

หุ้นที่เพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ (IPO) มักมีความผันผวนสูงในช่วงแรก เนื่องจากตลาดยังอยู่ในช่วงประเมินมูลค่าที่แท้จริง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลบริษัทอย่างละเอียด ทำความเข้าใจธุรกิจและปัจจัยความเสี่ยง รวมถึงไม่ควรลงทุนด้วยเงินจำนวนมากเกินไปในช่วงเริ่มต้น

8. ตราสารทุน สามารถใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมได้หรือไม่?

ได้ หุ้นบางประเภทสามารถนำไปใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อได้ เช่น การกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่ม (Margin Loan) หรือสินเชื่อส่วนบุคคลบางประเภท แต่จะมีข้อกำหนดและเงื่อนไขจากสถาบันการเงินที่แตกต่างกันไป

9. ในสถานการณ์เศรษฐกิจผันผวน ตราสารทุน ยังน่าสนใจลงทุนอยู่หรือไม่?

ในสถานการณ์เศรษฐกิจผันผวน ตลาดหุ้นมักจะได้รับผลกระทบ ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง ซึ่งอาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาวในการซื้อหุ้นพื้นฐานดีในราคาที่ถูกลง อย่างไรก็ตาม ควรเพิ่มความระมัดระวัง ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน และกระจายความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด

10. ตราสารทุน สามารถถือครองได้ในระยะยาวเพื่อเป้าหมายการเกษียณอายุได้หรือไม่?

ตราสารทุนเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวเพื่อเป้าหมายอย่างเช่นการเกษียณอายุอย่างยิ่ง เนื่องจากมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าสินทรัพย์อื่นในระยะยาว ซึ่งช่วยให้เงินลงทุนเติบโตเอาชนะอัตราเงินเฟ้อได้ อย่างไรก็ตาม ต้องอาศัยความอดทนและวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

More From Author

MT4 คืออะไร? 10 ข้อควรรู้สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ในไทย

NNE หุ้นพลังงานนิวเคลียร์แห่งอนาคต: โอกาสและความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนไทย

發佈留言