Gold Wallet เสียภาษีไหม 2567? คู่มือวางแผนภาษีทองคำดิจิทัลสำหรับนักลงทุนไทย

บทนำ: Gold Wallet เสียภาษีไหม? ไขข้อข้องใจนักลงทุนทองคำดิจิทัล

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและรูปแบบการลงทุนของเรา “Gold Wallet” ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับซื้อขายทองคำ ได้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนชาวไทย ด้วยความยืดหยุ่นที่ให้เข้าถึงและทำธุรกรรมได้ทุกเวลา ทุกที่ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ทว่า คำถามที่มักผุดขึ้นในใจนักลงทุนหลายรายคือ Gold Wallet ต้องเสียภาษีหรือไม่ และการเทรดทองคำผ่านแอปเหล่านี้มีกฎเกณฑ์ภาษีอย่างไร บทความนี้จะชำแหละทุกประเด็นเกี่ยวกับภาษีสำหรับทองคำดิจิทัล ช่วยให้คุณเข้าใจกฎระเบียบ เงื่อนไขต่าง ๆ และเคล็ดลับในการวางแผนภาษีที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนทองคำผ่าน Gold Wallet ในประเทศไทย เพื่อให้การลงทุนของคุณราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย

ภาพประกอบคนกำลังดูทองคำในกระเป๋าเงินดิจิทัลบนโทรศัพท์พร้อมเครื่องหมายคำถามรอบ ๆ

ทำความเข้าใจ “รายได้จากการขายทองคำ” ตามหลักภาษีไทย

ไม่ว่าคุณจะลงทุนในทองคำรูปแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นทองคำจริงหรือทองคำดิจิทัล สิ่งที่นักลงทุนทุกคนต้องใส่ใจคือกฎภาษีที่เกี่ยวข้อง การรู้จักประเภทรายได้และหลักการพื้นฐานของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเริ่มจากพื้นฐานเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนในภายหลัง

ภาพประกอบคนกำลังถือทองคำและเอกสารภาษีพร้อมสัญลักษณ์ภาษีไทยในพื้นหลัง

ประเภทของรายได้จากการขายทองคำ

ตามประมวลรัษฎากรของไทย กำไรที่ได้จากการขายทรัพย์สินถือเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทหนึ่ง ซึ่งต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นกำไรจากการขายทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ หรือแม้แต่ทองคำดิจิทัล หากคุณซื้อเข้ามาในราคาหนึ่งแล้วขายออกไปในราคาที่สูงกว่า กำไรส่วนต่างนั้นก็อาจต้องเสียภาษี โดยประเภทนี้ครอบคลุมทุกกรณีที่เกิดกำไรจากการลงทุนทองคำ

หลักการพื้นฐานของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวกับทองคำ

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคือภาษีที่เก็บจากบุคคลทั่วไปที่มีรายได้พึงประเมินในแต่ละปีภาษี ซึ่งรวมถึงกำไรจากการลงทุนต่าง ๆ ด้วย สำหรับการซื้อขายทองคำดิจิทัลผ่าน Gold Wallet หากคุณเป็นบุคคลธรรมดาและมีกำไรจากการขาย กำไรนั้นจะถูกรวมเข้ากับรายได้อื่น ๆ เพื่อคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้าที่กรมสรรพากรกำหนด ดังนั้น การรู้จักเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษีและอัตราภาษีที่ปรับตามระดับรายได้จึงเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการการลงทุนของคุณ

Gold Wallet และการเสียภาษี: ข้อกำหนดและเงื่อนไขสำคัญ

การทำธุรกรรมทองคำผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง Gold Wallet มาพร้อมกับข้อกำหนดทางภาษีที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเราจะมาดูรายละเอียดที่จำเป็นเหล่านี้กัน

ภาพประกอบแอปกระเป๋าเงินดิจิทัลบนสมาร์ทโฟนพร้อมแบบฟอร์มภาษีและเครื่องคิดเลขข้าง ๆ

Gold Wallet เสียภาษีไหม? คำตอบจากกรมสรรพากร

โดยหลักการทั่วไป กำไรจากการขายทองคำผ่าน Gold Wallet หรือแอปซื้อขายทองคำดิจิทัล ถือเป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรมสรรพากรมีกฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบางกรณีอาจมีข้อยกเว้น แต่การลงทุนทองคำดิจิทัลไม่ได้ถูกยกเว้นภาษีโดยตรงเหมือนกับการขายทองรูปพรรณหรือทองแท่งให้ร้านทองทั่วไปในบางเงื่อนไข ดังนั้น การรับทราบสถานะทางภาษีของกำไรที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้

เงื่อนไข “ยกเว้นภาษี” สำหรับการลงทุนทองคำ

แม้กำไรจากการขายทองคำส่วนใหญ่จะต้องเสียภาษี แต่ก็มีกรณีที่ได้รับการยกเว้นตามพระราชกฤษฎีกา เช่น กำไรจากการขายทองรูปพรรณหรือทองแท่งที่ได้มาจากมรดก หรือขายให้ผู้ค้าทองคำที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อนำไปหลอมหรือผลิตต่อ อย่างไรก็ตาม สำหรับการเทรดทองคำดิจิทัลผ่าน Gold Wallet ซึ่งคล้ายกับการลงทุนในตลาดรองและหลักทรัพย์ มักไม่เข้าข่ายยกเว้นเหล่านี้โดยตรง การศึกษาข้อยกเว้นเหล่านี้จะช่วยให้คุณประเมินภาระภาษีได้แม่นยำยิ่งขึ้น ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษีทองคำ สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของ กรมสรรพากร

ความแตกต่างระหว่างการซื้อทองคำจริงกับการเทรดทองคำดิจิทัล

การซื้อทองคำจริง เช่น ทองแท่งหรือทองรูปพรรณ กับการเทรดทองคำดิจิทัล มีความแตกต่างทั้งในกระบวนการซื้อขายและการเสียภาษี การถือครองทองคำจริงเป็นทรัพย์สินทางกายภาพ และการขายบางประเภทอาจได้รับยกเว้นภาษีตามที่กล่าว แต่ทองคำดิจิทัลเป็นสิทธิ์การเป็นเจ้าของที่บันทึกในระบบออนไลน์ ธุรกรรมเกิดขึ้นผ่านแพลตฟอร์มที่มีบันทึกชัดเจน ทำให้กำไรมีแนวโน้มถูกจัดเป็นเงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การเข้าใจความต่างนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการลงทุนได้ดีขึ้น

เปรียบเทียบแพลตฟอร์ม Gold Wallet ยอดนิยมกับผลกระทบทางภาษี

ในตลาดไทยมีแพลตฟอร์ม Gold Wallet ชั้นนำหลายตัว แต่ละแห่งอาจจัดการข้อมูลและรายงานต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการเตรียมภาษีของนักลงทุน เราจะมาดูตัวอย่างยอดนิยมเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน

Krungthai Gold Wallet (เป๋าตัง): ภาษีและการรายงาน

Krungthai Gold Wallet ในแอปเป๋าตัง เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงจากความสะดวกที่เชื่อมโยงกับแอปที่คนไทยใช้กันทั่วไป สำหรับภาษี กำไรจากการเทรดทองผ่าน Gold Wallet กรุงไทย ถือเป็นเงินได้ที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แพลตฟอร์มนี้บันทึกประวัติการซื้อขายที่ผู้ใช้ดึงดูได้ง่าย เพื่อใช้เป็นหลักฐานยื่นภาษี แต่โดยปกติแล้ว ไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายอัตโนมัติ นักลงทุนจึงต้องรับผิดชอบรวบรวมข้อมูลและยื่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับแพลตฟอร์มดิจิทัล

Huasengheng Gold Now (ฮั่วเซ่งเฮง): การคำนวณและเอกสารภาษี

Huasengheng Gold Now จากฮั่วเซ่งเฮง เป็นอีกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือสำหรับนักลงทุนทองคำดิจิทัล การเทรดที่นี่ก็ต้องพิจารณาภาษีเช่นเดียวกัน โดยระบบบันทึกข้อมูลการซื้อขายอย่างละเอียด ช่วยให้นักลงทุนดาวน์โหลดรายงานเพื่อใช้ยื่นภาษีได้สะดวก การคำนวณภาษีขึ้นกับกำไรแต่ละธุรกรรม และต้องนำรวมกับรายได้อื่นเพื่อหาภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หากคุณเป็นนักลงทุนที่ต้องการความโปร่งใส แพลตฟอร์มนี้ตอบโจทย์ได้ดี

แพลตฟอร์มอื่นๆ (เช่น แม่ทองสุก Gold Wallet): ข้อควรพิจารณา

นอกจาก Krungthai และ Huasengheng ยังมีแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น แม่ทองสุก Gold Wallet และผู้ให้บริการรายอื่น ซึ่งหลักภาษีโดยรวมคล้ายกัน คือกำไรจากการเทรดทองคำดิจิทัลต้องเสียภาษี นักลงทุนควรเช็คนโยบายของแต่ละแห่งเกี่ยวกับการเก็บข้อมูล การออก statement สำหรับยื่นภาษี และข้อกำหนดอื่น ๆ เพื่อให้มีเอกสารครบถ้วนสำหรับการคำนวณภาษีที่ถูกต้อง โดยเฉพาะในกรณีที่แพลตฟอร์มมีฟีเจอร์ช่วยเหลือเพิ่มเติม

ตัวอย่างการคำนวณภาษีรายได้จากการเทรดทองคำดิจิทัล (พร้อมกรณีศึกษา)

เพื่อให้เข้าใจการคำนวณภาษีได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตัวอย่างเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนประเมินภาระภาษีของตัวเองได้เบื้องต้น โดยอิงจากสถานการณ์จริงที่อาจเกิดขึ้น

กรณีที่ 1: ขายทองคำได้กำไรและต้องเสียภาษี

สมมติคุณซื้อทองคำดิจิทัลผ่าน Gold Wallet ที่ราคา 29,000 บาทต่อบาททองคำ แล้วขายที่ 30,000 บาทต่อบาททองคำ กำไรต่อบาทคือ 1,000 บาท หากขาย 10 บาท กำไรสุทธิจะเป็น 10,000 บาท กำไรนี้ต้องนำรวมกับรายได้อื่นในปีภาษีเพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สมมติรายได้สุทธิทั้งหมดของคุณอยู่ในขั้น 5% คุณจะเสียภาษี 500 บาท (10,000 x 5%) ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าการคำนวณต้องพิจารณารายได้รวม

รายการ จำนวนเงิน (บาท)
ราคาทองคำที่ซื้อ (ต่อบาท) 29,000
ราคาทองคำที่ขาย (ต่อบาท) 30,000
กำไรต่อบาททองคำ 1,000
จำนวนทองคำที่ขาย (บาท) 10
รวมกำไรจากการขายทองคำ 10,000
อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (สมมติ) 5%
ภาษีที่ต้องชำระจากกำไรทองคำ 500

กรณีที่ 2: ขายทองคำขาดทุนหรือเข้าข่ายได้รับการยกเว้นภาษี

หากคุณซื้อทองคำดิจิทัลที่ 30,000 บาท แล้วขายที่ 29,000 บาท คุณจะขาดทุน 1,000 บาท การขาดทุนจากการเทรด Gold Wallet ไม่สามารถนำมาหักภาษีได้ แต่ก็ไม่ต้องเสียภาษีจากส่วนนี้เช่นกัน สำหรับกรณีที่รายได้จากการขายทองคำเข้าข่ายยกเว้นตามกฎหมาย (ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่สำหรับทองดิจิทัล) คุณก็ไม่ต้องนำกำไรนั้นมาคำนวณ การประเมินภาษีที่ถูกต้องต้องดูทุกแหล่งรายได้และเงื่อนไขยกเว้นอย่างละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด

วิธีการวางแผนและยื่นภาษีสำหรับนักลงทุน Gold Wallet (ฉบับปี 2567)

การเตรียมตัววางแผนและยื่นภาษีให้ถูกต้องเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับนักลงทุน Gold Wallet เพื่อป้องกันปัญหาและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในปี 2567 ที่กฎเกณฑ์ยังคงเน้นความโปร่งใส

การรวบรวมข้อมูลและเอกสารสำหรับการยื่นภาษี

นักลงทุนควรบันทึกทุกธุรกรรมทองคำดิจิทัลอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงวันที่ซื้อขาย ราคา และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แพลตฟอร์ม Gold Wallet ส่วนใหญ่มีฟังก์ชันดาวน์โหลดรายงานหรือ statement ซึ่งเป็นเอกสารหลักสำหรับยื่นภาษี ตรวจสอบความถูกต้องและความครบถ้วนของข้อมูลเหล่านี้ เพื่อใช้คำนวณกำไรจากการขายทองคำได้อย่างแม่นยำ หากคุณทำธุรกรรมบ่อย การใช้เครื่องมือช่วยจัดระเบียบจะช่วยประหยัดเวลาได้มาก

ขั้นตอนการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออนไลน์

การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถทำออนไลน์ผ่านกรมสรรพากรได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ดังนี้

  1. เข้าสู่ระบบ: ไปที่เว็บไซต์ กรมสรรพากร แล้วเลือกเมนู “ยื่นแบบแสดงรายการภาษี”
  2. เลือกแบบแสดงรายการ: เลือก ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 ตามประเภทรายได้ (โดยปกติ กำไรจากการเทรดทองรวมใน ภ.ง.ด.90)
  3. กรอกข้อมูลเงินได้: นำกำไรจากการขายทองคำดิจิทัลไปกรอกในส่วน “เงินได้จากการขายทรัพย์สิน” (มาตรา 40(8)) หรือหมวดที่เกี่ยวข้อง
  4. คำนวณภาษี: ระบบจะคำนวณภาษีอัตโนมัติจากรายได้สุทธิทั้งหมด
  5. ชำระภาษี: หากมีภาษีต้องจ่าย เลือกช่องทางชำระที่สะดวกสำหรับคุณ

ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงและคำแนะนำเพิ่มเติม

  • ไม่ยื่นภาษี: การละเลยหรือยื่นผิดอาจนำไปสู่ค่าปรับและเงินเพิ่ม
  • คำนวณกำไรผิดพลาด: ตรวจสอบตัวเลขละเอียดทุกครั้งเพื่อความถูกต้อง
  • ไม่เก็บหลักฐาน: เก็บเอกสารการซื้อขายไว้อย่างน้อย 5 ปี เพื่อใช้ยืนยันหากมีการตรวจสอบ
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ถ้ากฎภาษีซับซ้อน ควรขอคำปรึกษาจากนักภาษีเพื่อปรับให้เหมาะกับสถานการณ์ส่วนตัว

สรุปและคำแนะนำสุดท้ายสำหรับนักลงทุน Gold Wallet ในไทย

การลงทุนทองคำดิจิทัลผ่าน Gold Wallet นำความสะดวกมาสู่การลงทุน แต่การเข้าใจภาระภาษีคือกุญแจสู่ความสำเร็จ กำไรจากการเทรดส่วนใหญ่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้น นักลงทุนควรศึกษาข้อมูล วางแผนอย่างรอบคอบ และเก็บหลักฐานธุรกรรมให้ครบ การปฏิบัติตามกฎหมายไม่เพียงช่วยหลีกเลี่ยงปัญหา แต่ยังเสริมความมั่นใจในการลงทุนยาวนาน นอกจากนี้ อย่าลืมติดตามข่าวสารและกฎใหม่จากกรมสรรพากร เพื่อปรับตัวให้ทันในปี 2567 และปีถัดไป

คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับ Gold Wallet และภาษี

Gold Wallet Krungthai (เป๋าตัง) ต้องเสียภาษีไหม และมีการหัก ณ ที่จ่ายหรือไม่?

กำไรจากการซื้อขายทองคำผ่าน Gold Wallet Krungthai บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ถือเป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยทั่วไปแล้ว แพลตฟอร์มไม่ได้มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายโดยอัตโนมัติ นักลงทุนมีหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลและยื่นภาษีด้วยตนเอง

การเทรดทองคำผ่าน Huasengheng Gold Now มีข้อกำหนดภาษีอะไรบ้าง?

เช่นเดียวกับ Gold Wallet อื่นๆ กำไรจากการเทรดทองคำผ่าน Huasengheng Gold Now ก็ต้องนำไปรวมคำนวณเป็นเงินได้พึงประเมินเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นักลงทุนควรดาวน์โหลดรายงานการซื้อขายจากแพลตฟอร์มเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษี

ขายทองคำได้กำไรเท่าไหร่ ถึงจะเริ่มต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา?

ไม่มีเกณฑ์ตายตัวว่า “ขายทองคำเท่าไหร่ถึงเสียภาษี” เนื่องจากกำไรจากการขายทองคำจะถูกนำไปรวมกับเงินได้อื่นๆ ทั้งหมดของคุณ หากเงินได้สุทธิรวมทั้งหมดเกินกว่าเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด (ปัจจุบันเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ได้รับยกเว้นภาษี) คุณก็จะต้องเสียภาษีตามอัตราก้าวหน้า

มีกรณีไหนบ้างที่กำไรจากการขายทองคำจะได้รับการ “ยกเว้นภาษี”?

โดยทั่วไป กำไรจากการเทรดทองคำดิจิทัลมักไม่ได้รับการยกเว้นภาษี อย่างไรก็ตาม มีบางกรณีที่กำไรจากการขายทองคำอาจได้รับการยกเว้น เช่น กำไรจากการขายทองรูปพรรณหรือทองคำแท่งที่ได้รับมาโดยมรดก หรือการขายให้กับผู้ค้าทองคำที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปหลอมหรือใช้ในการผลิต ซึ่งมักไม่เกี่ยวข้องกับการเทรด Gold Wallet โดยตรง

ถ้าขาดทุนจากการเทรด Gold Wallet สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ไหม?

ไม่สามารถทำได้ การขาดทุนจากการเทรดทองคำดิจิทัลผ่าน Gold Wallet ไม่สามารถนำไปหักลดหย่อนหรือหักกลบกับกำไรจากแหล่งอื่นเพื่อลดภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้

ต้องยื่นภาษีอย่างไรสำหรับรายได้จาก Gold Wallet และมีเอกสารอะไรที่จำเป็น?

คุณต้องรวบรวมรายงานการซื้อขายจากแพลตฟอร์ม Gold Wallet เพื่อคำนวณกำไรสุทธิ แล้วนำไปกรอกในแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90 (หรือ ภ.ง.ด.91 หากคุณมีแต่เงินเดือน) ในส่วนของเงินได้จากการขายทรัพย์สิน (มาตรา 40(8)) สามารถยื่นภาษีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของ กรมสรรพากร ได้

นอกจาก Krungthai และ Huasengheng แล้ว แพลตฟอร์ม Gold Wallet อื่นๆ เช่น แม่ทองสุก มีข้อแตกต่างทางภาษีหรือไม่?

หลักการทางภาษีโดยรวมจะคล้ายกัน นั่นคือกำไรจากการเทรดทองคำดิจิทัลยังคงเป็นเงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แพลตฟอร์มต่างๆ อาจแตกต่างกันที่รูปแบบการออกรายงานการซื้อขายและการให้บริการข้อมูลเพื่อการยื่นภาษี ซึ่งนักลงทุนควรตรวจสอบกับแต่ละแพลตฟอร์มโดยตรง

ภาษีจากการเทรดทองคำดิจิทัลสำหรับปีภาษี 2567 (2024) มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง?

ณ ปัจจุบัน (ปี 2567) ข้อกำหนดทางภาษีสำหรับกำไรจากการเทรดทองคำดิจิทัลยังคงเป็นไปตามหลักเกณฑ์เดิม คือถือเป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามประกาศและกฎหมายใหม่ๆ จากกรมสรรพากรอย่างต่อเนื่องเพื่อรับทราบการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น

หากซื้อทองคำจากต่างประเทศแล้วนำมาขายผ่าน Gold Wallet ในไทย จะเสียภาษีอย่างไร?

หากคุณเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและนำเงินได้จากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีเดียวกัน กำไรจากการขายทองคำที่ซื้อจากต่างประเทศแล้วนำมาขายผ่าน Gold Wallet ในไทยก็อาจต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทยเช่นกัน โดยจะถูกรวมเป็นเงินได้พึงประเมินของคุณ

Gold Wallet กับการลงทุนในกองทุนทองคำ มีผลทางภาษีต่างกันอย่างไร?

การลงทุนใน Gold Wallet เป็นการลงทุนในทองคำดิจิทัลโดยตรง กำไรที่ได้มักจะจัดเป็นเงินได้มาตรา 40(8) ที่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่วนการลงทุนในกองทุนรวมทองคำนั้น ผลตอบแทนอาจมาในรูปของกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (ซึ่งปัจจุบันได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาในประเทศไทย) หรือเงินปันผล (ซึ่งจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%) ดังนั้นผลทางภาษีจึงแตกต่างกันค่อนข้างมาก คุณสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษีกองทุนรวมได้จาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

More From Author

โบรกเกอร์ สเปรดต่ํา: 7 โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ไทยในปี 2024 พร้อมวิธีเลือกที่ชาญฉลาด

ดัชนีหุ้นยุโรป: คู่มือลงทุนฉบับเต็ม เจาะลึก 4 ดัชนีหลักที่นักลงทุนไทยไม่ควรมองข้าม

發佈留言

近期留言

尚無留言可供顯示。