ตลาดหุ้นคืออะไร? นิยามและหลักการเบื้องต้น
ตลาดหุ้น หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการอย่าง ตลาดหลักทรัพย์ ถือเป็นส่วนสำคัญยิ่งในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม มันคือพื้นที่ที่ช่วยให้บริษัทต่างๆ หาเงินทุนจากประชาชนทั่วไปได้ ขณะเดียวกัน ก็เปิดทางให้นักลงทุนได้ถือครองส่วนแบ่งในบริษัทเหล่านั้นผ่านการแลกเปลี่ยนหุ้น

สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น การเข้าใจว่าตลาดหุ้นทำงานอย่างไรอาจดูยุ่งยากในช่วงแรก แต่จริงๆ แล้ว มันคือกระบวนการพื้นฐานที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตและเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนที่หลากหลายและมีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในบริบทของประเทศไทยที่ตลาดนี้มีบทบาทเด่นชัดในการเชื่อมโยงเงินทุนกับการพัฒนาธุรกิจ

ความหมายของตลาดหุ้นและตลาดหลักทรัพย์
คำว่า “ตลาดหุ้น” กับ “ตลาดหลักทรัพย์” มักถูกเอามาใช้แทนกันได้ในชีวิตประจำวัน และมีความหมายที่ใกล้เคียงกัน แต่ถ้าพูดถึง “ตลาดหลักทรัพย์” โดยเฉพาะ มันหมายถึงหน่วยงานหรือสถาบันที่รับผิดชอบในการจัดการและอำนวยความสะดวกให้การซื้อขายหลักทรัพย์เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบและถูกต้อง

ในบ้านเรา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET คือศูนย์กลางหลักที่ดูแลการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ ส่วน “หุ้น” นั้นคือหน่วยเล็กๆ ที่แสดงถึงสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของบริษัท เมื่อคุณซื้อหุ้นเข้าไป คุณก็กลายเป็นผู้ถือหางส่วนหนึ่งตามจำนวนที่ถือไว้จริงๆ
บริษัทต่างๆ มักต้องการเงินทุนเพื่อขยายตัว พัฒนาสินค้าใหม่ หรือจัดการหนี้สิน แทนที่จะพึ่งพาธนาคารอย่างเดียว พวกเขาจึงหันไปขอทุนจากประชาชนผ่านการขายหุ้น ซึ่งขั้นตอนนี้เรียกว่าการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์
จากมุมของนักลงทุน การนำเงินมาลงทุนในหุ้นช่วยให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินธรรมดา ผ่านทางกำไรจากส่วนต่างราคาหรือเงินปันผลที่บริษัทแจกจ่าย
ตลาดหุ้นมีไว้ทำอะไร? หน้าที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นมีส่วนช่วยเหลือเศรษฐกิจของประเทศในหลายมิติ โดยเฉพาะในฐานะแหล่งทุนระยะยาวที่เรียกว่า “ตลาดทุน” หน้าที่หลักที่เห็นได้ชัด ได้แก่
- การระดมทุนสำหรับบริษัท: ช่วยให้บริษัทหาเงินก้อนใหญ่จากประชาชน เพื่อเอาไปใช้ในธุรกิจ ขยายกิจการ หรือลงทุนในโปรเจกต์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจขยายตัว
- การสร้างโอกาสในการลงทุน: เปิดประตูให้ทั้งนักลงทุนรายบุคคลและองค์กรใหญ่ๆ ได้มีส่วนร่วมในความเติบโตของเศรษฐกิจ ช่วยสร้างทรัพย์สินและบรรลุเป้าหมายทางการเงิน
- การจัดหาสภาพคล่อง: ทำให้หุ้นซื้อขายได้ง่ายและรวดเร็ว นักลงทุนจึงแปลงหุ้นเป็นเงินสดได้สะดวก ซึ่งเพิ่มความมั่นใจให้ทุกคนกล้าลงทุนมากขึ้น
- การสะท้อนมูลค่าบริษัทและภาวะเศรษฐกิจ: ราคาหุ้นในตลาดมักบอกเล่าถึงสุขภาพของบริษัทและภาพรวมเศรษฐกิจ รวมถึงความคาดหวังต่ออนาคต ทำให้ตลาดนี้เหมือนกระจกสะท้อนสภาพเศรษฐกิจ
- การส่งเสริมธรรมาภิบาล: บริษัทที่เข้าจดทะเบียนต้องทำตามกฎเข้มงวดและเปิดเผยข้อมูลให้โปร่งใส ส่งผลให้เกิดการบริหารงานที่ดีและรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น
หน้าที่เหล่านี้ทำให้ตลาดหุ้นกลายเป็นเส้นเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจให้ไหลเวียนและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ SET ช่วยเชื่อมโยงทุนกับการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลไกการทำงานของตลาดหุ้นไทย
การรู้จักกลไกเบื้องหลังการทำงานของตลาดหุ้นไทย จะช่วยให้ผู้เริ่มต้นเห็นภาพใหญ่ชัดเจนขึ้น รวมถึงเข้าใจบทบาทของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และกระบวนการซื้อขายที่เกิดขึ้นทุกวัน
ใครคือผู้เล่นหลักในตลาด?
ตลาดหุ้นไม่ได้มีแค่ผู้ซื้อกับผู้ขายเท่านั้น แต่ยังมีองค์กรและบุคคลอื่นๆ ที่ทำให้ทุกอย่างเดินหน้าได้ราบรื่น
- นักลงทุน (Investors): แบ่งเป็นรายย่อยที่ใช้เงินตัวเองลงทุน และสถาบันใหญ่ๆ เช่น กองทุนรวม บริษัทประกัน หรือกองทุนบำนาญ ที่จัดการเงินจำนวนมหาศาลแทนลูกค้าหรือสมาชิก
- บริษัทจดทะเบียน (Listed Companies): คือบริษัทที่นำหุ้นมาขายในตลาดเพื่อหาทุน พวกเขาต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญตามที่ SET และ ก.ล.ต. กำหนด เพื่อความโปร่งใส
- บริษัทหลักทรัพย์ (Securities Companies/Brokers): ทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขายแทนนักลงทุน คุณต้องเปิดบัญชีกับพวกเขาก่อนถึงจะเทรดได้ นอกจากนี้ยังให้คำปรึกษาและวิเคราะห์ตลาดด้วย
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET): จัดระบบซื้อขายทั้งหมด กำหนดกฎเพื่อความยุติธรรม และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ทุกคนเข้าถึง
- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.): หน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลตลาดทุนทั้งระบบ เพื่อปกป้องนักลงทุนและพัฒนาตลาดให้เชื่อถือได้
- ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Makers): กลุ่มที่ช่วยรักษาความคล่องตัวของตลาด โดยเสนอราคาซื้อขายในหลักทรัพย์บางตัวเสมอ
ทุกฝ่ายเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้ตลาดหุ้นไทยดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
การซื้อขายหุ้นเกิดขึ้นได้อย่างไร? (ตลาดแรกและตลาดรอง)
การแลกเปลี่ยนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก คือ
- ตลาดแรก (Primary Market):
- คือจุดที่บริษัทออกหุ้นใหม่ขายให้ประชาชนครั้งแรก หรือที่เรียกว่า IPO
- เป้าหมายคือหาเงินทุนตรงจากสาธารณะ ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่บริษัทแต่งตั้ง
- หลังจากได้เงิน หุ้นเหล่านี้จะถูกนำไปจดทะเบียนและเทรดต่อในตลาดรอง
- ตลาดรอง (Secondary Market):
- คือที่ที่นักลงทุนแลกเปลี่ยนหุ้นกันเอง หลังจากออกในตลาดแรกแล้ว
- SET คือตลาดรองหลักสำหรับหุ้นไทย
- การเทรดที่นี่ไม่หาเงินให้บริษัทโดยตรง แต่เป็นการส่งต่อสิทธิ์ระหว่างนักลงทุน
- ราคาหุ้นขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งเปลี่ยนตามผลประกอบการ ข่าวเศรษฐกิจ นโยบายรัฐ และความเชื่อมั่น
เมื่อคุณสั่งซื้อหรือขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์ คำสั่งนั้นจะถูกส่งไปยังระบบของ SET เพื่อจับคู่ ถ้าตรงกัน การเทรดก็สำเร็จและสิทธิ์ในหุ้นจะถูกโอนทันที
ประเภทของหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหุ้น
นอกจากหุ้นธรรมดาแล้ว ตลาดหุ้นยังมีหลักทรัพย์อื่นๆ ที่น่าลองและมีลักษณะเฉพาะ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนเลือกได้ตามสไตล์
หุ้นสามัญ (Common Stocks) และหุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stocks)
หุ้นสามัญคือตัวที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการซื้อขาย แต่ยังมีหุ้นบุริมสิทธิที่แตกต่างกัน ลองดูคุณสมบัติเปรียบเทียบ
คุณสมบัติ | หุ้นสามัญ (Common Stocks) | หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stocks) |
---|---|---|
สิทธิออกเสียง | มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น | ไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น (หรือมีจำกัด) |
เงินปันผล | ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผลประกอบการและนโยบายบริษัท | ได้รับเงินปันผลในอัตราคงที่และได้รับก่อนหุ้นสามัญ |
การชำระบัญชี | ได้รับเงินคืนหลังหุ้นบุริมสิทธิและเจ้าหนี้ | ได้รับเงินคืนก่อนหุ้นสามัญ (แต่หลังเจ้าหนี้) |
โอกาสทำกำไร | มีโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นสูงกว่า | มีโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นจำกัดกว่า แต่มีความมั่นคงด้านปันผล |
ส่วนใหญ่แล้ว หุ้นสามัญเหมาะกับคนที่อยากมีสิทธิ์ตัดสินใจและหวังกำไรจากราคาที่พุ่งสูง ในขณะที่หุ้นบุริมสิทธิ์ดีสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอจากปันผล โดยเฉพาะนักลงทุนที่มองหาความมั่นคงมากกว่าเสี่ยง
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (Stock Market Index): SET Index คืออะไร?
ในตลาดหุ้นไทย คำว่า “SET Index” เป็นสิ่งที่ได้ยินบ่อย มันคือตัววัดภาพรวมของตลาด โดยนำราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนมาคำนวณถ่วงน้ำหนัก เพื่อดูว่าตลาดกำลังขึ้นหรือลง
SET Index คือดัชนีที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของหุ้นทุกตัวใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถ้าดัชนีสูงขึ้น แสดงว่ามูลค่าตลาดโดยรวมดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีดัชนีอื่นๆ ที่ช่วยวิเคราะห์ เช่น
- SET50 Index: จาก 50 บริษัทใหญ่และคล่องตัวที่สุด
- SET100 Index: จาก 100 บริษัทขนาดใหญ่รองลงมา
ดัชนีพวกนี้เป็นเครื่องมือที่นักลงทุนใช้เช็คผลงานพอร์ตตัวเอง และช่วยตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะมือใหม่ที่อยากติดตามแนวโน้มตลาด
ทำไมคนถึงลงทุนในตลาดหุ้น? ข้อดีและข้อควรพิจารณา
การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นทางเลือกยอดฮิตทั่วโลก แต่เหมือนการลงทุนอื่นๆ มันมีทั้งจุดเด่นและสิ่งที่ต้องคิดให้ดีก่อนเริ่ม
โอกาสสร้างผลตอบแทนและปันผล
คนส่วนใหญ่หันมาลงทุนเพราะหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากธนาคารหรือพันธบัตร ผลตอบแทนหลักๆ มาจาก
- ส่วนต่างราคาหุ้น (Capital Gain): กำไรจากการขายหุ้นแพงกว่าที่ซื้อ เช่น ซื้อที่ 10 บาท ขายที่ 12 บาท ได้กำไร 2 บาทต่อหุ้น
- เงินปันผล (Dividend): ส่วนแบ่งกำไรที่บริษัทแจกให้ผู้ถือหุ้นเป็นประจำ ขึ้นกับผลงานและนโยบาย
ถ้าคุณเลือกหุ้นดีๆ ที่เติบโตและจ่ายปันผลสม่ำเสมอ มันจะสร้างรายได้แบบไม่ต้องเหนื่อยและเพิ่มทรัพย์ในระยะยาว แต่จำไว้ว่า ผลเก่าไม่รับประกันอนาคตเสมอไป
ความเสี่ยงและสิ่งที่ต้องรู้ก่อนลงทุน
ถึงจะมีโอกาสดี แต่ตลาดหุ้นก็มีความเสี่ยงที่ต้องจัดการให้ดี
- ความเสี่ยงจากราคาตลาด (Market Risk): ราคาผันผวนตามเศรษฐกิจ ข่าว และความเชื่อมั่น อาจทำให้ขาดทุนได้
- ความเสี่ยงจากบริษัท (Company-Specific Risk): จากปัญหาภายในบริษัท เช่น ขาดทุน การบริหารผิดพลาด หรือแข่งขันหนัก
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk): หุ้นบางตัวเทรดยาก อาจไม่ขายได้ตามราคาที่อยาก
- ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk): ถ้าลงทุนต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงค่าเงินอาจกระทบผลตอบแทน
สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนลงทุน:
- ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด: ดูธุรกิจ ผลงาน งบการเงิน และเทรนด์อุตสาหกรรม
- ประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้: รู้ว่าคุณรับขาดทุนได้แค่ไหน
- กระจายความเสี่ยง: อย่าใส่ไข่ในตะกร้าใบเดียว กระจายไปหลายหุ้นหรือสินทรัพย์
- ลงทุนด้วยเงินเย็น: ใช้เงินที่ไม่กระทบชีวิตประจำวัน เพราะตลาดผันผวนระยะสั้น
- เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: ตลาดเปลี่ยนแปลงเสมอ ต้องอัพเดทตัวเอง
เริ่มต้นอย่างไรในตลาดหุ้นไทย? คำแนะนำสำหรับมือใหม่
พอเข้าใจพื้นฐานแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือเตรียมตัวลงสนามจริงในตลาดหุ้นไทย นี่คือแนวทางสำหรับผู้เริ่ม
ขั้นตอนการเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ในไทย
เพื่อเทรดหุ้น คุณต้องเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์
- เลือกบริษัทหลักทรัพย์: มีหลายแห่ง เช่น บล.กสิกรไทย, บล.บัวหลวง, บล.ทิสโก้, บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปรียบเทียบบริการ ค่าใช้จ่าย และเครื่องมือให้เหมาะกับคุณ
- เตรียมเอกสาร: ทั่วไปจะใช้
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร (สำหรับรับปันผล)
- เอกสารรายได้ (สลิปเงินเดือน รายการบัญชี)
- ยื่นเอกสารและกรอกใบสมัคร: ไปสาขาหรือออนไลน์ได้ สะดวกมาก
- รอการอนุมัติ: ใช้เวลา 3-7 วันทำการ
- ฝากเงินเข้าบัญชี: เมื่ออนุมัติแล้ว ฝากเงินเพื่อเริ่มซื้อหุ้น
ตอนนี้การเปิดบัญชีง่ายขึ้นเยอะ โดยเฉพาะออนไลน์ที่ช่วยลดขั้นตอน
แพลตฟอร์มและเครื่องมือการลงทุนที่นิยมในไทย
หลังมีบัญชี คุณเข้าถึงตลาดผ่านเครื่องมือเหล่านี้
- Streaming: โปรแกรมยอดนิยมจาก Settrade สำหรับดูราคาจริงเวลา สั่งซื้อขาย เช็คพอร์ต และข่าว มีทั้ง PC และมือถือ
- Settrade Website/Application: เว็บและแอปจาก Settrade มีข่าว วิเคราะห์ และเครื่องมือพื้นฐาน
- แอปพลิเคชันของบริษัทหลักทรัพย์: แต่ละโบรกเกอร์มีแอปตัวเอง อาจมีฟีเจอร์พิเศษ
- เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET): www.set.or.th แหล่งข้อมูลหลักสำหรับบริษัท ข่าว และความรู้
เลือกแพลตฟอร์มที่เข้ากับสไตล์คุณ จะทำให้ลงทุนได้คล่องตัวกว่า
ข้อควรระวังและคำแนะนำสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ในตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยน่าดึงดูด แต่มีกับดักสำหรับมือใหม่ ควรระวังและทำตามนี้
- อย่าเชื่อข่าวลือหรือตามกระแส: ศึกษาด้วยตัวเอง อย่าตามเพื่อนหรือข่าวไม่น่าเชื่อถือ
- ระวังการลงทุนที่ “การันตีผลตอบแทนสูง”: ไม่มีอะไรรับประกันกำไรสูงโดยไร้เสี่ยง ถ้ามีข้อเสนอแบบนี้ ให้สงสัย
- เริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อย: ใช้เงินที่รับขาดทุนได้ เพื่อเรียนรู้ตลาด
- กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss): จำกัดความเสียหายถ้าราคาไม่ดี
- สร้างวินัยการลงทุน: วางแผนชัดเจนและยึดตาม
- อย่ามองข้ามค่าธรรมเนียม: ค่าเทรด โอน และภาษี อาจกินกำไรถ้าเทรดบ่อย
- ระวังการใช้มาร์จิ้น (Margin): กู้เงินลงทุนเพิ่มเสี่ยง ถ้าตลาดไม่ดี ขาดทุนหนัก
- เรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ: อ่านหนังสือ สัมมนา หรือดูวิดีโอ เพื่ออัพสกิล
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ถ้าไม่แน่ใจ ถามที่ปรึกษาที่ ก.ล.ต. รับรอง
บทสรุป: ตลาดหุ้นไทยกับการลงทุนอย่างชาญฉลาด
ตลาดหุ้นคือเครื่องจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเปิดโอกาสลงทุนให้ผู้ที่พร้อมเรียนรู้ ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับนิยาม กลไก ผู้เล่น และประเภทหลักทรัพย์ มือใหม่จะก้าวสู่การลงทุนได้อย่างมั่นใจ
การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วยให้คุณมีส่วนในความเติบโตของประเทศ แต่ต้องทำด้วยสติ มีความรู้ และจัดการเสี่ยงดีๆ อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาเกินจริง ศึกษาข่าวสาร และเรียนรู้ต่อเนื่อง
การลงทุนคือ旅程ยาวๆ ความสำเร็จมาจากแผน วินัย และเข้าใจตลาด ไม่ใช่เก็งกำไรชั่วข้ามคืน ถ้าทำได้ ตลาดหุ้นไทยจะเป็นพลังสำคัญในการสร้างความมั่งคั่ง
ตลาดหุ้นคืออะไร และแตกต่างจากตลาดทุนอย่างไร?
ตลาดหุ้นคือส่วนหนึ่งของตลาดทุนที่เน้นการซื้อขายหุ้น ซึ่งแสดงถึงสิทธิ์เป็นเจ้าของบริษัท ส่วนตลาดทุนกว้างกว่านั้น ครอบคลุมการหาทุนระยะยาวทั้งหุ้นและตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร เพื่อนำเงินจากผู้มีเงินออมไปสู่ผู้ต้องการทุนพัฒนาเศรษฐกิจ
มือใหม่ควรเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วยเงินเท่าไหร่ดี?
ไม่มีตัวเลขแน่นอน แต่เริ่มด้วยเงินน้อยที่รับเสี่ยงสูญเสียได้ โดยไม่กระทบชีวิต บางโบรกเกอร์กำหนดซื้อขั้นต่ำ 100 หุ้นต่อครั้ง เงินเริ่มต้นอาจหลักพันถึงหมื่น ใช้เงินเย็นและค่อยเพิ่มเมื่อมีประสบการณ์
การเปิดบัญชีหุ้นในไทยต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง และใช้เวลานานแค่ไหน?
เอกสารทั่วไปสำหรับเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในไทย ได้แก่
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร (สำหรับหักเงินหรือรับปันผล)
- เอกสารแสดงรายได้ (สลิปเงินเดือน หนังสือรับรอง รายการบัญชี 3-6 เดือน)
การอนุมัติใช้เวลา 3-7 วันทำการ ขึ้นกับเอกสารครบถ้วน
ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ในช่วงเวลาใดบ้าง?
SET มีเวลาซื้อขายดังนี้
- ช่วงเช้า: 10:00 น. – 12:30 น.
- ช่วงบ่าย: 14:30 น. – 16:30 น. (บางหุ้นถึง 16:45 น.)
มีพักเที่ยงและหยุดวันหยุดราชการ ตรวจปฏิทิน SET เพื่อยืนยัน
ความเสี่ยงสูงสุดของการลงทุนในตลาดหุ้นคืออะไร และจะลดความเสี่ยงได้อย่างไร?
เสี่ยงสูงสุดคือเสียเงินทั้งหมดหรือบางส่วน จากราคาหุ้นตกหนักเนื่องจากผลงานบริษัท เศรษฐกิจ หรือเหตุไม่คาด ลดเสี่ยงได้โดย
- กระจายความเสี่ยง (Diversification): ลงทุนหลายตัวหรือหลายประเภท
- ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด: ดูธุรกิจ งบ และแนวโน้ม
- กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss): จำกัดเสียหาย
- ลงทุนระยะยาว: ลดผลจากผันผวนสั้น
- ลงทุนด้วยเงินเย็น: ใช้เงินไม่จำเป็น
หุ้น SET50 หรือ SET100 คืออะไร และนักลงทุนมือใหม่ควรรู้จักหรือไม่?
หุ้น SET50 คือหุ้น 50 บริษัทใหญ่และคล่องตัวที่สุด ส่วน SET100 คือ 100 บริษัทรองลงมา มือใหม่ควรรู้จักเพราะบริษัทเหล่านี้พื้นฐานแข็งแกร่ง ข้อมูลเยอะ และผันผวนน้อยกว่า เหมาะสำหรับเริ่มต้นมากกว่าหุ้นเล็กที่เสี่ยงสูง
ถ้าขาดทุนจากการลงทุนในหุ้น ต้องเสียภาษีหรือไม่ และมีเงื่อนไขอย่างไรในประเทศไทย?
ในไทย ขาดทุนจากขายหุ้นไม่หักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ แต่กำไรจากการขายหุ้นยกเว้นภาษี (เว้นซื้อขายเป็นธุรกิจหรือหุ้นกู้) ปันผลหักภาษี 10% ที่จ่าย สามารถขอคืนหรือเครดิตตอนยื่นภาษีประจำปี
มีช่องทางไหนบ้างที่ช่วยให้เรียนรู้เรื่องตลาดหุ้นไทยได้ฟรีและน่าเชื่อถือ?
ช่องทางเรียนรู้ฟรีและน่าเชื่อถือมีหลายที่
- เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET): www.set.or.th/th/education มีบทความ วิดีโอ หลักสูตรออนไลน์
- Settrade Website/Application: ข้อมูลและเครื่องมือพื้นฐาน
- ช่อง YouTube ของ SET: วิดีโออธิบายความรู้
- บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ: สัมมนาออนไลน์และบทความ
- ห้องสมุดมารวย: ห้องสมุดเฉพาะทางด้านลงทุน
ตลาดหุ้นไทยมีการควบคุมดูแลโดยหน่วยงานใด และมีหน้าที่อะไรในการคุ้มครองนักลงทุน?
หลักๆ โดย ก.ล.ต. ที่มีหน้าที่
- ออกกฎและกำกับตลาดทุน
- อนุมัติการขายหลักทรัพย์
- ตรวจสอบและป้องกันทุจริต
- ให้ความรู้แก่นักลงทุน
SET ก็ช่วยกำกับภายในตลาดให้ยุติธรรมและโปร่งใส
จะติดตามข่าวสารและข้อมูลตลาดหุ้นไทยได้อย่างไรให้ทันเหตุการณ์?
ติดตามจากหลายช่องทางเพื่อทันเหตุ
- เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET): www.set.or.th/th/market/news-and-alert/news
- แอปพลิเคชัน Streaming: ข่าวเรียลไทม์
- สำนักข่าวเศรษฐกิจ: กรุงเทพธุรกิจ ประชาชาติธุรกิจ Thairath Money The Standard Wealth
- บริษัทหลักทรัพย์: วิเคราะห์และข่าวจากโบรกเกอร์
- โซเชียลมีเดีย: เพจหรือกลุ่มน่าเชื่อถือ
เลือกหลายแหล่งและเปรียบเทียบข้อมูล