### บทนำ: อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้ สำคัญไฉนต่อธุรกิจของคุณ?
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจรุนแรง การดูแลการเงินให้มีประสิทธิภาพสูงสุดกลายเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดความอยู่รอดและเติบโตขององค์กร หนึ่งในตัวชี้วัดที่มักไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร แต่มีบทบาทสำคัญคืออัตราหมุนเวียนของลูกหนี้ ซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมของสุขภาพการเงินและการจัดการกระแสเงินสดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวคิดพื้นฐาน วิธีการคำนวณ การวิเคราะห์ผลลัพธ์ และที่สำคัญคือตัวอย่างการนำไปใช้จริงในบริบทของธุรกิจไทยหลากหลายประเภท เพื่อให้เจ้าของกิจการ บรรณาธิการบัญชี และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินนำไปปรับใช้ ช่วยยกระดับการดูแลลูกหนี้การค้าและเสริมความมั่นคงทางการเงินให้กับบริษัทของคุณ

ไม่เพียงแค่นั้น การเข้าใจอัตราหมุนเวียนของลูกหนี้ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความท้าทายทางเศรษฐกิจในไทยได้ดีขึ้น เช่น การฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิดที่ทำให้การชำระหนี้ล่าช้าลง โดยรวมแล้วตัวชี้วัดนี้จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
### อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้ คืออะไร? ความหมายและวัตถุประสงค์
อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้คือตัววัดทางการเงินที่บอกถึงความถี่ที่บริษัทสามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าที่ซื้อแบบเครดิตได้ในช่วงเวลาหนึ่ง โดยปกติจะคำนวณแบบรายปี ซึ่งช่วยสะท้อนประสิทธิภาพในการจัดการลูกหนี้และการแปลงยอดขายที่ค้างชำระให้กลายเป็นเงินสดได้เร็วแค่ไหน

เพื่อให้เข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เรามาพูดถึงองค์ประกอบหลักสองส่วนกันก่อน ลูกหนี้การค้าคือยอดเงินที่ลูกค้าต้องจ่ายค่าสินค้าหรือบริการที่รับไปแล้ว ซึ่งบันทึกไว้ในงบดุล ส่วนยอดขายเชื่อสุทธิคือรายได้จากการขายแบบให้เครดิต โดยหักส่วนลดค้าขาย สินค้าคืน และไม่รวมยอดขายเงินสด การเลือกใช้วัดยอดขายเชื่อสุทธิเพราะตัวชี้วัดนี้เน้นเฉพาะการเก็บหนี้จากเครดิตเท่านั้น
เป้าหมายหลักในการคำนวณคือการประเมินสภาพคล่องของกิจการและความชำนาญในการหมุนเวียนเงินทุน หากเก็บหนี้ได้ไว ก็จะมีเงินสดพร้อมใช้สำหรับขยายธุรกิจหรือรับมือกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดได้ทันท่วงที โดยเฉพาะในตลาดไทยที่ลูกค้าบางกลุ่มชอบเลื่อนชำระเพื่อรักษาสภาพคล่องของตัวเอง
### เจาะลึกสูตรคำนวณ: อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้
สูตรสำหรับอัตราหมุนเวียนของลูกหนี้ค่อนข้างเรียบง่าย แต่การเข้าใจแต่ละส่วนอย่างละเอียดจะช่วยให้การนำไปใช้ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
สูตรพื้นฐานคือ ยอดขายเชื่อสุทธิ หารด้วย ลูกหนี้การค้าเฉลี่ย

เหตุผลที่ต้องใช้ยอดขายเชื่อสุทธิแทนยอดขายรวมทั้งหมด เพราะยอดขายเงินสดไม่ได้สร้างลูกหนี้ หากนำรวมกันจะทำให้ผลลัพธ์คลาดเคลื่อนและไม่แสดงภาพจริงของการเก็บหนี้ ข้อมูลนี้หาได้จากงบกำไรขาดทุน แต่อาจต้องปรับหากรายงานแสดงยอดรวม
สำหรับลูกหนี้การค้าเฉลี่ย การใช้วิธีนี้แทนยอดสิ้นงวดช่วยให้ได้ภาพรวมทั้งปีที่สมดุล โดยเฉพาะธุรกิจที่มีฤดูกาลชัดเจน เช่น การค้าปลีกในช่วงเทศกาล สูตรคือ (ลูกหนี้ต้นงวด บวก ลูกหนี้สิ้นงวด) หารด้วย 2
ลองมาดูตัวอย่างง่ายๆ กัน บริษัทเอมีข้อมูลปี 2566 ดังนี้ ยอดขายเชื่อสุทธิ 1,500,000 บาท ลูกหนี้ต้นปี 200,000 บาท และสิ้นปี 250,000 บาท
ขั้นตอนแรก หาลูกหนี้เฉลี่ย (200,000 + 250,000) / 2 = 225,000 บาท จากนั้นคำนวณอัตรา 1,500,000 / 225,000 = 6.67 เท่า หมายความว่าบริษัทเก็บหนี้ได้เฉลี่ย 6.67 ครั้งต่อปี ซึ่งช่วยให้เห็นว่าการจัดการเงินสดอยู่ในระดับที่น่าพอใจ หากนำไปเทียบกับปีก่อน จะยิ่งชัดเจนถึงแนวโน้มการปรับปรุง
### ตัวอย่างจริง: การคำนวณและวิเคราะห์อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้ในสถานการณ์ธุรกิจไทย
ส่วนนี้คือหัวใจสำคัญที่ทำให้คุณเห็นการนำไปใช้จริงในโลกธุรกิจไทย เราจะยกตัวอย่างสามกรณีที่แตกต่าง เพื่อให้ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม
#### ตัวอย่างที่ 1: ธุรกิจบริการ (บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัล)
บริษัทดิจิทัล โซลูชั่นส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาการตลาดดิจิทัลในกรุงเทพฯ มุ่งเน้นลูกค้า B2B โดยให้เครดิต 30 วันสำหรับลูกค้าทั่วไป และ 60 วันสำหรับลูกค้ารายใหญ่ที่มีสัญญายาว
ข้อมูลปี 2566 ยอดขายเชื่อสุทธิ 8,000,000 บาท ลูกหนี้ต้นงวด 1,200,000 บาท สิ้นงวด 1,400,000 บาท
คำนวณลูกหนี้เฉลี่ย (1,200,000 + 1,400,000) / 2 = 1,300,000 บาท จากนั้นอัตรา 8,000,000 / 1,300,000 = 6.15 เท่า
การวิเคราะห์เผยว่าบริษัทเก็บหนี้ได้ทุก 59 วันโดยประมาณ (365 / 6.15) ซึ่งเกินนโยบาย 30 วันสำหรับลูกค้าทั่วไป แต่ใกล้เคียงกับลูกค้ารายใหญ่ อาจเกิดจากลูกค้าหลักที่ใช้เวลายาวนาน หรือการติดตามลูกค้าย่อยที่ยังไม่คล่องตัว
คำแนะนำสำหรับธุรกิจไทยคือ แยกวิเคราะห์ตามกลุ่มลูกค้า และเสริมการติดตามหนี้สำหรับรายย่อย เพื่อดึงระยะเวลาให้ใกล้ 30 วันมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มเงินสดหมุนเวียน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมดิจิทัลที่ต้องการทุนเร็วเพื่อลงทุนโฆษณา
#### ตัวอย่างที่ 2: ธุรกิจค้าปลีก (ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์)
ร้านเทคโนโลยี แฟร์ จำกัด ในเชียงใหม่ ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักแบบเงินสด แต่ให้เครดิต 45 วันแก่ลูกค้าองค์กรเล็กและหน่วยงานรัฐ
ข้อมูลปี 2566 ยอดขายรวม 15,000,000 บาท แต่ยอดขายเชื่อสุทธิ 3,500,000 บาท (ส่วนที่เหลือเป็นเงินสด) ลูกหนี้ต้นงวด 400,000 บาท สิ้นงวด 550,000 บาท
ลูกหนี้เฉลี่ย (400,000 + 550,000) / 2 = 475,000 บาท อัตรา 3,500,000 / 475,000 = 7.37 เท่า
ผลลัพธ์บ่งชี้การเก็บหนี้ทุก 49-50 วัน (365 / 7.37) ซึ่งใกล้เคียงนโยบายแต่ยังช้ากว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะกับหน่วยงานรัฐที่มีขั้นตอนยุ่งยาก
คำแนะนำคือ กระตุ้นชำระเร็วด้วยส่วนลดสำหรับ 30 วันแรก หรือปรับระบบติดตามให้เข้มข้นขึ้น โดยคำนึงถึงลักษณะเฉพาะของลูกค่ารัฐในไทยที่อาจล่าช้าจากกระบวนการอนุมัติงบประมาณ
#### ตัวอย่างที่ 3: การเปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างสองบริษัทคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
มาดูการเปรียบเทียบระหว่างสยามแฟชั่น จำกัด และไทยสไตล์ จำกัด สองผู้ผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นในไทย ที่ให้เครดิต 60 วันแก่ร้านค้าปลีก
| รายการ | สยามแฟชั่น จำกัด | ไทยสไตล์ จำกัด |
| :——————— | :—————- | :————– |
| ยอดขายเชื่อสุทธิ (บาท) | 12,000,000 | 10,000,000 |
| ลูกหนี้การค้าต้นงวด (บาท) | 1,800,000 | 1,200,000 |
| ลูกหนี้การค้าปลายงวด (บาท) | 2,200,000 | 1,400,000 |
สำหรับสยามแฟชั่น ลูกหนี้เฉลี่ย (1,800,000 + 2,200,000) / 2 = 2,000,000 บาท อัตรา 12,000,000 / 2,000,000 = 6.00 เท่า
ไทยสไตล์ ลูกหนี้เฉลี่ย (1,200,000 + 1,400,000) / 2 = 1,300,000 บาท อัตรา 10,000,000 / 1,300,000 = 7.69 เท่า
ไทยสไตล์มีอัตราสูงกว่า แสดงถึงการเก็บหนี้ทุก 47-48 วัน ซึ่งเร็วกว่านโยบาย ขณะที่สยามแฟชั่นอยู่ที่ 60-61 วันตามนโยบายพอดี แต่ยังมีช่องว่างปรับปรุง
คำแนะนำคือ สยามแฟชั่นควรเรียนรู้จากไทยสไตล์ในเรื่องกระบวนการเก็บหนี้ เพื่อเร่งเงินสดโดยไม่เสียลูกค้า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยที่แข่งขันสูงและต้องการทุนหมุนเวียนเพื่อติดตามเทรนด์
### การตีความผลลัพธ์: อัตราหมุนเวียนลูกหนี้สูงหรือต่ำดีกว่ากัน?
การอ่านผลอัตราหมุนเวียนของลูกหนี้ต้องมองหลายมุม ไม่มีค่าคงที่ที่เหมาะสมทุกกรณี แต่มีแนวปฏิบัติทั่วไปที่ช่วยตัดสินได้
อัตราสูงมักเป็นข่าวดี เพราะบ่งบอกสภาพคล่องแข็งแกร่ง การจัดการลูกหนี้ดี ลูกค้ามีวินัยชำระ และนโยบายเครดิตรัดกุม แต่หากสูงเกินไป อาจเสี่ยงเสียโอกาสขายเพราะเงื่อนไขเครดิตสั้นเกิน จนลูกค้าหันไปหาคู่แข่งที่ยืดหยุ่นกว่า
ในทางตรงข้าม อัตราต่ำคือสัญญาณเตือน อาจมาจากการติดตามหนี้ล้มเหลว นโยบายเครดิตหลวม ลูกค้าคุณภาพต่ำ หรือสินค้าไม่ตรงใจลูกค้า ส่งผลให้เงินสดขาดแคลนและกระทบการดำเนินงาน โดยเฉพาะในไทยที่เศรษฐกิจผันผวนจากปัจจัยภายนอกอย่างน้ำท่วมหรือการส่งออก
เพื่อให้การตีความแม่นยำ ควรเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมในไทยและแนวโน้มภายในบริษัท เช่น ค้าปลีกมักมีอัตราสูงกว่าก่อสร้างที่ให้เครดิตยาว ข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือธนาคารจะช่วยให้เห็นภาพชัด โดยพิจารณาปัจจัยเฉพาะอย่างขนาดธุรกิจและภูมิภาค
### กลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารลูกหนี้และอัตราหมุนเวียน (สำหรับธุรกิจไทย)
การยกระดับอัตราหมุนเวียนของลูกหนี้จะช่วยให้ธุรกิจไทยมีเงินสดไหลเวียนดีขึ้นและรับมือความไม่แน่นอนได้ดีกว่า นี่คือแนวทางปฏิบัติที่นำไปใช้ได้จริง
เริ่มจากนโยบายเครดิตที่ชัดเจน โดยประเมินความน่าเชื่อถือลูกค้าก่อน จากประวัติชำระ สถานะการเงิน หรือเครดิตบูโร กำหนดเงื่อนไขชำระ วันครบกำหนด และค่าปรับล่าช้าในสัญญา รวมถึงจำกัดวงเงินเครดิตตามความเสี่ยงแต่ละราย
เสริมด้วยกระบวนการเก็บหนี้ที่แข็งแกร่ง ส่งใบแจ้งหนี้ทันทีหลังส่งสินค้า ติดตามด้วยอีเมล โทรศัพท์ หรือระบบอัตโนมัติก่อนและหลังครบกำหนด จัดทำรายงานอายุหนี้เพื่อโฟกัสลูกค้าที่ค้างนาน โดยในไทยที่กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคเข้มงวด ต้องทำอย่างสุภาพเพื่อรักษาความสัมพันธ์
เทคโนโลยีช่วยได้มาก ในไทยมีโปรแกรมบัญชีอย่าง FlowAccount ที่จัดการบิลและติดตามชำระ Peak สำหรับระบบคลาวด์ครบวงจรรวมวิเคราะห์รายงาน หรือ MyAccountCloud ที่เหมาะกับ SMEs ช่วยลดข้อผิดพลาดและให้ข้อมูลเรียลไทม์ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางที่ต้องการประหยัดต้นทุน
อีกวิธีคือเสนอส่วนลดชำระเร็ว เช่น ลด 2% ถ้าจ่ายใน 10 วัน (net 30) ซึ่งกระตุ้นลูกค้าและเร่งเงินสด โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวที่ลูกค้าชอบข้อเสนอแบบนี้
### ข้อจำกัดของอัตราหมุนเวียนของลูกหนี้และสิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม
แม้จะมีประโยชน์ แต่ตัวชี้วัดนี้มีข้อจำกัดที่ต้องระวัง ควรใช้คู่กับตัววัดอื่นเพื่อภาพรวมที่สมบูรณ์
ปัญหาหลักคือการหายอดขายเชื่อสุทธิที่ชัดเจน โดยเฉพาะจากงบสาธารณะที่อาจรวมยอดเงินสด หากธุรกิจขายเงินสดเยอะ อาจทำให้อัตราดูต่ำกว่าจริงเมื่อเทียบกับบริษัทเครดิตรายใหญ่
ลูกหนี้เฉลี่ยช่วยลดความผันผวน แต่หากเปลี่ยนนโยบายกะทันหันหรือมีเหตุการณ์ผิดปกติ เช่น ยอดสิ้นงวดพุ่งจากออร์เดอร์ใหญ่ อาจบิดเบือนผล
เสริมด้วย Days Sales Outstanding (DSO) หรือวันเก็บหนี้เฉลี่ย สูตรคือ 365 / อัตราหมุนเวียน เช่น อัตรา 6 เท่า DSO 60.83 วัน ช่วยเปรียบเทียบกับนโยบายเครดิต ข้อมูลเพิ่มเติมจาก ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จะให้มุมมองละเอียดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการจัดการหนี้ในบริบทไทยที่อาจมีปัจจัยวัฒนธรรมอย่างการเจรจาแบบไทยๆ
### บทสรุป: ก้าวสู่การบริหารลูกหนี้ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขในบัญชี แต่เป็นกระจกสะท้อนสุขภาพการเงินและศักยภาพในการสร้างกระแสเงินสด การศึกษาความหมาย สูตร การวิเคราะห์ และตัวอย่างในสถานการณ์ไทย จะช่วยให้คุณค้นพบจุดแข็ง จุดอ่อน และทางปรับปรุงในการดูแลลูกหนี้ เมื่อนำกลยุทธ์ที่เหมาะสมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ จะนำไปสู่สภาพคล่องที่เหนือกว่าและฐานะที่มั่นคง สนับสนุนการเติบโตยั่งยืนในตลาดไทยที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย
### คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้ที่ดีสำหรับธุรกิจ SMEs ในไทยควรเป็นเท่าไหร่?
ไม่มีตัวเลขตายตัวที่ถือว่า “ดีที่สุด” สำหรับ SMEs ในไทย เนื่องจากขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมและนโยบายเครดิตของธุรกิจนั้นๆ อย่างไรก็ตาม ควรมีอัตราส่วนที่สอดคล้องกับระยะเวลาเครดิตที่ให้กับลูกค้า และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเดียวกันในประเทศไทยเพื่อแสดงถึงประสิทธิภาพที่ดี
การที่อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมในไทยบ่งบอกถึงอะไร?
บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการเก็บหนี้ที่ต่ำกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสภาพคล่องและกระแสเงินสดตึงตัว ควรพิจารณาทบทวนนโยบายเครดิตและกระบวนการติดตามหนี้
โปรแกรมบัญชีที่ใช้ในไทย เช่น FlowAccount หรือ Peak ช่วยในการติดตามอัตราหมุนเวียนของลูกหนี้ได้อย่างไร?
โปรแกรมเหล่านี้ช่วยในการออกใบแจ้งหนี้, บันทึกการชำระเงิน, จัดทำรายงานอายุลูกหนี้ (Aging Report) และคำนวณอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้บริหารสามารถเห็นภาพรวมและติดตามประสิทธิภาพการเก็บหนี้ได้อย่าง Real-time
นโยบายเครดิตแบบไหนที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันของประเทศไทย?
ควรเป็นนโยบายที่ยืดหยุ่นแต่รัดกุม มีการประเมินความเสี่ยงลูกค้าอย่างละเอียด และพิจารณาให้เครดิตตามความจำเป็นและศักยภาพในการชำระหนี้ของลูกค้าแต่ละราย รวมถึงการเสนอเงื่อนไขจูงใจสำหรับการชำระเงินเร็ว
หากลูกหนี้ไม่ชำระตามกำหนด ธุรกิจไทยควรมีขั้นตอนการติดตามทวงหนี้อย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย?
- เริ่มจากการส่งจดหมายเตือนหรือโทรศัพท์ติดตามอย่างสุภาพ
- หากยังไม่ชำระ อาจต้องมีการออกหนังสือทวงถามอย่างเป็นทางการ
- หากหนี้มีจำนวนมากและค้างชำระนาน อาจพิจารณาปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป โดยต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. การทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 อย่างเคร่งครัด
อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้กับการบริหารกระแสเงินสดของบริษัทไทยมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร?
อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้ยิ่งสูง หมายถึงบริษัทสามารถเปลี่ยนลูกหนี้ให้เป็นเงินสดได้เร็วขึ้น ทำให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียนในธุรกิจมากขึ้น ช่วยเสริมสภาพคล่องและลดความจำเป็นในการกู้ยืมเงิน
นอกจากอัตราหมุนเวียนของลูกหนี้แล้ว มีตัวชี้วัดทางการเงินใดอีกบ้างที่ธุรกิจไทยควรรู้เพื่อประเมินประสิทธิภาพการเก็บหนี้?
ควรพิจารณา Days Sales Outstanding (DSO) หรือระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย ซึ่งบอกจำนวนวันเฉลี่ยในการเก็บหนี้ นอกจากนี้ยังสามารถดูสัดส่วนลูกหนี้เสีย (Bad Debt Ratio) และวิเคราะห์อายุลูกหนี้ (Accounts Receivable Aging) เพื่อระบุลูกหนี้ที่ค้างชำระนาน
การให้ส่วนลดสำหรับการชำระเงินเร็ว (Early Payment Discount) เหมาะสมกับธุรกิจไทยทุกประเภทหรือไม่?
ไม่เสมอไป ธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำอาจไม่เหมาะกับการให้ส่วนลดนี้เนื่องจากจะลดกำไรลงอีก แต่หากธุรกิจต้องการเร่งกระแสเงินสดอย่างมากและมีอัตรากำไรที่เหมาะสม การให้ส่วนลดอาจเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ
มีข้อควรระวังอะไรบ้างในการวิเคราะห์อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้สำหรับธุรกิจที่มีฤดูกาลขายแตกต่างกันในประเทศไทย?
สำหรับธุรกิจที่มีฤดูกาลขาย เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว หรือเกษตรกรรม ยอดขายและลูกหนี้อาจผันผวนสูง การใช้ลูกหนี้การค้าเฉลี่ยจะช่วยได้ แต่การเปรียบเทียบระหว่างไตรมาสหรือปีที่ต่างกันต้องระมัดระวัง ควรเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าเพื่อลดผลกระทบจากฤดูกาล
การใช้บริการรับซื้อลูกหนี้ (Factoring) เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจไทยที่ต้องการเพิ่มสภาพคล่องหรือไม่?
เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับ SMEs ที่ต้องการเงินสดหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อมีลูกหนี้การค้าจำนวนมากและต้องรอการชำระนาน Factoring ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทันที แต่ก็มีค่าใช้จ่าย (ค่าธรรมเนียม) ที่ต้องพิจารณา